การใช้ Future Tense: วิธีใช้ประโยคสำคัญในภาษาไทย

การใช้ Future Tense:
Future Tense เป็นหนึ่งในประเภทของ Tense ในภาษาไทยที่ใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์หรือกระบวนการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หลักการใช้ Future Tense มีหลายรูปแบบโดยแต่ละรูปแบบจะมีลักษณะและความสำคัญที่แตกต่างกัน ในบทความนี้จะช่วยให้เข้าใจและเรียนรู้วิธีการใช้ Future Tense ในภาษาไทยอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

1. หลักการใช้ Future Tense
1.1 ความหมายและลักษณะของ Future Tense
Future Tense ใช้ในการอธิบายเหตุการณ์หรือกระบวนการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งสามารถใช้เพื่อพยากรณ์เหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตหรืออธิบายเหตุการณ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นในอนาคต

1.2 ประโยชน์และความสำคัญของการใช้ Future Tense
การใช้ Future Tense ช่วยให้เราสามารถเล่าเรื่องเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้ โดยการใช้ Future Tense เราสามารถพูดถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตให้คนฟังเข้าใจได้ง่ายและชัดเจน

1.3 การสร้าง Future Tense ในประโยค
เพื่อสร้าง Future Tense ในประโยค เราจำเป็นต้องใช้กริยาช่วยคือ will หรือ shall ร่วมกับกริยาหลักในรูปช่องที่หนึ่ง เช่น I will go, she will eat, they will play นอกจากนี้ยังสามารถใช้คำกริยาช่วยอื่นๆ เช่น may, might, probably, surely เพื่อเสริมความสมบูรณ์และความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ในอนาคต

2. การใช้ Future Simple Tense
2.1 การใช้ Future Simple Tense เพื่อพยากรณ์เหตุการณ์ในอนาคต
Future Simple Tense ใช้ในการพยากรณ์เหตุการณ์หรือการอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคตอย่างไม่แน่นอน โดยเราใช้กริยาช่วย will หรือ shall ร่วมกับกริยาหลัก

2.2 วิธีการใช้กริยาช่วย will และ shall
– ใช้ will กับกริยาหลักที่มีบุคคลทั่วไป เช่น I, you, he, she, it, we, they และ shall ใช้กับกริยาหลักที่ส่วนปฎิบัติในประโยคเป็นบุคคลที่สาม เช่น you, he, she, it, we, they
– เช่น I will go, she will eat, they will play, he shall arrive, we shall leave

2.3 รูปแบบของ Future Simple Tense พร้อมตัวอย่างประโยคที่ใช้
รูปแบบของ Future Simple Tense คือ [subject + will/shall + verb] ตัวอย่างประโยคที่ใช้ Future Simple Tense ได้แก่
– I will eat dinner later.
– She will travel to Bangkok next week.
– They will study for the exam tomorrow.

3. การใช้ Future Continuous Tense
3.1 การใช้ Future Continuous Tense เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่กำลังเกิดในอนาคต
Future Continuous Tense ใช้ในการอธิบายเหตุการณ์หรือกระบวนการที่กำลังเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจะใช้กริยาช่วย will be หรือ shall be ร่วมกับกริยาที่มีช่วงเวลาหรือกระบวนการที่เป็นต่อเนื่อง

3.2 วิธีการใช้กริยาช่วย will be หรือ shall be
– ใช้ will be กับกริยาที่ลงท้ายด้วย -ing เช่น I will be studying, she will be eating, they will be playing และ shall be ใช้กับกริยาที่ลงท้ายด้วย -ing เช่น he shall be arriving, we shall be leaving

3.3 รูปแบบของ Future Continuous Tense พร้อมตัวอย่างประโยคที่ใช้
รูปแบบของ Future Continuous Tense คือ [subject + will be/shall be + verb-ing] ตัวอย่างประโยคที่ใช้ Future Continuous Tense ได้แก่
– I will be studying for the exam tomorrow.
– She will be eating dinner when you arrive.
– They will be playing soccer at the park this afternoon.

4. การใช้ Future Perfect Tense
4.1 การใช้ Future Perfect Tense เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่จะเสร็จสมบูรณ์ในอนาคต
Future Perfect Tense ใช้ในการอธิบายเหตุการณ์หรือกระบวนการที่จะเสร็จสมบูรณ์ในอนาคต ซึ่งสามารถใช้การ์ยาช่วย will have ร่วมกับกริยาหลัก เพื่อเน้นความสมบูรณ์และการเกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์อื่นๆ

4.2 วิธีการใช้กริยาช่วย will have
ใช้ will have ร่วมกับกริยาหลัก เช่น I will have finished, she will have eaten และ they will have played

4.3 รูปแบบของ Future Perfect Tense พร้อมตัวอย่างประโยคที่ใช้
รูปแบบของ Future Perfect Tense คือ [subject + will have + past participle] ตัวอย่างประโยคที่ใช้ Future Perfect Tense ได้แก่
– I will have finished this project by tomorrow.
– She will have eaten dinner by the time we arrive.
– They will have played the game before it starts raining.

5. การใช้ Future Perfect Continuous Tense
5.1 การใช้ Future Perfect Continuous Tense เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดและยังคงเกิดในอนาคต
Future Perfect Continuous Tense ใช้ในการอธิบายเหตุการณ์หรือกระบวนการที่เกิดขึ้นและยังคงเกิดต่อไปในอนาคต โดยใช้กริยาช่วย will have been ร่วมกับกริยาที่ลงท้ายด้วย -ing

5.2 วิธีการใช้กริยาช่วย will have been
ใช้ will have been ร่วมกับกริยาที่ลงท้ายด้วย -ing เช่น I will have been waiting, she will have been studying, they will have been playing

5.3 รูปแบบของ Future Perfect Continuous Tense พร้อมตัวอย่างประโยคที่ใช้
รูปแบบของ Future Perfect Continuous Tense คือ [subject + will have been + verb-ing] ตัวอย่างประโยคที่ใช้ Future Perfect Continuous Tense ได้แก่
– I will have been waiting for two hours by the time he arrives.
– She will have been studying all day before the exam.
– They will have been playing soccer for a while when it starts raining.

6. การเลือกใช้ Future Tense อย่างถูกต้อง
6.1 การใช้ Future Tense กับประโยคเงื่อนไข
เมื่อมีประโยคเงื่อนไขในอนาคต เราสามารถใช้ Future Tense เพื่ออธิบายผลตอบแทนหรือเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้

6.2 การใช้ Future Tense กับคำกริยาที่เกี่ยวข้อง
เมื่อมีคำกริยาที่เกี่ยวข้องในประโยค เราสามารถใช้ Future Tense เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่

อนาคตคือหนึ่งในเรื่องที่เราไม่สามารถคาดการณ์ได้แน่นอน ด้วยความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและสังคม ทว่า ในภาษาไทยมีตัวช่วยที่ช่วยให้เราสามารถพูดถึงอนาคตได้แบบเป็นระเบียบ นั่นก็คือ อนาคตกาลหรือ “future tense” มาเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการใช้งานของอนาคตกาลในภาษาไทยพร้อมกับตัวอย่างประโยคต่างๆ ในบทความนี้

เพื่อให้เข้าใจคร่าวๆว่าอนาคตกาลหมายถึงอะไร ในภาษาอังกฤษนั้นมีอนาคตกาลที่ถูกกำหนดอย่างสิบชนิด (อาจมากขึ้นตามบทคําร้อง) แต่ในภาษาไทย เรามีแค่ “โครงข่าย TIME” เท่านั้น เป็นคำบอกเวลาที่บอกจุดเริ่มต้น ขณะที่เขียนนี้เราได้รวบรวม 12 โครงข่าย TIME กับขนาดราวๆผู้อ่านไว้ ซึ่งเนื้อหาทั้ง 12 จะใช้ในคำสั่งภาษารูปแบบ “กริยา + โครงข่าย TIME”

1. สะกดาปู่-มิถุนายนหน้า (Future Simple)
เช่น “พรุ่งนี้ผมจะไปเที่ยวชะอำ” ในที่นี้เราใช้โครงสร้าง “จะ + กริยา” เพื่อบอกว่าเราจะทำอะไรบางอย่างในอนาคต กล่าวคือ เราจะไปเที่ยวชะอำในวันพรุ่งนี้

2. สะกดิ้น-มิถุนายนหน้า (Future Sub-adjectival Simple)
เช่น “แม่ ณ วันหลังการถึงบ้านจากงานต้องทำงานตลอดทั้งคืน” ในที่นี้เราใช้โครงสร้าง “โดย + กริยา” เพื่อบอกว่าเราต้องทำอะไรบางอย่างเป็นอย่างต่อเนื่องในอนาคต เมื่อแม่ถึงบ้านจากงาน แม่ต้องการทำงานตลอดคืน

3. จน-มิถุนายนหน้า (Future Continuous)
เช่น “พี่เติมกำลังจะขี่จักรยานในสวน” ในที่นี้เราใช้โครงสร้าง “กำลัง + กริยา” เพื่อบอกว่าเราจะกำลังทำอะไรบางอย่างในอนาคตอยู่ในขณะนั้น กล่าวคือ เรากำลังขี่จักรยานในสวน

4. ละ-มิถุนายนหน้า (Future Perfect)
เช่น “พี่จะทำงานจนกว่าจะสำเร็จ” ในที่นี้เราใช้โครงสร้าง “จน + กริยา” เพื่อบอกว่าเราจะทำอะไรบางอย่างจนกระทั่งถึงจุดหนึ่งในอนาคต กล่าวคือ เราจะทำงานจนกว่าจะเสร็จ

5. ว่ามาทาน-มิถุนายนหน้า (Future More Perfect)
เช่น “น้องและฉันจะทำการบ้านวันนี้ก็คงจะเสร็จ” ในที่นี้เราใช้โครงสร้าง “ก็คงจะ + กริยา” เพื่อบอกว่าในอนาคตเราคงจะทำอะไรบางอย่างแล้วแน่นอน กล่าวคือ เราจะทำการบ้านวันนี้และน่าจะทำเสร็จ

6. ละเอียดวิธี-มิถุนายนหน้า (Future More Perfect Sub-adjunct Method)
เช่น “เมื่อเสร็จขึ้น-นับของฝากน้องแม้ว่านำออกจากตู้นักเรียนแล้วก็ตาม” ในที่นี้เราใช้โครงสร้าง “ขึ้นว่า + กริยา” เพื่อบอกว่าเมื่ออะไรบางอย่างเสร็จสิ้นแล้วเราจะกลับไปทำอีกข้อในอนาคต

7. สวดแสงอันดามัน-มิถุนายนหน้า (Future More Perfect Within the Horizon)
เช่น “ผมเสร็จกระดานคู่สนามฟุตบอลก็หันกลับมากลับบ้าน” ในที่นี้เราใช้โครงสร้าง “คู่โดย + กริยา” เพื่อบอกว่าเมื่ออะไรบางอย่างเสร็จแล้ว กล่าวคือ เมื่อเสร็จกระดานคู่สนามฟุตบอลเราก็จะกลับบ้าน

8. ไล่ซ่านวิบัติ-มิถุนายนหน้า (Future Continuous Simple)
เช่น “เด็กๆ กำลังจะนอนอยู่ในห้องของพวกเขาเอง” ในที่นี้เราใช้โครงสร้าง “อยู่โดย + กริยา” เพื่อบอกว่าเราคาดหวังให้เมื่ออนาคตเกิดขึ้น เด็กๆ จะกำลังนอนอยู่ในห้องของพวกเขาเอง

9. สร้างเอี้ยวเห็ด-ต้นเดือนหน้า (Future Deliberative Simple)
เช่น “พ่อคงจะสร้างกับน้องเอี้ยงเκ็∼ดขนม exo ในวันแรกของเดือนหน้า” ในที่นี้เราใช้โครงสร้าง “น่าจะ + กริยา” เพื่อเสนอความคิดที่คาดหวังให้เกิดขึ้นในอนาคต กล่าวคือ พ่อคาดหวังจะสร้างกับน้องเอี้ยงเκ็∼ดขนม exo ในวันแรกของเดือนหน้า

10. ไว้ทำไว้แต่งตัว-ตรงกลางเดือนหน้า (Future Deliberative Reflective)
เช่น “ฉันจะฝีกใจสมหภาพให้เมื่อไหร่คุณเจอแฟนเก่า” ในที่นี้เราใช้โครงสร้าง “สมมา + กริยา” เพื่อบอกว่าเราจะพยายามทำอะไรบางอย่างเพื่อให้เกิดสมบัติเมื่อไหร่คุณเจอแฟนเก่า

11. ไว้แม่แมวทางเสนหา-แล้งหน้า (Future Deliberative Sub-adjunct Reflective)
เช่น “พักปีไปก่อนต้องแจ้งบ้าน” ในที่นี้เราใช้โครงสร้าง “แจ้ง + กริยา” เพื่อบอกว่าเราจะทำอะไรบางอย่างเพื่อสิ่งที่ต้องดำเนินไปในอนาคต กล่าวคือ ต้องแจ้งบ้านก่อนที่จะพักปีไป

12. สร่างแผน-ฝนหน้า (Future Architectonics)
เช่น “หลังบรรดาผู้อันเหลือเกินจะทแยงมาหาชาติจะสรางฟาริงเทลไม้เอ็กซ์” ในที่นี้เราใช้โครงสร้าง “จะ + กริยา + เช่น + กริยา” เพื่อบอกว่าในอนาคตเราจะทำอะไรเพื่อสร้างสรรค์เกี่ยวกับสิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้น กล่าวคือ เราจะสร้างฟาริงเทลไม้เอ็กซ์หลังบรรดาผู้อันเหลือเกินเท่านั้น

แต่ความเสนอชื่อแค่ครูฝึกเก่าแรกมือวิจารณ์เท่านั้น เราจะยึดตามคำบอกชี้แจงอนาคตกาลเป็นหลัก ของมหาวิทยาลัยฉบับนี้เท่านั้น

หวังว่าคุณจะสนุกกับการใช้อนาคตกาลในภาษาไทยและเพลิดเพลินกับการใช้มันในบทสนทนาของคุณ!

FAQs

Q: อนาคตกาลคืออะไร?
A: อนาคตกาลหมายถึงรูปแบบภาษาที่ใช้ในการพูดถึงเหตุการณ์ที่กำหนดในอนาคต

Q: ภาษาไทยมีกี่โครงข่าย TIME?
A: ภาษาไทยมีทั้งหมด 12 โครงข่าย TIME ที่ใช้ในการแสดงอนาคตกาล

Q: สิ่งที่ต่างจากอนาคตกาลในภาษาอังกฤษคืออะไร?
A: ในภาษาอังกฤษมีอาจมากถึง 16 รูปแบบของอนาคตกาล ในขณะที่ภาษาไทยมีเพียง 12 โครงข่าย TIME เท่านั้น

Q: จะใช้อนาคตกาลในภาษาไทยได้อย่างไร?
A: เราสามารถใช้อนาคตกาลในภาษาไทยโดยการใส่คำบอกเวลาหรือโครงข่าย TIME หลังกริยา เช่น จะ, โดย, กำลัง, จน, ว่ามาทาน, ละ, สวดแสงอันดามัน, ละเอียดวิธี, ไว้ทำไว้แต่งตัว, ไว้แม่แมวทางเสนหา, ได้แต่หนูมัน, ผมเอาปืนสั้นให้สาวแดนเท่ากับขนม, และสร้างเอี้ยวเห็ด

Q: มีคำคล้ายคลึงไหมเมื่อใช้อนาคตกาลในภาษาไทย?
A: ใช่, คำใช้งานบ่งบอกถึงอนาคตในภาษาไทยจะมีความคล้ายคลึงกับคำในภาษาอังกฤษบางคำ เช่น กำลัง (ก็เหมือนกับ “is/are/am going to” ในภาษาอังกฤษ), จะ (ก็เหมือนกับ “will/shall” ในภาษาอังกฤษ), โดย (ก็เหมือนกับ “by” ในภาษาอังกฤษ), จน (ก็เหมือนกับ “until” ในภาษาอังกฤษ), ว่ามาทาน (ก็เหมือนกับ “will have” ในภาษาอังกฤษ), ละ (ก็เ

โครงสร้าง Future Tense in Thai: Exploring the Path to Future Events

The Thai language, known for its graceful tonal variations and intricate script, also features a unique system for expressing future events. The future tense in Thai, or “โครงสร้างอนาคต,” is a fascinating aspect of the language that allows speakers to convey their intentions, predictions, and speculations about forthcoming actions and occurrences. In this article, we will dive deeper into the structure of the future tense in Thai, exploring its nuances, common usage, and addressing frequently asked questions.

Structure and Formation of Future Tense in Thai:

The future tense in Thai employs a simple and straightforward structure by utilizing auxiliary verbs. By combining the main verb with specific auxiliary verbs, speakers can accurately indicate future actions or events. In Thai, the verb “จะ” (ja) is the primary auxiliary verb used to signify the future tense. Here is an example of the structure:

[Subject] + [จะ] + [Verb]

For instance:

ผมจะเดินไปที่สวนสาธารณะ (phǒm ja dern bpai tîi sǔan sà-thaa-rá-na)

I will walk to the park.

In this sentence, “ผม” (phǒm) is the pronoun for “I,” “จะ” (ja) serves as the auxiliary verb indicating future tense, and “เดินไป” (dern bpai) means “to walk.” Lastly, “ที่สวนสาธารณะ” (tîi sǔan sà-thaa-rá-na) translates to “to the park.” By following this structure, Thai speakers can effectively express future actions and events.

Nuances and Usage:

While the structure itself remains relatively constant, the future tense in Thai encompasses various nuances and usage patterns. Let’s explore a few of them below:

1. Omission of Auxiliary Verb:
In colloquial Thai, the auxiliary verb “จะ” (ja) is occasionally omitted, particularly when the future meaning is sufficiently understood from the context. For example:
คุณไปไหน? (kun bpai nǎi)
Where are you going?

In this sentence, “ไป” (bpai) means “to go,” and the future tense is implied without the explicit use of the auxiliary verb “จะ” (ja).

2. Indefinite Future Time:
Thai language allows speakers to indicate future actions or events without specifying an exact time. Here, the word “นำ” (nam) can be used to express an indefinite future, such as “someday” or “in the future”.
เขาจะมาเยี่ยมชมอีกครั้งไม่ใช่วันนี้ แต่นำโดยทั่วไป (kǎo ja maa yîam chom ìik khráng mâi châi wan níi tâe nam doy tûa bpai)
He will visit again, but in the future rather than today.

In this example, “นำโดยทั่วไป” (nam doy tûa bpai) adds the connotation of an indefinite future timeframe.

3. Immediate Future:
When discussing actions that are likely to occur soon or in the immediate future, Thai speakers often utilize the auxiliary verb “กำลัง” (gam-lang) before the main verb. Here’s an example:
ฉันกำลังจะไปซื้อของ (chǎn gam-lang ja bpai séu kǎwng)
I am about to go shopping.

In this sentence, “กำลัง” (gam-lang) expresses the notion of an imminent or near future.

4. Hypothetical Future:
Thai language also provides a way to discuss hypothetical or speculative future events using the phrase “ถ้า…” (thâa) which means “if.” By combining this phrase with the future tense structure, speakers can delve into possible future scenarios.
ถ้าฉันไปเที่ยวเกาะ ฉันจะเป็นสุขมาก (thâa chǎn bpai tîao gàw, chǎn ja bpen sùk mâak)
If I go on a vacation to an island, I will be very happy.

This example demonstrates how the future tense is combined with hypothetical clauses to express a potential future outcome.

Frequently Asked Questions (FAQs):

Q1: Are there any other auxiliary verbs to express the future tense in Thai?
A1: Although “จะ” (ja) is the most commonly used auxiliary verb for the future tense, Thai also has other auxiliary verbs like “เอาล่ะ” (ao lá) and “เถอะ” (thòe) that can be used in specific circumstances, but they are less common.

Q2: Can the future tense be combined with time indicators to specify the exact time of a future event?
A2: Yes, the future tense structure can be combined with time indicators to provide the specifics of a future event. For example: “พรุ่งนี้ผมจะไปทะเล” (prúng níi phǒm ja bpai tá-lae) translates to “I will go to the beach tomorrow.”

Q3: Is the future tense exclusively used for personal actions or events?
A3: No, the future tense can be used to express actions or events involving others as well as general predictions and future states. It is not limited to personal actions only.

Q4: Can the future tense be used interchangeably with other verb tenses?
A4: While the future tense is primarily used to refer to future actions or events, Thai also employs other tenses, such as present and past, depending on the context and intended meaning.

Conclusion:

Understanding the structure and usage of the future tense in Thai is essential for anyone seeking to communicate about upcoming events or expressing intentions in the language. By following the subject-จะ-verb structure, Thai speakers can elegantly convey their future plans, predictions, and hypothetical scenarios. So whether you’re planning a trip or discussing future aspirations, mastering the future tense in Thai adds depth and precision to your communication skills.

อนาคตเป็นสิ่งที่มีหลายคนคาดหวังและกลัวในเวลาเดียวกัน เราไม่สามารถคาดเดาโอกาสที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้แน่นอน แต่หากเราอยากใช้ภาษาไทยเพื่อที่จะห่วงใยหรือเสนอแนะเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ก็ต้องใช้ Future Tense สรุปในภาษาไทย

Future Tense สรุปเป็นอุปกรณ์หรือรูปแบบภาษาที่ใช้สำหรับการพูดถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยภาษาไทยมี Future Tense กลไกหนึ่งซึ่งจะใช้คำกริยาหรือคำคมของคำกริยาบอกเหตุการณ์ในอนาคต เพื่อช่วยให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านสามารถเข้าใจได้ว่าเหตุการณ์ใดที่จะเกิดขึ้นจริงๆ

ในภาษาไทย เราสามารถใช้คำกริยาเพียงตัวเดียว ตามด้วยคำคมของคำกริยาเพื่ออธิบายเหตุการณ์ในอนาคต ตัวอย่างเช่น “เขาจะไปเที่ยวที่ชายทะเล” ในประโยคนี้ “จะไป” คือคำกิรัยหรือ ตัวกลุ่มของกริยา และ “เที่ยวที่ชายทะเล” คือคำคมของคำกริยาอีกคำหนึ่ง

นอกจากนี้ เรายังสามารถใช้คำกริยาของได้แบบสรุปเพิ่มเติมได้อีกหลายรูปแบบ เช่น รูปแบบ “กำลังจะ” ซึ่งมักใช้เมื่อเราต้องการเตือนถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ตัวอย่างเช่น “พ่อกำลังจะถึงที่นี่” รูปแบบนี้มองการเกิดเหตุการณ์ในอนาคตให้เหมือนกับกำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน

นอกจากนี้ยังมีรูปแบบ Future Tense อื่นๆ อีก เช่น รูปแบบ “เตรียมที่จะ” เมื่อใช้รูปแบบนี้ เรากำลังเตรียมตัวเอาไว้ในการเกิดเหตุการณ์ในอนาคต ตัวอย่างเช่น “เด็กคนนี้กำลังเตรียมที่จะเรียนต่อต่างประเทศ” เราแนะนำให้เด็กคนนี้ตัดสินใจเตรียมตัวเกี่ยวกับการเรียนต่อในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม เราควรระวังในการใช้ Future Tense เพราะบางครั้งอาจเกิดความสับสนหรือคำนึงว่าเป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแน่นอน เมื่อแสดงความรู้สึกหรือคาดคะเนในอนาคตของเรา แต่อย่างไรก็ตาม เรายังสามารถใช้ตัวช่วยอื่นๆ เพื่อจัดการความสับสนนี้ เช่น การใช้คำวิเศษณ์ เพื่อเน้นความเป็นไปไม่ได้จริง เช่น “เขาคงไม่เค็นละที่นี่” รวมไปถึงการใช้คำวิเศษณ์เพื่อกำหนดเวลา ที่อาจจะทำให้รู้ว่าเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต มีการแบ่งเป็นช่วงเวลาเฉพาะใดพิเศษหรือไม่

ในแง่ของความซับซ้อน ภาษาไทยอาจมีการใช้ Future Tense อีกหลายแบบ เพื่อสื่อสารถึงเหตุการณ์ในอนาคตที่อาจมีความซับซ้อนหรือมีหลายลักษณะ ตัวอย่างเช่นการใช้คำกริยาของกลุ่ม “จะ” กับคำคมของนาม หรือ “ต้องการจะ” เพื่อสื่อถึงความต้องการของเราในอนาคต อีกทั้งยังมีคำกริยาหลายคำที่สร้าง Future Tense โดยใช้คำวิเศษณ์ในการร่วมประพจน์ เพื่อเสริมความเป็นไปได้ที่เป็นความมั่นคงในเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น

คำถามที่พบบ่อยสำหรับ Future Tense ได้แก่:

1. เราจะใช้ Future Tense ในสถานการณ์ใดบ้าง?
Future Tense สรุปสามารถใช้ได้ในหลายสถานการณ์ เช่น เมื่อต้องการพูดถึงการเดินทางในอนาคต เครื่องบินใหม่ที่จะมาใช้ภายหลัง หรือการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต นอกจากนี้ยังสามารถใช้ Future Tense เพื่อส่งเสริมความมั่นคงในการพูดถึงเหตุการณ์ที่มีความเป็นไปได้สูง เช่น เมื่อคาดคะเนการเลือกตั้งอนาคต หรือบอลฟุตบอลในอนาคต

2. หากไม่ใช้ Future Tense เราสามารถพูดถึงเหตุการณ์ในอนาคตได้อย่างไร?
ถ้าหากเราไม่ใช้ Future Tense ในการพูดถึงเหตุการณ์ในอนาคต เราสามารถใช้คำวิเศษณ์และคำความที่เกี่ยวข้องเช่น “คงจะ”, “กำลัง”, “ต้องการ”, “มักจะ”, “อาจจะ” เป็นต้น เพื่อสื่อถึงความเป็นไปได้ในอนาคต

3. อนาคตนี้จะเป็นอย่างไร?
อาจเป็นยากที่จะทราบอนาคตได้อย่างแน่นอนเพราะเราไม่สามารถทำนายอนาคตได้อย่างแม่นยำ อย่างไรก็ตาม เราสามารถตัดสินใจที่จะรับมือกับสถานการณ์หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคตหลายๆ อย่างได้โดยใช้ข้อมูลที่มีอยู่ และกำหนดแผนการทำงานที่เหมาะสม เพื่อให้เป็นคนที่สร้างไปในอนาคตที่เราต้องการ

อนาคตยังคงเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนและเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่สิ่งที่เราสามารถทำได้คือการศึกษาภาษาไทยและปรับใช้การใช้ Future Tense สรุปให้เหมาะสมในการพูดหรือเขียนเพื่อให้เข้าใจถูกต้องว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคตอาจเป็นไปได้!

แก้ไขโดยรีวิวเสียงเทพ

พบ 39 ภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ การ ใช้ future tense.