ตัวอย่างประโยค Present Perfect Tense: การใช้งานและการปรับใช้ในภาษาอังกฤษ

การใช้ Present Perfect Tense เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตแต่มีผลต่อปัจจุบัน เป็นหนึ่งในการใช้เสียงภาษาอังกฤษที่สำคัญและมีความยากที่คนไทยส่วนใหญ่จะต้องมีความรู้เพิ่มเติมให้เพียงพอ เพื่อที่จะสื่อสารได้อย่างถูกต้องและเข้าใจกัน ในบทความนี้จะศึกษาเกี่ยวกับ การใช้ Present Perfect Tense อย่างละเอียด รวมถึงตัวอย่างประโยคที่ใช้ Present Perfect Tense เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น

การบอกเวลาใน Present Perfect Tense
ใน Present Perfect Tense จะใช้รูปประโยคเข้ามาช่วยเพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตแต่มีผลต่อปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น “I have visited Japan.” ซึ่งในประโยคนี้คำว่า “have visited” คือส่วนหนึ่งของ Present Perfect Tense และ “Japan” คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และใน Present Perfect Tense มักจะมีการบอกเวลา ดังนั้นบอกเวลาในประโยคนี้อาจจะเป็น “I have visited Japan this year.” เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในปีปัจจุบัน

คำกริยาที่ใช้กับ Present Perfect Tense
ใน Present Perfect Tense มักจะใช้คำกริยาช่องที่ 3 ของกริยานั้นๆ ร่วมกับ “have” หรือ “has” เช่น “I have seen”, “She has eaten” เป็นต้น และสำคัญมากที่ต้องระมัดระวังเรื่องของ irregular verbs เช่น “go” ในกรณีนี้คำกริยาที่ถูกต้องคือ “gone” จึงต้องพูดว่า “I have gone” เช่นเดียวกัน “do” ในกรณีนี้คำกริยาที่ถูกต้องคือ “done” จึงต้องพูดว่า “I have done”

การรู้จักกับ Auxiliary Verb ที่ใช้กับ Present Perfect Tense
Auxiliary verb หรือคำกริยาช่วยใน Present Perfect Tense จะแบ่งออกเป็นเพียงสองคำคือ “have” และ “has” ซึ่งการใช้คำกริยาช่วยจะขึ้นกับเฉพาะกรรมว่าเป็นแบบเอกรรถ หรือก่อนกรรมว่าเป็นแบบกรรมรถ หรือกำกับเส้นเวลาว่าเป็นปัจจุบันเป็นอดีต

การใช้ Present Perfect Tense ในกรณีที่เหตุการณ์เกิดขึ้นในอดีตแต่เวลาไม่ระบุ
เมื่อเราต้องการอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตแต่ไม่ระบุเวลาที่เกิด ในภาษาไทยเราอาจจะใช้คำว่า “เคย” และใน Present Perfect Tense เราจะใช้ “have” หรือ “has” ร่วมกับกริยาช่องที่ 3 เช่น “I have visited Paris” หรือ “She has eaten sushi” เพื่ออธิบายว่าเราเคยไปเที่ยวที่ปารีส หรือเคยกินซูชิ แต่ไม่ระบุเวลาที่เกิดขึ้น

การใช้ Present Perfect Tense เพื่ออธิบายประสบการณ์ในอดีตที่ยังคงเกิดขึ้น
บางครั้งเราอาจจะต้องการอธิบายประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและยังคงเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน ในกรณีนี้เราอาจจะใช้ Present Perfect Tense เช่น “I have lived in Bangkok for 10 years.” ในประโยคนี้คำว่า “I have lived” แสดงถึงเราอาศัยอยู่ในกรุงเทพเป็นเวลา 10 ปีแล้ว และยังอยู่อยู่ในปัจจุบัน

การใช้ Present Perfect Tense เพื่ออธิบายเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นแล้วสิ้นสุดลงในปัจจุบัน
ในบางครั้งเราอาจต้องการอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และสิ้นสุดลงในปัจจุบัน เช่น “They have finished their homework.” ในที่นี้คำว่า “They have finished” แสดงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือการทำการบ้าน และยังสิ้นสุดลงไม่นานถึงเกิดกระบวนการของการทำกับบ้านเสร็จสิ้น ซึ่งยังเป็นปัจจุบันในเวลานั้น

การใช้ Present Perfect Tense เพื่ออธิบายประสบการณ์สะสมในอดีต
Present Perfect Tense ยังสามารถใช้เพื่ออธิบายประสบการณ์ที่สะสมและเกิดขึ้นในอดีตได้อีกด้วย เช่น “I have read 50 books.” ในประโยคนี้คำว่า “I have read” แสดงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือการอ่านหนังสือ และอย่างต่อเนื่องจนถึงจำนวนเล่ม 50 เล่ม

การใช้ Present Perfect Tense เพื่ออธิบายประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกระทันหันในอดีต
ในบางครั้งเราอาจต้องการอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทันหันในอดีต เช่น “He has suddenly disappeared.” ในประโยคนี้คำว่า “He has disappeared” แสดงถึงการหายตัวอย่างไม่คาดฝันของเขา

การใช้ Present Perfect Tense เพื่อเปรียบเทียบอดีตกับปัจจุบัน
อีกวิธีหนึ่งในการใช้ Present Perfect Tense คือเมื่อต้องการเปรียบเทียบเหตุการณ์ที่เกิดในอดีตกับปัจจุบัน เช่น “She has lost weight” ในประโยคนี้คำว่า “She has lost” แสดงถึงการลดน้ำหนัก เป็นอดีตและในปัจจุบัน ซึ่งสรุปได้ว่าน้ำหนักของเธอคืออดีตและยังคงอยู่ในปัจจุบันเช่นกัน

ตัวอย่างประโยค Present Perfect Tense:
1. I have seen that movie before.
2. She has already eaten.
3. They have traveled to many countries.
4. We have never been to Europe.
5. He has finished his work.
6. Have you ever tried sushi?
7. I have known him since we were children.
8. She has just arrived home.
9. They have lived in that house for 10 years.
10. We haven’t seen each other for a long time.
11. Have you ever been to New York?
12. He has lost his keys.
13. She has broken her phone.
14. They have won the competition.
15. I have read all the books in that series.
16. We have studied English for five years.
17. Has she visited her grandparents recently?
18. I have been to that restaurant many times.
19. They have played soccer since they were kids.
20. We haven’t seen each other since last summer.

ตัวอย่างประโยค Present Perfect Continuous Tense:
1. She has been studying for the exam.
2. They have been playing tennis for hours.
3. I have been waiting for the bus since morning.
4. He has been working on his project all day.
5. We have been watching TV for hours.
6. Has she been studying all night?
7. They have been working in the garden all afternoon.
8. I have been waiting for you for a long time.
9. He has been playing video games since morning.
10. We have been cooking dinner for the party.

FAQs:

Q: What is the difference between present perfect tense and past perfect tense?
A: The present perfect tense is used to describe past events that have a connection to the present. The past perfect tense, on the other hand, is used to describe past events that occurred before another past event.

Q: Can present perfect tense be used with past time expressions?
A: Yes, present perfect tense can be used with past time expressions such as “yesterday,” “last week,” or “in 2010.” This is done to show that the action or event happened at some point in the past, but has a relevance to the present.

Q: What is the difference between present perfect tense and present perfect continuous tense?
A: The present perfect tense is used to describe completed actions or events in the past with a connection to the present. The present perfect continuous tense, on the other hand, is used to describe ongoing actions or events that started in the past and continue into the present.

Q: Can present perfect tense be used to talk about future events?
A: No, present perfect tense is not used to talk about future events. It is used specifically to describe past events with a connection to the present.

Q: How do I form the present perfect tense?
A: The present perfect tense is formed by using the auxiliary verb “have” or “has” followed by the past participle form of the verb. For example, “I have visited” or “She has eaten.”

In conclusion, understanding how to use the present perfect tense is important for communicating accurately and effectively in English. By studying the different uses and examples provided in this article, Thai learners can enhance their proficiency in using this tense properly.

ประโยค Present Perfect เป็นส่วนหนึ่งของไวยากรณ์ภาษาอังกฤษที่ใช้เพื่อแสดงอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นในอดีตแต่มีผลกระทบหรือความสัมพันธ์กับปัจจุบัน ภาษาไทยไม่ได้มีอะไรใกล้เคียงกับรูปแบบนี้จึงทำให้หลายคนพบปัญหาในการเรียนรู้และประยุกต์ใช้ Present Perfect อย่างถูกต้อง ในบทความนี้เราจะสำรวจการใช้งาน Present Perfect ในภาษาไทยว่ามีอะไรบ้าง พร้อมทั้งแนะนำการนำไปใช้ในประโยคต่างๆ

การใช้ Present Perfect ในภาษาไทย

โดยทั่วไปแล้ว Present Perfect จะใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตแต่มีอิทธิพลต่อปัจจุบัน หากสังเกตจะเห็นว่า Present Perfect ถูกใช้ร่วมกับคำว่า “เคย” (have/has + past participle) เพื่อระบุเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและมีผลกระทบต่อปัจจุบัน ตัวอย่างประโยคเช่น
– ฉันเคยไปเที่ยวที่พัทยา (I have been to Pattaya)
– เขาเคยมีประสบการณ์ทำงานต่างประเทศ (He has had experience working abroad)

การใช้ Present Perfect ร่วมกับคำว่า “ตั้งแต่” และ “ช่วง” จะช่วยให้เราระบุช่วงเวลาที่เริ่มที่สิ้นสุดได้อย่างชัดเจน เช่น
– เราอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (We have been here since yesterday)
– ฉันทำงานที่บริษัทนี้ได้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 (I have been working at this company since 2017)

การใช้ Present Perfect เมื่อมีประโยคเงื่อนไข ก็สามารถเชื่อมโยงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตกับผลกระทบที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้ ตัวอย่างเช่น
– ถ้าเขาไปหนังสือก็จะประทับใจเขา (If he has read the book, he will be impressed)
– หากเธอไม่เคยเห็นงานฉัน จะเป็นเสียดายสำหรับเขา (If she has never seen my work, it will be a pity for him)

ประโยค Present Perfect มีอะไรบ้าง?

1. ประโยค Present Perfect Affirmative
ใช้เมื่ออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและยังคงมีผลกระทบในปัจจุบัน
ตัวอย่าง:
– เขาเคยไปเที่ยวที่ปารีส (He has been to Paris)
– เธอเคยมีเพื่อนชาวต่างชาติ (She has had foreign friends)

2. ประโยค Present Perfect Negative
ใช้เมื่อหมายถึงเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในอดีตหรือไม่มีผลกระทบในปัจจุบัน
ตัวอย่าง:
– เขาไม่เคยลอกบ้าน (He hasn’t moved house)
– ฉันมีหมอนไม่งอก (I haven’t slept well)

3. ประโยค Present Perfect Interrogative
ใช้รูปของคำถามเพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและมีผลกระทบในปัจจุบัน
ตัวอย่าง:
– เธอเคยรู้จักเขามานานหรือยัง? (Have you known him for long?)
– เราเคยอ่านหนังสือนี้แล้วหรือยัง? (Have we read this book yet?)

FAQs (คำถามที่พบบ่อย)

คำถามที่ 1: ประโยค Present Perfect แตกต่างจากประโยค Past Simple อย่างไร?
คำตอบ: ประโยค Present Perfect เน้นที่ผลกระทบที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ในขณะที่ประโยค Past Simple เน้นเหตุการณ์ในอดีตที่ไม่มีผลกระทบหรือความสัมพันธ์กับปัจจุบัน

คำถามที่ 2: การใช้ Present Perfect ในภาษาไทยและภาษาอังกฤษมีความแตกต่างกันอย่างไร?
คำตอบ: ในภาษาไทยไม่มีรูปแบบที่ใกล้เคียงกับ Present Perfect ในภาษาอังกฤษ เนื่องจากภาษาไทยมีระบบเสียงและประโยคที่แตกต่างกันจากอังกฤษ จึงอาจทำให้การเรียนรู้ Present Perfect เป็นอุปสรรคบ้างสำหรับผู้เรียนภาษาอังกฤษ

คำถามที่ 3: อะไรคือคำสั่ง “Past Participle”?
คำตอบ: “Past Participle” เป็นรูปกริยาที่ใช้กับ Present Perfect โดยมักจะเรียกผ่านคำกริยาที่ลงท้ายด้วย -ed (สำหรับกริยา Regular) หรือมีรูปเป็นอย่างไรก็ตาม (สำหรับกริยา Irregular) เช่น worked, seen, gone

เพื่อนำ Present Perfect ไปใช้ในประโยคได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ควรศึกษาและฝึกปฏิบัติตามหลักภาษาอังกฤษ ตลอดจนใช้คำศัพท์และประโยคที่เหมาะสมสำหรับบทสนทนาหรือสถานการณ์ที่ต้องการใช้ Present Perfect

เราใช้ Present Perfect Tense ในกรณีใด?

Present Perfect Tense เป็นอีกหนึ่งกริยาประจักษ์สำคัญของภาษาอังกฤษที่ช่วยให้เราสื่อสารเกี่ยวกับเหตุการณ์หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตซึ่งสัมพันธ์กับปัจจุบัน โดยประโยค Present Perfect Tense ประกอบด้วยกริยา “to have” ที่ใช้ในรูปที่สอง (have/has) นำหน้ากับกริยาผันของประโยค ซึ่งจะเป็นรูปที่ทำให้กริยาผันของประโยคเป็นรูปของ Participle ที่สาม (Past Participle) ตามมา ซึ่งจะไล่เรียงตามหลักเกี่ยวกับพฤติกรรมช่วงเวลาที่สิ้นสุดแต่ยังเกี่ยวข้องกับปุจจุบัน

การใช้ Present Perfect Tense จะมีหลายกรณีหากเราสนใจเกี่ยวกับกรณีการใช้งานเหล่านี้ สามารถอธิบายได้ดังนี้

1. เหตุการณ์ที่เริ่มขึ้นในอดีตแต่มีผลต่อปัจจุบัน: เราสามารถใช้ Present Perfect Tense เพื่อเล่าถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตแต่มีผลต่อปัจจุบัน เช่น “I have lost my wallet” (ฉันหายตัวกระเป๋าของฉัน) หมายความว่าฉันไม่พบกระเป๋าในปัจจุบัน เราใช้ Present Perfect Tense เพื่อเน้นถึงผลจากการหายในเวลาปัจจุบัน

2. ประสบการณ์ตลอดชีวิต: Present Perfect Tense สามารถใช้เล่าถึงประสบการณ์ที่เราเคยประสบตลอดชีวิต โดยไม่ระบุเวลาที่แน่นอน การใช้ว่า “I have been to Paris” (ฉันเคยไปปารีส) หมายความว่ามีประสบการณ์ในการไปเที่ยวปารีส แม้ว่าจะไม่ระบุว่าไปเมื่อไหร่

3. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรูปแบบซ้ำๆ กัน: เราใช้ Present Perfect Tense เมื่อต้องการพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ กันในอดีต โดยใช้คำว่า “ever” หรือ “never” เสมอ เช่น “Have you ever traveled to Japan?” (คุณเคยเดินทางไปญี่ปุ่นหรือไม่) เราใช้ประโยคนี้เพื่อถามว่าคุณเคยไปเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นหรือไม่

4. เหตุการณ์ที่เริ่มต้นจากอดีตและยังคงเกิดอยู่ในปัจจุบัน: ในกรณีที่เหตุการณ์หรือสถานที่เริ่มต้นจากอดีตแต่ยังมีผลต่อปัจจุบัน สามารถใช้ Present Perfect Tense แสดงถึงสถานะปัจจุบันนั้นเสมือนยังคงเป็นอดีต เช่น “She has lived in London for 10 years” (เธออาศัยอยู่ในลอนดอนมาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว) การใช้งานนี้เน้นที่เวลาในอดีตและสถานที่หรือสถานะปัจจุบัน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Present Perfect Tense:

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Present Perfect Tense สามารถแบ่งออกเป็นหลายคำถามต่อไปนี้:

Q1: ในกรณีใดเราใช้ Present Perfect Tense แทน Past Simple Tense?
A1: เราใช้ Present Perfect Tense เมื่อเราไม่ได้ระบุขอบเขตเวลาที่แน่นอนหรือกำหนดไว้แล้ว เช่น เคยทำเป็นหรือไม่

Q2: เราสามารถใช้ Past Simple Tense แทน Present Perfect Tense ได้หรือไม่?
A2: บางครั้ง เราสามารถใช้ Past Simple Tense แทน Present Perfect Tense ได้ อย่างไรก็ตาม การใช้ Present Perfect Tense จะแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างอดีตและปัจจุบันโดยชัดเจนกว่า

Q3: เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราควรใช้ Present Perfect Tense หรือไม่?
A3: เพื่อใช้ Present Perfect Tense อย่างถูกต้องเราควรพิจารณาเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเวลาที่ไม่อ้างอิงได้ชัดเจน หรือมีผลต่อปัจจุบัน

นี่คือบทความเกี่ยวกับการใช้ Present Perfect Tense ในภาษาอังกฤษ หวังว่าจะช่วยให้เห็นภาพของการใช้งานต่างๆ และพร้อมใช้ในการสื่อสารในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้องและคล่องแคล่วใจ

ตัวอย่างประโยค Present Perfect Tense 20 ประโยคในภาษาไทย

Present Perfect Tense เป็นเวลาที่นำมาใช้ในการพูดถึงเหตุการณ์หรือประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตแต่มีผลกระทบต่อปัจจุบันอยู่ด้วย ภาษาไทยจะใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดในอดีตและมีผลกระทบสูงสุดในการพูดถึงเหตุการณ์นั้นในปัจจุบัน ดังนั้น เรามาเรียนรู้ตัวอย่างประโยค Present Perfect Tense ในภาษาไทยกันเถอะ!

ด้านล่างนี้คือ 20 ตัวอย่างประโยค Present Perfect Tense ในภาษาไทย:

1. ฉันเพิ่งได้สำเร็จงานหนังสือที่อ่านมาเมื่อตอนเช้านี้ (I have just finished the book I was reading this morning).
2. เขาไม่เคยเปิดเล่นกีตาร์ (He has never played the guitar).
3. พ่อของฉันเคยได้เป็นนักบิน (My father has been a pilot).
4. มึงเคยจองโต๊ะสองที่สองในร้านอาหารนี้บ้างไหม? (Have you ever reserved table number two at this restaurant?).
5. เราต้องหาอะไรทำก่อนที่เขาจะมาถึง (We have to find something to do before he arrives).
6. พวกเขาเพิ่งกลับมาจากเที่ยวเมื่อคืน (They have just returned from their trip last night).
7. เธอเคยไปต่างประเทศหรือยัง? (Have you ever been abroad?).
8. ฉันแก้ปัญหาให้เขาลองใหม่ทั้งบางอย่าง (I have fixed the problem for him to try again).
9. มันยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน (It hasn’t happened yet).
10. ฉันอยู่ที่บ้านตลอดเวลาเมื่อฉันไม่ได้ทำงาน (I have been at home all the time when I’m not working).
11. พวกเขาเพิ่งซื้อรถใหม่ (They have just bought a new car).
12. เขาใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงเพื่อเตรียมตัวเป็นการเมื่อคืน (He spent about 3 hours getting ready last night).
13. ฉันเสียพลังงานเป็นเวลานาน (I have been tired for a while).
14. เคยคิดว่าคุณเคยทำเช่นนี้มาก่อนหรือไม่? (Have you ever thought that you have done this before?).
15. พวกเขายังไม่ปกติแน่นอน (They haven’t been normal for sure).
16. ฉันได้พบกับเขาหลายครั้ง (I have met him several times).
17. พวกเราเคยไปเที่ยวที่เมืองเล็กใกล้ๆ (We have been to a small town nearby).
18. เขาเพิ่งซื้อบ้านใหม่ (He has just bought a new house).
19. ฉันเอ่ยชอบภาพเหมือนมันยังเกิดเมื่อกี้เลย (I say I like the picture as if it just happened).
20. เราอยากได้ของขวัญใหม่ (We have been wanting a new gift).

คำถามที่พบบ่อย:

Q1: ประโยค Present Perfect Tense ใช้กับเหตุการณ์ใดบ้าง?
A1: Present Perfect Tense ใช้เมื่อพูดถึงเหตุการณ์หรือประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตแต่มีผลกระทบอยู่ในปัจจุบัน เช่น ประสบการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น เหตุการณ์ที่เกิดหลายครั้งในอดีต หรือเหตุการณ์ที่เกิดในอดีตแต่กำลังผลกระทบในปัจจุบัน เป็นต้น

Q2: ข้อกำหนดของ Present Perfect Tense มีอะไรบ้าง?
A2: ข้อกำหนดของ Present Perfect Tense ได้แก่การใช้ “have” หรือ “has” + รูปกริยาช่องที่ 3 ของคำกริยาที่ต้องการใช้ ซึ่งในภาษาไทยเป็นการใช้คำกริยาในตำแหน่งที่เป็นผนึกที่สุด (past participle) นอกจากนี้ Present Perfect Tense ยังต้องมีการใช้คำว่า “just,” “already,” “never,” “before,” “ever,” “yet” เป็นต้น หรืออาจจะมีวลีว่า “for” หรือ “since” เพื่อให้เกิดความกระชับและชัดเจนมากยิ่งขึ้น

Q3: จะใช้ Present Perfect Tense กับคำกริยาช่องที่ 1 ได้หรือไม่?
A3: ไม่ได้ ใน Present Perfect Tense จะต้องใช้รูปกริยาช่องที่ 3 (past participle) เท่านั้น

Q4: Present Perfect Tense มีความคล้ายคลึงกับ Past Simple Tense แตกต่างกันยังไง?
A4: Present Perfect Tense และ Past Simple Tense ไม่เหมือนกัน ถ้า Present Perfect Tense ใช้ในเนื้อหาหน้าไป โดยเน้นเหตุการณ์หรือประสบการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นก่อนปัจจุบัน แต่มีผลกระทบถึงปัจจุบัน ในขณะที่ Past Simple Tense ใช้ในเนื้อหาบางอย่างที่เหตุการณ์หรือประสบการณ์เกิดในอดีตและไม่ได้กระทบกับปัจจุบันอย่างตรงไปตรงมา

ผ่านไปเป็นเวลานานแล้วที่เราได้รู้จัก Present Perfect Tense ในภาษาไทย ตอนนี้เรามีประโยคตัวอย่างเพียงพอที่จะใช้สร้างประโยคต่างๆ ในภาษาไทยอีกได้หลากหลาย เป็นประโยคที่มีความรู้สึกก่อนหน้า และมีความผันแปรตามสถานการณ์อย่างถูกต้อง อย่าลืมใช้ Present Perfect Tense เพื่อเสริมสร้างความชัดเจนในประโยคของคุณนะคะ!

ตัวอย่างประโยค present perfect continuous tense 20 ประโยค (Example Sentences of Present Perfect Continuous Tense 20 sentences in Thai)

Present Perfect Continuous Tense หรือ กาลปัจจุบันกำลังกระทำอย่างต่อเนื่อง (Present Perfect Continuous) เป็นอีกหนึ่งรูปแบบของ Tense ในภาษาอังกฤษที่ถูกนำมาใช้ในบทพูดที่ถูกรายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต แต่สันนิษฐานว่าสามารถกระทำต่อเนื่องไปสู่ปัจจุบัน ประโยค Present Perfect Continuous Tense ถูกสร้างขึ้นโดยนำกริยาช่วย (Auxiliary Verb) “have been” และรูปการกระทำ (Present Participle) “Verb + -ing” มาผสมกัน กำหนดตรงระหว่างเวลาที่เริ่มศึกษาอดีตและปัจจุบัน

1. ฉันออกำลังกายตั้งแต่เช้า (I have been exercising since the morning).
2. เขากำลังทำงานอย่างหมั่นเพียร (He has been working hard).
3. เราได้อ่านหนังสือมาตั้งแต่เช้า (We have been reading books since the morning).
4. หมาบ้าของฉันกำลังเดินไปมาอย่างสุขุมสบาย (My dog has been walking around comfortably).
5. ชูชาติกำลังลุกขึ้นโดยตลอดเวลา (The sun has been rising all the time).
6. พ่อเหล้ากำลังดื่มและร้องเพลงมาตลอดคืน (Dad has been drinking and singing all night long).
7. เขากำลังใช้งานคอมพิวเตอร์ตั้งแต่เมื่อวาน (He has been using the computer since yesterday).
8. ลูกกำลังเลียนแบบวิธีการทำของพ่ออย่างต่อเนื่อง (The child has been imitating the father’s method continuously).
9. แมวสีขาวอยู่นอนต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อก่อนเที่ยงคืน (The white cat has been lying down continuously since before midnight).
10. มอร์กกำลังดำเนินโครงการใหม่ (Mark has been developing a new project).
11. เธอกำลังทำอาหารมาตั้งแต่อีกครึ่งวัน (She has been cooking since half a day).
12. ฉันได้รอคอยมาตั้งแต่คืนวันก่อน (I have been waiting since last night).
13. เราพบกันเป็นชั่วโมง (We have been meeting for an hour).
14. บริษัทของพวกเขากำลังสร้างใหม่ (Their company has been building a new one).
15. ฉันได้เรียนภาษาอังกฤษมาสองปีแล้ว (I have been studying English for two years).
16. พวกเขากำลังพูดถึงประเทศจีน (They have been talking about China).
17. นายกฤตย์ขายของออนไลน์ตั้งแต่ปีที่แล้ว (Krit has been selling online since last year).
18. สมศรีบริจาคเงินมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว (Somsri has been donating money since last month).
19. เราได้เรียนสื่อสารระหว่างประเทศมาสามสิบนาทีแล้ว (We have been studying international communication for thirty minutes).
20. น้องชายกำลังชอบเล่นกีตาร์อยู่ (My younger brother has been enjoying playing the guitar).

FAQs about Present Perfect Continuous Tense (คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกาลปัจจุบันกำลังกระทำอย่างต่อเนื่อง)

Q: Present Perfect Continuous Tense คืออะไร?
A: Present Perfect Continuous Tense เป็นรูปแบบของ Tense ในภาษาอังกฤษที่ใช้ในการบอกถึงเหตุการณ์ที่เริ่มขึ้นในอดีต และยังเริ่มกระทำต่อเนื่องสู่ปัจจุบัน

Q: สามารถใช้ Present Perfect Continuous Tense อย่างไร?
A: เราสามารถใช้ Present Perfect Continuous Tense เพื่ออธิบายเหตุการณ์หรือกระทำที่เริ่มขึ้นในอดีตและยังเริ่มกระทำต่อเนื่องไปสู่ปัจจุบัน

Q: กริยาช่วย (Auxiliary Verb) ใน Present Perfect Continuous Tense คืออะไร?
A: กริยาช่วยที่ใช้ใน Present Perfect Continuous Tense คือ “have been”

Q: วิธีสร้างประโยค Present Perfect Continuous Tense คืออะไร?
A: เราสร้างประโยค Present Perfect Continuous Tense โดยผลักดันกริยาช่วย “have been” จะตามด้วยรูปการกระทำ (Present Participle) ของกริยาหลัก ซึ่งเป็นรูปแปลงของ “Verb + -ing”

Q: เวลาที่ใช้กับ Present Perfect Continuous Tense มีกี่ประเภท?
A: เวลาที่ใช้กับ Present Perfect Continuous Tense มี 3 ประเภท ได้แก่ ตั้งแต่/เริ่มตั้งแต่, นับจากเป็นระยะเวลา, และตั้งแต่ – ถึง.

Q: สาระน่ารู้เกี่ยวกับ Present Perfect Continuous Tense.
A: ในกรณีที่เราอยากเน้นถึงระยะเวลาที่กระทำเฉพาะตัว สามารถเพิ่มคำบอกเวลาเข้าไปเพื่อเน้นเรื่องราวที่เราต้องการบอกถึงได้ เช่น “since,” “for,” “how long,” “all day,” “all night” ฯลฯ

Present Perfect Continuous Tense เป็นหนึ่งในรูปแบบ Tense ที่มีความซับซ้อน แต่ถ้าเราเข้าใจหลักการใช้งานและมีตัวอย่างประโยคที่ชัดเจน การนำไปใช้ในการแสดงการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีตและยังเริ่มกระทำต่อเนื่องไปยังปัจจุบันจึงเป็นไปได้อย่างสะดวกและถูกต้องได้

มี 23 ภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ ตัวอย่างประโยค present perfect tense.