ตัวอย่างประโยค Present Perfect: การใช้งานและสองประโยคพื้นฐาน

ตัวอย่างประโยค Present Perfect Tense 20 ประโยค:
1. ผมเคยไปเที่ยวปารีสมาก่อนหน้านี้ (I have been to Paris before).
2. เขาเคยมีประสบการณ์ทำงานในต่างประเทศ (He has had experience working abroad).
3. เราไม่เคยเห็นเขามาก่อนหน้านี้ (We have never seen him before).
4. มันเคยเป็นที่สุดของการเดินทางของฉัน (It has been the trip of a lifetime for me).
5. เจอกันใหม่นะเธอ เห็นมาเป็นนานแล้ว (Nice to see you again, it’s been a while).
6. ฉันเพิ่งกลับจากงานประจำต่างประเทศ (I have just returned from working abroad).
7. เขาไม่อยากเจอตัวคุณอีกเลย (He never wants to see you again).
8. เราเคยพบกันที่ร้านอาหารนี้มาก่อนเลย (We have met at this restaurant before).
9. ฉันเพิ่งมาจากเดินเล่นที่บ้านเพื่อน (I have just come from hanging out at my friend’s house).
10. ผมเคยทำงานออฟฟิศในเมืองใหญ่มาก่อน (I have worked in a big city before).
11. เมื่อวานนี้ผมกับเธอไปซื้อของ (Yesterday, she and I went shopping).
12. มาสิ เราจะไปเที่ยวในงานนี้ด้วยกัน (Come on, let’s go sightseeing together at this event).
13. ผมยังคงรอก้นทุเรียนเฮียใหญ่ได้ (I still haven’t tasted the giant durian).
14. เล่าให้ฟังช่องวันนี้พาฉันมาจากในหลวงนี้ (Tell me, on Channel Today, about coming from this palace).
15. ไปไหนมา เห็นสีหวานนี้ (Where have you been? You look sweet).
16. ไม่เคยคิดว่าต้องการให้เองอ่ะ (Never thought I would want it for myself).
17. บ้านเรามีน้องเคยทำบุญบ้านไป (Our house has a younger sibling who has done good deeds for the house).
18. เจอหน้าเก่าเขาเพิ่มขึ้นมาตลอด (I see his old face more and more often).
19. ตั้งใจหมดแล้วนะว่าจะอยู่ต่อชีวิตตรงนี้ (I’ve made up my mind to stay right here).
20. เรายังคงเป็นเพื่อนกันไปมา (We’re still friends).

ตัวอย่างประโยค Present Perfect Continuous Tense 20 ประโยค:
1. ทวิตเตอร์และเฟซบุ๊กเคยเป็นสื่อโซเชียลที่มีความนิยมมาก่อนหน้านี้ (Twitter and Facebook have been popular social media platforms).
2. เพื่อนของฉันทำงานจนดึกมาก่อนหน้านี้ (My friend has been working late).
3. ฉันยังไม่รู้เลยว่าเขาทำอะไรอยู่มานานแค่ไหน (I still don’t know what he has been doing for so long).
4. คุณเคยทำงานหรือเปล่ามาตลอดทั้งสองสัปดาห์ที่ผ่านมา (Have you been working for the past two weeks)?
5. ตั้งแต่ตอนนี้ เราก็ยังคงทำงาน (Since now, we have still been working).
6. เขาอาหารเร็วตั้งแต่กลับจากงานหวย (He has been eating quickly since returning from work).
7. เขามองหาเงินเพิ่มเรื่อยไป (He has been looking for extra money).
8. การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศต่อเนื่องเป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้ว (The weather has been changing continuously for several weeks now).
9. ทำไมถึงไม่เหลือเธอซะอีกแล้ว (Why has she been disappearing)?
10. เราได้รับการทำมานานมากกว่าที่เคยคิด (We have been treated longer than we expected).
11. เธอเลือกรอเพราะเรื่องเล็ก ๆ (She chooses to wait for small reasons).
12. ลองดูของฉันมาตลอดศตวรรษเกือบครึ่ง (Look at mine, I have been here for almost half a century).
13. พวกเขาได้ถูกกักขังอยู่มากกว่าเดือน (They have been in captivity for more than a month).
14. เขาได้ผ่านสถานการณ์ที่ยากมากๆในชีวิต (He has been through very difficult situations in life).
15. เรากำลังรออยู่นี่มาตลอดเวลา (We have been waiting here all the time).
16. ฉันทำงานอย่างหนักเมื่อไม่กี่วันก่อน (I have been working hard just a few days ago).
17. เธอได้สอนฉันเกี่ยวกับเรื่องผลได้มากกว่าเดิม (She has taught me more about consequences).
18. เราอยากรู้อะไรเกี่ยวกับอนาคตจริง ๆ (We want to know something about the future for real).
19. มะละกอพวกนี้ไม่ได้รอก่อนหน้านี้อาทิตย์เดียว (These wild guava trees haven’t waited just a week before).
20. เขายังกินยาแก้ปวดทุเรียนอยู่ (He has still been taking medicine for the durian).

Present Perfect Tense หลักการใช้:
Present Perfect Tense ใช้เพื่อเชื่อมโยงระหว่างเหตุการณ์ในอดีตกับปัจจุบัน โดยมักใช้คำว่า “เคย”, “เรียกว่า”, “ถูกเก็บไว้”, “ยังคง”, “มีประสบการณ์”, “เหตุการณ์ที่สำคัญ” เป็นต้น เพื่อแสดงถึงประสบการณ์หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตแต่สัมผัสผลกระทบกับปัจจุบัน

Past Perfect Tense ตัวอย่างประโยค:
1. ผมกินอาหารก่อนที่ฉันจะได้รับคำเชิญ (I had eaten before I received the invitation).
2. เมื่อเธอมาถึง ผมเคยไปแล้ว (When she arrived, I had already gone).
3. เขาหยุดคุยกันเมื่อฉันเข้ามา (They stopped talking when I entered).
4. เราจะได้พบกันตอนที่เขากลับมา (We would have met when he came back).
5. เขาได้ฟังหนังเพลงนี้ก่อนที่เขาจะเริ่มเขียนเนื้อหา (He had listened to this song before he started writing lyrics).
6. ฉันทำสิ่งนี้ก่อนที่จะเห็นคุณ (I had done this before I saw you).
7. เขาไม่อยากพบพกพาแฟนเก่ามาก่อน (He didn’t want to meet his ex-girlfriend before).
8. เมื่อฉันจะไปทำธุรกิจ พ่อและแม่ฉันเคยมีกิจการอยู่ (When I started my business, my parents had had their own business).
9. เขาประทับตีพ่อนางเมื่อน้องสองคนมาถึง (He had spanked his younger sibling when the two arrived).
10. เขาได้ช่อมาก่อนที่จะได้ดลบออกไป (She had scolded before she could delete it).

แต่งประโยค Present Simple:
Present Simple Tense เป็นฟอร์มการเอ่ยของกริยาที่ใช้ในปัจจุบัน โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลา คำว่า “ทั่วไป”, “ประจำวัน”, “เริ่มต้น” เป็นต้น ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและเกิดขึ้นบ่อย ๆ

ตัวอย่างประโยค Present Simple:
1. ฉันหิว (I am hungry).
2. เขาเรียนที่โรงเรียน (He goes to school).
3. นางฟ้าบินในท้องฟ้า (Angels fly in the sky).
4. เจ้าหญิงยูเมียสวย (The princess is beautiful).
5. เขาอยู่ต้นเขา (He lives on the mountain).
6. พ่อกำลัง์คุยที่โทรศัพท์ (Dad is talking on the phone).
7. อาแบ็ก้าชอบกินผลไม้ (Abby likes to eat fruits).
8. นกก้อนในทะเลชอบคลานปลา (The pelican in the sea likes to eat fish).
9. พัทยามีชายหาดที่สวยงาม (Pattaya has beautiful beaches).
10. ผู้ชายนี้ทำงานที่โรงงาน (This man works at the factory).

Present Perfect Continuous ใช้ยังไงตัวอย่างประโยค:
Present Perfect Continuous Tense ใช้เพื่อแสดงถึงการกระทำหรือสถานะที่เริ่มต้นในอดีตและยังคงเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน ใช้คำว่า “ตั้งแต่ (since)”, “เป็นเวลา (for)”, “ยังอยู่”,

ประโยค present perfect มีอะไรบ้าง

ประโยค present perfect เป็นประโยคที่ใช้ในภาษาอังกฤษเพื่อแสดงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต แต่มีผลกระทบหรือความสัมพันธ์กับปัจจุบัน ประโยคนี้มีโครงสร้างเป็นอย่างไร มีตัวอย่างประโยคให้อ่าน และมีชนิดของประโยค present perfect อะไรบ้าง ภายในบทความนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องนี้อย่างละเอียดเพื่อให้คุณเข้าใจและใช้ประโยคนี้ได้ถูกต้อง

โครงสร้างของประโยค present perfect เป็นดังนี้:
Subject + have/has + past participle verb + object

ตัวอย่างประโยค present perfect คือ:
1. I have visited Thailand three times.
2. She has completed her homework.
3. They have eaten dinner already.

ในประโยค present perfect นั้น มีการใช้ have หรือ has ขึ้นอยู่กับบุคคลหรือสิ่งของที่เป็นประธาน โดยใช้ have กับบุคคลในของ I, you, we, และ they และใช้ has กับบุคคลในของ he, she, และ it

ประเภทของประโยค present perfect ที่พบบ่อยในภาษาอังกฤษมีดังนี้:

1. Present perfect simple
โครงสร้าง: Subject + have/has + past participle verb + object
เป็นประโยคที่ใช้ในการแสดงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตแต่ยังมีผลกระทบกับปัจจุบัน
ตัวอย่างประโยค: She has lived in Bangkok for five years.

2. Present perfect continuous
โครงสร้าง: Subject + have/has + been + present participle verb + object
เป็นประโยคที่ใช้ในการแสดงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและยังสัมพันธ์กับปัจจุบัน โดยเน้นตำแหน่งหรือระยะเวลาของเหตุการณ์
ตัวอย่างประโยค: He has been studying English for three hours.

3. Present perfect perfect
โครงสร้าง: Subject + have/has + not + past participle verb + object
เป็นประโยคที่ใช้ในการแสดงถึงเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในอดีต
ตัวอย่างประโยค: They haven’t seen each other since last year.

ต่อไปเรามาหันไปที่ส่วน FAQs หรือคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับประโยค present perfect ในภาษาอังกฤษ

FAQs

Q: ความแตกต่างระหว่างประโยค present perfect และ past simple คืออะไร?
A: ประโยค present perfect ใช้ในการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างอดีตกับปัจจุบัน ในขณะที่ past simple ใช้เพื่อเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตโดยไม่มีความเกี่ยวข้องกับปัจจุบัน

Q: เราสามารถใช้ประโยค present perfect กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตแล้วสิ้นสุดลงได้หรือไม่?
A: ใช่ได้ ประโยค present perfect เป็นประโยคที่กำหนดเวลาที่เริ่มต้นและสิ้นสุดของเหตุการณ์บนเส้นเวลา ดังนั้นหากเราต้องการเน้นเหตุการณ์ที่สิ้นสุดลง สามารถใช้ประโยค present perfect ได้

Q: เมื่อไหร่ควรใช้ have และ has ในประโยค present perfect?
A: คำว่า have ใช้กับบุคคลที่ 1 ของใช้คำศัพท์ I, you, we, และ they ในขณะที่ has ใช้กับบุคคลที่ 3 ของใช้คำศัพท์ he, she, และ it

Q: ประโยค present perfect ใช้กับสถานะและประสบการณ์ที่เราอยู่อย่างไร?
A: ประโยค present perfect สามารถใช้เพื่อเสนอสถานะปัจจุบันที่ผลักดันโดยเหตุการณ์ในอดีต ตัวอย่างเช่น “I have learned a lot from my experiences” หรือ “She has traveled to many countries.”

ในภาษาอังกฤษ, present perfect เป็นประโยคที่ใช้บ่อยมากเนื่องจากสามารถใช้เสรีและง่ายต่อการใช้งาน แม้ว่าโครงสร้างและการใช้งานของประโยคนี้จะมีบางศัพท์ที่แตกต่างจากภาษาไทย แต่หากคุณฝึกฝนและใช้ประโยคนี้อย่างถูกต้อง คุณจะสามารถสื่อสารในภาษาอังกฤษได้อย่างราบรื่นและถูกต้อง

เราใช้ present perfect tense ในกรณีใด

Present perfect tense (กาลเอาใหม่ปัจจุบัน) เป็นหนึ่งในรูปเวลาของภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อยมาก ซึ่งมักจะทำให้ผู้เรียนค่อนข้างสับสนเนื่องจากความถี่ในการใช้งานและความหลากหลายของประโยคที่สามารถใช้ present perfect tense ได้ ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาอธิบายเกี่ยวกับการใช้ present perfect tense ในกรณีที่เป็นบ่อยๆ ในภาษาอังกฤษ

ใช้กับกระบวนการที่เริ่มขึ้นในอดีตและยังคงอยู่ในปัจจุบัน
Present perfect tense สามารถใช้เมื่อเราต้องการพูดถึงกระบวนการหรือเหตุการณ์ที่เริ่มขึ้นในอดีตและยังคงมีผลกระทบในปัจจุบันอยู่ ตัวอย่างเช่น

– I have lived in Bangkok for 10 years. (ฉันอยู่ในกรุงเทพมหานครมาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว)
ในประโยคนี้คำพูดสื่อถึงไปรษณีย์ที่เราเคยอยู่ในกรุงเทพมหานครเป็นเวลา 10 ปีแล้ว และยังอยู่ในกรุงเทพมหานครอยู่ในปัจจุบัน

– She has worked for this company since 2010. (เธอทำงานในบริษัทนี้ตั้งแต่ปี 2010 แล้ว)
ในประโยคนี้คำพูดเป็นการแสดงถึงกระบวนการทำงานของเธอที่เริ่มขึ้นในอดีต (ปี 2010) แต่ยังคงมีผลต่อปัจจุบัน

ใช้เมื่อยังไม่มีการกำหนดเวลาในอดีตที่ชัดเจน
เราสามารถใช้ present perfect tense เมื่อเราพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตแต่ยังไม่มีการกำหนดเวลาในอดีตที่ชัดเจน เช่น

– They have visited many countries. (พวกเขาเคยเที่ยวประเทศหลายประเทศ)
ในประโยคนี้เรายังไม่ทราบว่าที่พวกเขาเคยเที่ยวประเทศมากน้อยแค่ไหน แต่ทราบเพียงว่าพวกเขาเคยเที่ยวประเทศอย่างน้อยหนึ่งครั้ง

– Has she eaten sushi before? (เธอเคยกินซูชิมาก่อนหรือยัง)
ในประโยคนี้เราอยากทราบว่าเธอเคยกินซูชิหรือยัง โดยยังไม่ระบุเวลาที่ทำการกิน

ใช้เมื่อต้องการเน้นผลกระทบที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
บางครั้งเราอาจใช้ present perfect tense เพื่อเน้นผลกระทบที่เกิดขึ้นพร้อมกับเหตุการณ์ที่เป็นอดีต เช่น

– I have just finished my homework. (ฉันแก้ไขการบ้านเสร็จเพิ่งจะ)
ในประโยคนี้คำพูดเน้นว่าเราเพิ่งทำการบ้านเสร็จ แม้ว่าการแก้ไขการบ้านเกิดขึ้นในอดีต แต่ผลลัพธ์ที่สำคัญคือเราเสร็จสิ้นการบ้านในขณะนั้น

FAQs (คำถามที่พบบ่อย)

Q1: เราจำเป็นต้องใช้ present perfect tense เหมือนกันหรือไม่?
A1: ไม่จำเป็นต้องใช้ present perfect tense เสมอไป การใช้ tense ขึ้นอยู่กับบริบทและเนื้อหาที่ต้องการแสดงในประโยค

Q2: มีกี่ด้านของประโยคที่สามารถใช้ present perfect tense ได้?
A2: ประโยคที่ใช้ present perfect tense สามารถใช้กับด้านหลัก 3 ด้านได้แก่ กระบวนการเมื่อใดก็ดีในอดีตที่ยังคงมีผลกระทบในปัจจุบัน / กระบวนการเที่ยงตรงกับเวลาที่กำหนดในอดีตและสืบหาสาเหตุในปัจจุบัน / กระบวนการเมื่อใดก็ดีในอดีตที่ยังไม่กำหนดเวลาในอดีตที่ชัดเจน

Q3: มีคำใดบ้างที่บ่งบอกถึงการใช้ present perfect tense?
A3: คำว่า “already”, “yet”, “since”, “for”, “ever”, “never” เป็นต้นเป็นคำบอกอย่างหนึ่งที่ช่วยบ่งบอกถึงการใช้ present perfect tense บางครั้ง

Q4: รูปแบบของ present perfect tense คืออะไร?
A4: รูปแบบของ present perfect tense คือ “have/has + รูป 3 ของกริยา” ยกตัวอย่างเช่น “I have watched the movie.”

Q5: มีข้อแตกต่างระหว่าง present perfect tense และ past simple tense หรือไม่?
A5: ใช่, present perfect tense ใช้เมื่อเน้นความสัมพันธ์ระหว่างอดีตและปัจจุบัน ในขณะที่ past simple tense ใช้ในกรณีที่เน้นเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นในเวลาที่กำหนด

ในกรณีที่ต้องการใช้ present perfect tense ให้ผู้เรียนทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวและฝึกฝนการสร้างประโยคที่ใช้ present perfect tense เพื่อให้สามารถใช้งานในสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง

ตัวอย่างประโยค Present Perfect Tense 20 ประโยคในภาษาไทย

Present Perfect Tense เป็นเวลาอดีตหนึ่งที่นักเรียนและนักเรียนได้เรียนรู้ในแนวทางการศึกษาภาษาอังกฤษ แต่ประโยค Present Perfect Tense ในภาษาไทยก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งประโยคเหล่านี้จะช่วยให้คุณสื่อสารได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม มาเริ่มต้นดูตัวอย่างประโยค Present Perfect Tense ในภาษาไทยกันเลย!

1. ฉันเคยไปเที่ยวปารีสแล้ว (I have been to Paris.)
2. เราได้อ่านหนังสือนี้แล้ว (We have read this book.)
3. เขาเคยทำงานเป็นนักวิทยาศาสตร์ (He/She has worked as a scientist.)
4. ฉันเพิ่งทานอาหารไทยเมื่อวานนี้ (I have just eaten Thai food yesterday.)
5. วันนี้ฉันได้ยินเพลงใหม่จากศิลปินที่ชื่นชอบ (Today, I have heard a new song from my favorite artist.)
6. พ่อแม่ของฉันไปยังต่างประเทศมาแล้ว (My parents have traveled abroad.)
7. เขาได้เห็นเกมหนังสือการ์ตูนล่าสุด (He/She has seen the latest cartoon game.)
8. ครูเพิ่งสอนผมเรื่องใหม่ (The teacher has just taught me a new topic.)
9. ผมเคยได้ยินเสียงนกบินที่สวนสาธารณะ (I have heard the sound of birds flying in the park.)
10. เราไม่เคยลองเล่นกีฬานี้ (We have never tried this sport.)
11. เขาเพิ่งตัดผมล่าสุด (He/She has just cut his/her hair.)
12. บริษัทของเขาได้ทำกำไรเป็นครั้งแรก (His/Her company has made its first profit.)
13. ผมได้ส่งงานวิจัยทางการแพทย์ไปแล้ว (I have submitted the medical research.)
14. เมื่อคืนเขาได้รับของขวัญวันเกิด (Last night, he/she received a birthday gift.)
15. เรามีประสบการณ์การทำงานร่วมกันมาแล้ว (We have had working experience together.)
16. ทุกวันนี้ฉันได้อ่านหนังสือ (Every day, I have been reading a book.)
17. เราเคยเยี่ยมชมมหาสมุทร (We have visited the ocean before.)
18. กระจอกมีนกบังกะโลน (Sparrows have a nest.)
19. เค้าเพิ่งย้ายบ้านไปเมืองใหม่ (He/She has just moved to a new city.)
20. คุณได้รับปริญญาจบมหาวิทยาลัยแล้ว (You have received your university degree.)

คำถามที่พบบ่อย (FAQs):

1. Present Perfect Tense คืออะไรและทำงานอย่างไร?
– Present Perfect Tense เป็นรูปแบบของเวลาที่ใช้ในภาษาอังกฤษเพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต มีข้อความ หรือเหตุการณ์นั้นใจกว้างและเชื่อมโยงกับปัจจุบัน

2. ทำไมต้องใช้ Present Perfect Tense?
– Present Perfect Tense ใช้เพื่อกล่าวถึงประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตโดยเชื่อมโยงกับสถานการณ์ปัจจุบัน และหัวเรื่องที่ผู้พูดหรือผู้เขียนสนใจให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านรู้ว่าเหตุการณ์นั้นมีผลกระทบหรือสำคัญยังไงในปัจจุบัน

3. ในประโยคนี้ “ฉันได้เข้าร้านอาหารที่ดังมาก” เราจะใช้ Present Perfect Tense หรือ Past Simple Tense?
– ในกรณีนี้ Present Perfect Tense จะถูกใช้ เนื่องจากเหตุการณ์ (การเข้าร้านอาหารที่ดังมาก) เป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตแต่มีความเชื่อมโยงกับปัจจุบัน เช่น ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาก็อาจมีการเข้าไปร้านนี้

4. มีบางท่านใช้ “แล้ว” หรือ “เพิ่ง” ในประโยคที่ใช้ Present Perfect Tense บางประโยคนี่ ทำไมถึงหลายมากและเป็นที่ยอมรับ?
– การใช้ “แล้ว” หรือ “เพิ่ง” เป็นตัวช่วยในการเน้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และในบางครั้งอาจสร้างความสนใจและความสมดุลได้ โดยคุณสามารถใช้ “แล้ว” เวลาเหตุการณ์เกิดขึ้นไม่นานมานัก และ “เพิ่ง” เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นในขณะที่เราพูดหรือเขียน

สรุปภาพรวมแล้ว Present Perfect Tense เป็นข้อความที่สำคัญในการพูดหรือเขียนภาษาไทย โดยมีประโยชน์ในการอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตเชื่อมโยงกับปัจจุบัน ตัวอย่างประโยคที่แสดงออกมาช่วยให้ผู้พูดหรือผู้อ่านเข้าใจและสื่อสารได้อย่างถูกต้องและราบรื่น

ตัวอย่างประโยค Present Perfect Continuous Tense 20 ประโยคในภาษาไทย

Present Perfect Continuous Tense (ตั้งเเต่นี้เป็นต้นมา) เป็นหนึ่งในรูปเเบบของ Tenses ในภาษาอังกฤษ ซึ่งมักใช้เมื่อต้องการเเสดงถึงระยะเวลาที่เกิดขึ้นในอดีตก่อนหน้าปัจจุบันอุปการะกาเเล้วเเละอยู่ในระหว่างการสัมผัสต่อเนื่อง ในบริบทที่เป็นไปในอดีตหรือไม่ก็แตกต่างกันออกไป นี่คือตัวอย่างประโยค Present Perfect Continuous Tense 20 ประโยคในภาษาไทย:

1. เขาได้กำลังทำงานที่บริษัทนี้มาตั้งแต่เดือน มกราคม.
2. ฉันกำลังอ่านหนังสือมานานหลายชั่วโมงแล้ว.
3. เดินเล่นตลอดเวลาที่เเพะอยู่ในสวนสาธารณะ.
4. ฉันอยู่ในระหว่างการศึกษาสัมมนานี้มาตั้งแต่ 6 โมงเช้า.
5. เขากำลังรอรับข่าวจากธุรกิจของเขาแล้วก็แปลเนื้อหามาต้องการให้คนอื่นๆ.
6. ฉันมีประสบการณ์ในงานนี้มาด้วยกันถึงหนึ่งเดือนแล้ว.
7. เขาได้คุยกับเพื่อนในโทรศัพท์มาตั้งแต่เช้า.
8. พวกเขามีการสนทนากันมาตั้งแต่เมื่อวานหลังจากมื้อกลางวัน.
9. เหลืองกำลังทำวัดในโปรเจ็กต์นี้มาตั้งแต่ค่ำเมื่อวาน.
10. เขาถ่ายภาพสวยๆมาตั้งแต่ตอนเช้า.
11. ฉันอยู่ในระหว่างการเรียนรู้ภาษาอังกฤษมาเเล้วเกือบ 3 ปี.
12. เราสลับงานกันมาเเล้วเกือบ 2 ชั่วโมง.
13. เฮลลอคกำลังขุดหลุมเเละตั้งค่าสระว่ายน้ำมาตั้งแต่ตอนเช้า.
14. สมชายกำลังสร้างเก้าอี้ของเขามาเเล้ว 2 ชั่วโมง.
15. มีเสียงเเห่กระทงเดินสามรูปอยู่ในวัดมาตั้งแต่เช้า.
16. ฉันกำลังสร้างตู้ที่สำนักงานมาเเล้ว 4 ชั่วโมง.
17. เธอได้ใช้เวลาในการเตรียมตัวมาตั้งแต่เช้า.
18. แม่ง่ายกำลังทำอาหารมาเเล้วกว่า 3 ชั่วโมง.
19. ฉันกำลังใช้บัตรเครดิตของฉันมาตั้งแต่เมื่อวาน.
20. ตั้งแต่ตอนบ่ายหลังฉันอยู่ในการจีบแฟนของฉัน.

คำถามที่พบบ่อย (FAQs):
1. Present Perfect Continuous Tense คืออะไร?
Present Perfect Continuous Tense เป็นรูปแบบของ Tense ที่ใช้ในการเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตก่อนหน้าปัจจุบัน และยังคงมีผลเเละการกระทำต่อเนื่องอยู่ในปัจจุบัน โดยมักจะมีสัญลักษณ์และคำกริยาที่มี “have/has been + V-ing” เช่น “I have been reading.”

2. Present Perfect Continuous Tense ต่างจาก Present Perfect Tense อย่างไร?
Present Perfect Continuous Tense เน้นที่เวลาที่ใช้ในการกระทำ หรือระยะเวลาที่ใช้ในการกระทำนั้นยังคงเเล้วเป็นการสัมผัสอยู่ในปัจจุบัน ในขณะที่ Present Perfect Tense เน้นที่เกิดขึ้นของการกระทำเเละหมายถึงลักษณะการกระทำในอดีตก่อนหน้าปัจจุบัน เช่น “I have been studying for 3 hours” (Present Perfect Continuous) กำหนดระยะเวลาในการเรียนกว่าง่ายก็จริง ๆ เมื่อเทียบกับ “I have studied for 3 hours” (Present Perfect) อาจอาจถามหมายถึงมูลค่าเชิงความที่เราได้รับจากการเรียนรู้

3. เราจะใช้ Present Perfect Continuous Tense เมื่อไหร่?
Present Perfect Continuous Tense มักใช้เมื่อต้องการเน้นให้การกระทำที่เกิดขึ้นในอดีตก่อนหน้าปัจจุบันมีผลลัพธ์และมีสิ่งที่ยังคงเป็นการสัมผัสหรือเรื่องราวที่ยังคงกำลังเกิดอยู่ในปัจจุบัน เช่น “I have been waiting for you since morning” (ฉันรอคุณตั้งแต่เช้า) เนื่องจากการรอยังคงเกิดขึ้นและยังไม่สิ้นสุดในปัจจุบัน

4. เราสามารถใช้ Present Perfect Continuous Tense กับกริยาทุกชนิดได้หรือไม่?
เราสามารถใช้ Present Perfect Continuous Tense กับกริยาทุกชนิดได้ เว้นแต่กรณีกริยาที่ไม่สามารถใช้ในรูปกริยา-ing ได้ เช่น “have, be, own” เป็นต้น

5. อย่างไรกับคำถามซึ่งมีคำวิเศษณ์เวลา?
เรายังสามารถใช้ Present Perfect Continuous Tense กับคำถามที่มีคำวิเศษณ์เวลาได้ เช่น “How long have you been waiting?” (คุณรอมานานกี่ชั่วโมงแล้ว?)

6. ทำไมทั้ง Present Perfect Continuous Tense และ Present Perfect Tense ใช้กริยา “have”?
การใช้กริยา “have” ในทั้ง Present Perfect Continuous Tense และ Present Perfect Tense เป็นเพราะเป็นกรรมวิธีที่ใช้ในการสร้าง Tense ดังกล่าว เพื่อกำหนดหรือองค์ความสำคัญในประโยค

ใช้ “Present Perfect Continuous Tense” ในการเล่าเรื่องที่ต้องการเน้นเวลาที่ใช้ในการกระทำและยังคงเป็นเรื่องราวที่ยังคงเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบันกว่าอดีต เพราะคำกริยาที่มีการใช้ “have/has been + V-ing” พร้อมกับข้อความที่เสร็จสิ้นที่ยังคงมีผลสำคัญในปัจจุบันอยู่ ข้อดีของ Present Perfect Continuous Tense คือสามารถใส่ระยะเวลาที่ใช้ในการกระทำได้ เพื่อช่วยให้เห็นถึงสิ่งที่ยังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบันในประโยคของเรา

พบ 5 ภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ ตัวอย่างประโยค present perfect.