ตาราง Tense
1. กระบวนการสร้างตาราง Tense
การสร้างตาราง Tense ในภาษาไทยนั้นได้แบ่งออกเป็น 6 คำกริยาหลักคือ ใช้ (do, does) และ ขอ (request) เพื่อเป็นต้นแบบในการสร้าง Tense ทั้งหมด เช่น ใช้ (do, does) + กริยาช่อง 1 สร้าง Present Tense, ใช้ (did) + กริยาช่อง 1 สร้าง Past Tense, ใช้ (will) + กริยาช่อง 1 สร้าง Future Tense เป็นต้น
2. ความหมายและการใช้งานของ Present Tense
Present Tense ใช้แสดงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันหรือสภาวะที่เป็นจริงอยู่ในปัจจุบัน เช่น I eat lunch at 12 o’clock (ฉันกินอาหารกลางวันเวลา 12 โมง)
3. ความหมายและการใช้งานของ Past Tense
Past Tense ใช้แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต เช่น I went to the beach yesterday (ฉันไปชายหาดเมื่อวานนี้)
4. ความหมายและการใช้งานของ Future Tense
Future Tense ใช้แสดงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น I will go to the concert tomorrow (ฉันจะไปคอนเสิร์ตวันพรุ่งนี้)
5. ความหมายและการใช้งานของ Present Continuous Tense
Present Continuous Tense ใช้แสดงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน แต่อาจมีความต่อเนื่องจากเกิดขึ้นในอนาคตเช่น I am watching a movie tonight (ฉันกำลังดูหนังคืนนี้)
6. ความหมายและการใช้งานของ Past Continuous Tense
Past Continuous Tense ใช้แสดงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอดีตและมีความต่อเนื่องกับเหตุการณ์อื่นที่เกิดขึ้นพร้อมกัน เช่น I was studying while he was watching TV (ฉันกำลังเรียนตอนที่เขากำลังดูทีวี)
7. ความหมายและการใช้งานของ Future Continuous Tense
Future Continuous Tense ใช้แสดงเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตและอาจมีความต่อเนื่องกับเหตุการณ์อื่นที่กำลังจะเกิดขึ้นพร้อมกัน เช่น I will be studying while he will be working (ฉันจะกำลังเรียนตอนที่เขากำลังจะทำงาน)
8. ความหมายและการใช้งานของ Present Perfect Tense
Present Perfect Tense ใช้แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตแต่เชื่อมโยงกับปัจจุบัน เช่น I have finished my homework (ฉันได้ทำการบ้านเสร็จแล้ว)
9. ความหมายและการใช้งานของ Past Perfect Tense
Past Perfect Tense ใช้แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์ในอดีต เช่น I had already eaten when he arrived (ฉันได้กินอาหารไปแล้วเมื่อเขามาถึง)
10. ความหมายและการใช้งานของ Future Perfect Tense
Future Perfect Tense ใช้แสดงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์ในอนาคต เช่น I will have finished my project by the end of this week (ฉันจะทำโปรเจกต์เสร็จภายในสัปดาห์นี้)
ในตาราง Tense ดังกล่าวจะมีผู้คนที่อาจีนว่าเป็นหลายคำกริยาที่ใช้ในกรณีเดียวกัน เพื่อช่วยให้กระบวนการใช้งานเบื้องต้นของ Tense ในภาษาไทยง่ายขึ้น ดังนั้นจึงสร้างตารางเพื่อให้ผู้เรียนมองเห็นและเก็บรวบรวมความหมายและการใช้งานของแต่ละ Tense ได้อย่างชัดเจนดังนี้
ตาราง Tense (Table of Tense)
———————————————————————
| | | |
| Tense | || Key Sentences |
| | | |
|——————————————————————-|
| Present Tense | || I eat lunch at 12 o’clock |
| | | |
| Past Tense | || I went to the beach yesterday |
| | | |
| Future Tense | || I will go to the concert tomorrow |
| | | |
| Present Continuous Tense | || I am watching a movie tonight |
| | | |
| Past Continuous Tense | || I was studying while he was watching TV |
| | | |
| Future Continuous Tense | || I will be studying while he will be working |
| | | |
| Present Perfect Tense | || I have finished my homework |
| | | |
| Past Perfect Tense | || I had already eaten when he arrived |
| | | |
| Future Perfect Tense | || I will have finished my project by the end of this week |
| | | |
———————————————————————
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Tense (FAQs)
1. Tense คืออะไร?
– Tense คือ รูปแบบการใช้งานของคำกริยาเพื่อส่งความหมายของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลาต่างๆ
2. ในภาษาไทยมีกี่รูปแบบของ Tense?
– ในภาษาไทยมี 10 รูปแบบของ Tense คือ Present Tense, Past Tense, Future Tense, Present Continuous Tense, Past Continuous Tense, Future Continuous Tense, Present Perfect Tense, Past Perfect Tense, Future Perfect Tense
3. คำกริยาอะไรบ้างที่ใช้ในการสร้าง Present Tense ในภาษาไทย?
– คำกริยาที่ใช้ในการสร้าง Present Tense ในภาษาไทยคือ ใช้ (do, does) + กริยาช่อง 1
4. ทำไม Present Continuous Tense ถึงน่าสนใจ?
– Present Continuous Tense เป็น Tense ที่ช่วยเราแสดงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน และอาจมีความต่อเนื่องจากเกิดขึ้นในอนาคต ทำให้เราสามารถแสดงความรู้สึกหรือจินตนาการในเรื่องที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้อย่างชัดเจน
5. ผู้เรียนควรฝึกใช้ Present Perfect Tense อย่างไร?
– เพื่อฝึกใช้ Present Perfect Tense ผู้เรียนควรจดจำกฎการใช้ Present Perfect Tense และฝึกปฏิบัติในชีวิตประจำวัน เช่น ใช้ประโยค “I have + กริยาช่อง 3” เช่น I have seen that movie before (ฉันได้ดูหนังเรื่องนี้มาก่อน)
6. Tense ที่ใช้เสริมในประโยคปรากฏในข้อ 5 คืออะไร?
– Tense ที่เสริมในประโยคปรากฏในข้อ 5 คือ Present Perfect Tense
7. Past Perfect Tense ใช้อย่างไรในประโยค?
– Past Perfect Tense ใช้ในการอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์ในอดีต เช่น I had already eaten when he arrived (ฉันได้กินอาหารไปแล้วเมื่อเขามาถึง)
8. Future Perfect Tense มีข้อสรุปใช้ที่ใดบ้าง?
– Future Perfect Tense มักใช้ในประโยคที่กำลังอธิบายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์ในอนาคต เช่น I will have finished my project by the end of this week (ฉันจะทำโปรเจกต์เสร็จภายในสัปดาห์นี้)
เพื่อให้เข้าใจและนำไปใช้ได้ตรงกับเนื้อหาให้ผู้เรียนฝึกใช้งาน Tense ให้เป็นประจำตลอดเวลาเพื่อเพิ่มความเข้าใจในการใช้ภาษาไทยในเชิงวากยสัมพันธ์ให้ดียิ่งขึ้น โดยฝึกทำโจทย์หรือฝึกใช้ประโยคในชีวิตประจำวัน
วิธีจำ 12 Tenses จำแบบนี้ ไม่มีลืม!! (เข้าใจง่าย ไม่ต้องท่อง)
คำสำคัญที่ผู้ใช้ค้นหา: ตาราง tense
รูปภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ ตาราง tense
หมวดหมู่: Top 33 ตาราง Tense
12 Tense มีอะไรบ้าง
1. Simple Present Tense (ปัจจุบันกาลมาศุกร์)
The simple present tense in Thai is used to describe ongoing actions, general truths, habits, or things that exist in the present. It is formed by using the base form of the verb. For example:
– เขากินข้าวทุกวัน (He eats rice every day).
– ฉันเรียนภาษาไทย (I study Thai language).
2. Present Continuous Tense (ปัจจุบันกาลเสาร์)
The present continuous tense is used to describe actions that are happening at the moment of speaking. It is formed by using the verb “กำลัง” (kamlang) before the base form of the verb. For example:
– เขากำลังกินข้าวอยู่ (He is eating rice right now).
– ฉันกำลังทำการบ้าน (I am doing homework).
3. Present Perfect Tense (ปัจจุบันกาลจันทร์)
The present perfect tense is used to describe actions or events that have happened in the past but have a connection to the present. It is formed by using the auxiliary verb “ได้” (dai) before the base form of the verb. For example:
– เขาได้กินข้าวแล้ว (He has eaten rice).
– ฉันได้เรียนภาษาไทยมาสองปีแล้ว (I have been studying Thai language for two years).
4. Present Perfect Continuous Tense (ปัจจุบันกาลอังคาร)
The present perfect continuous tense is used to describe actions that started in the past, continue in the present, and may extend into the future. It is formed by using the auxiliary verb “ได้” (dai), the verb “กำลัง” (kamlang), and the base form of the verb. For example:
– เขาได้กำลังทำงานมาตั้งแต่เช้า (He has been working since morning).
– ฉันได้กำลังเรียนอังกฤษมาเป็นเวลาห้าเดือนแล้ว (I have been studying English for five months).
5. Simple Past Tense (อดีตกาลน้อย)
The simple past tense is used to describe actions that have happened in the past. It is formed by adding the prefix “เคย” (koey) before the verb. For example:
– เขาเคยกินข้าวที่ร้านอาหารนี้ (He ate rice at this restaurant before).
– ฉันเคยไปท่องเที่ยวที่ภูเขาสักครั้ง (I visited the mountain once).
6. Past Continuous Tense (อดีตกาลหยุด)
The past continuous tense is used to describe actions that were happening in the past but were interrupted by another event or action. It is formed by using the verb “กำลัง” (kamlang) before the base form of the verb. For example:
– เขากำลังกินข้าวอยู่ที่บ้านเมื่อมีเพื่อนเข้ามา (He was eating rice at home when his friend came in).
– ฉันกำลังเดินอยู่ในสนามเหย้าเมื่อฝนตก (I was walking in the field when it started raining).
7. Past Perfect Tense (อดีตกาลผันแปร)
The past perfect tense is used to describe actions that happened before another event or time in the past. It is formed by using the auxiliary verb “ได้” (dai) before the base form of the verb. For example:
– เขาได้กินข้าวก่อนที่จะออกไป (He had eaten rice before going out).
– ฉันได้ทำการบ้านเสร็จแล้วก่อนที่จะนอน (I had finished my homework before going to bed).
8. Past Perfect Continuous Tense (อดีตกาลพุทธ)
The past perfect continuous tense is used to describe actions that had been happening continuously in the past before another event or time. It is formed by using the auxiliary verb “ได้” (dai), the verb “กำลัง” (kamlang), and the base form of the verb. For example:
– เขาได้กำลังทำงานมาเป็นเวลาห้าชั่วโมงก่อนที่จะพัก (He had been working for five hours before taking a break).
– ฉันได้กำลังอ่านหนังสือเล่มนี้มาตั้งแต่เมื่อวาน (I had been reading this book since yesterday).
9. Future Simple Tense (กาลอนาคตกาลมอญ)
The future simple tense is used to describe actions that will happen in the future. It is formed by using the word “จะ” (ja) before the base form of the verb. For example:
– เขาจะกินข้าวอยู่ที่บ้านช่วงเย็น (He will eat rice at home in the evening).
– ฉันจะไปเที่ยวทะเลพังงาในวันหยุด (I will go to Phang Nga beach on the weekend).
10. Future Continuous Tense (กาลอนาคตอันโลก)
The future continuous tense is used to describe actions that will be happening in the future at a specific time or uninterrupted period. It is formed by using the verb “กำลัง” (kamlang) before the base form of the verb. For example:
– เขาจะกำลังทำงานเวลา 5 โมงเย็นในวันพฤหัสบดี (He will be working at 5 PM on Thursday).
– ฉันจะกำลังเรียนภาษาฝรั่งเศสในระหว่างหน้าคาบเรียน (I will be studying French during the next class).
11. Future Perfect Tense (กาลอนาคตอันจน)
The future perfect tense is used to describe actions that will have been completed before another event or time in the future. It is formed by using the auxiliary verb “จะ” (ja) and “ได้” (dai) before the base form of the verb. For example:
– เขาจะได้กินข้าวก่อนที่จะไปเที่ยวทะเล (He will have eaten rice before going to the beach).
– ฉันจะได้เรียนจบคอร์สนี้ต้นเดือนหน้า (I will have finished this course at the beginning of next month).
12. Future Perfect Continuous Tense (กาลอนาคตสุดท้าย)
The future perfect continuous tense is used to describe actions that will have been happening continuously before another event or time in the future. It is formed by using the auxiliary verbs “จะ” (ja), “ได้” (dai), “กำลัง” (kamlang), and the base form of the verb. For example:
– เขาจะได้กำลังทำงานมาเป็นเวลา 10 ปีก่อนที่จะเกษียณ (He will have been working for 10 years before retiring).
– ฉันจะได้กำลังเรียนภาษาไทยมาตั้งแต่หกเดือนแล้วก่อนที่จะไปประเทศไทย (I will have been studying Thai language for six months before going to Thailand).
FAQs:
Q: Are there any irregular verbs in Thai when it comes to tenses?
A: No, Thai verbs do not change their form based on tense. The tenses are indicated by the use of auxiliary verbs or specific time-related words.
Q: Can you mix tenses in Thai sentences?
A: Yes, it is possible to mix tenses in Thai sentences to express complex ideas or time relationships. However, it is important to maintain clarity and coherence in the sentence structure.
Q: Are there any exceptions or special cases when using tenses in Thai?
A: While the 12 tenses mentioned above cover the majority of situations, there may be specific cases or idiomatic expressions that require different verb usage or time markers. It is always best to consult a Thai language teacher or reference materials for such exceptions.
In conclusion, the 12 tenses in Thai, known as มีอะไรบ้าง, are essential for effective communication and constructing grammatically correct sentences. It is crucial to understand the different time frames and aspects these tenses represent to convey accurate information. By practicing and incorporating these tenses into everyday conversations, learners can enhance their Thai language skills and interact confidently with native speakers.
4 Tense มีอะไรบ้าง
The Thai language, like any other language, has a rich system of tenses that allows speakers to express actions that happen in the past, present, and future. In Thai, the concept of tense, known as “tensit” in Thai (ตำแหน่งเวลา), plays a crucial role in communication, helping to convey the time and duration of an action. Understanding and mastering the different tenses is essential for anyone learning Thai, as it directly impacts their ability to effectively express themselves. In this article, we will explore the four main tenses in Thai, providing insights and examples to help learners grasp the concept more easily.
The Thai language features four primary tenses: present simple, past simple, present continuous, and future simple. These tenses, known as “Tense 1-4” (ตำแหน่งเวลาที่ 1-4), are used to express different timeframes and give speakers the flexibility to construct grammatically correct sentences in various contexts.
1. Present simple tense (เอกการณ์ปัจจุบัน)
The present simple tense is used to describe actions that happen at the present time or actions that are general facts. It is constructed by using the verb directly without any additional markers. For instance:
– เขา กิน (khao gin) – He eats.
– เอา เดินออก ไป (ao deen aawk bpai) – They walk out.
2. Past simple tense (อดีตกริยาเสร็จสมบูรณ์)
The past simple tense is employed to describe actions that have already occurred in the past. It is usually constructed by adding “ไป” (bpai) or “มา” (maa) after the verb to indicate the direction of movement. Examples include:
– เขา กินข้าว ไป (khao kin kao bpai) – He ate rice.
– เดินผ่านบ้านมา (deern phaan baan maa) – They walked past the house.
3. Present continuous tense (เอกการณ์ปัจจุบันต่อเนื่อง)
The present continuous tense is used to describe actions that are happening right now or ongoing actions. It is constructed by combining the verb with the auxiliary verb “กำลัง” (gamlang) or “อยู่” (yuu) depending on the context. Examples include:
– เขา กำลังกินอาหาร (khao gamlang gin aahaan) – He is currently eating food.
– เดินอยู่บนสะพาน (deern yuu bon sa-phaan) – They are walking on the bridge.
4. Future simple tense (อนาคตกริยาเสร็จสมบูรณ์)
The future simple tense is used to discuss actions that will happen in the future. It is typically constructed by adding the words “จะ” (ja) or “ก็จะ” (gor ja) before the verb. Examples include:
– พรุ่งนี้เขา จะไปเที่ยว (phrung nee khao ja bpai thiao) – Tomorrow he will go on a trip.
– อีกสองวันเดินทางก็จะถึง (eek saawng wan deern thaang gor ja teung) – In two more days, they will arrive.
Frequently Asked Questions (FAQs):
Q1: Are there any additional tenses in Thai apart from the four mentioned above?
A: Yes, besides the four main tenses, Thai also encompasses other tenses such as the past continuous, present perfect, future continuous, and future perfect. However, understanding and mastering the four main tenses is crucial before delving into the more complex tenses.
Q2: How do Thai tenses differ from English tenses?
A: While both Thai and English have tenses, the structure and usage may differ. For example, Thai doesn’t use auxiliary verbs like “am, is, are, was, were” for forming tenses. Also, Thai often relies on context rather than specific verb forms to convey timeframes.
Q3: How can I practice and improve my understanding of Thai tenses?
A: It’s vital to practice using the tenses in daily conversations or written exercises. Listening to Thai-language media, such as podcasts or music, and actively engaging with content will help you develop a better grasp of the tenses. Additionally, seeking guidance from native Thai speakers or enrolling in a language course can provide valuable assistance.
Conclusion:
Mastering the various tenses in Thai is crucial for effective communication and fluency in the language. By understanding and utilizing the present simple, past simple, present continuous, and future simple tenses, learners will be equipped to express themselves accurately across different timeframes. So, with practice and dedication, you can confidently weave your way through the complexities of Thai tenses and enhance your command of the language.
ดูเพิ่มเติมที่นี่: lasbeautyvn.com
พบ 14 ภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ ตาราง tense.
ลิงค์บทความ: ตาราง tense.
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโพสต์หัวข้อนี้ ตาราง tense.
- สรุป 12 Tense ภาษาอังกฤษ จำง่าย ใช้ได้ตลอดชีวิต! – OpenDurian
- สรุป Tense ทั้ง 12 ใช้ยังไง โครงสร้างประโยคของแต่ละ … – Sanook
- แจกตารางสรุป 12 Tenses… – Easy English with Kru Cakla
- ใบความรู้ตารางสรุป 12 Tenses (PDF) – Twinkl
- [วิชามารภาษาอังกฤษ] วิธีจำ Tense ทั้ง 24 อย่างรวดเร็ว – Pantip
- 12 tense ไม่ต้องท่อง
- ตารางสรุป TENSES ในภาษาอังกฤษทั้งหมด ปริ้นท์แปะฝาห้องเอา ไว้ …
- Tenses ทั้ง 12 สรุปเข้าใจง่าย – English Down-under
- สรุป 12 Tenses ภาษาอังกฤษอย่างง่าย – YouTube
- สรุป 4 tenses คู่ รู้ไว้ ตัดชอยส์ได้รัว ๆ อัปคะแนน TOEIC 750+ – OpenDurian
- Tense คืออะไร? แบ่งออกเป็นกี่ชนิด อะไรบ้าง? การเ T
- 12 tense มีอะไรบ้าง และโครงสร้างประโยคเป็นอย่างไร – Twinkl
ดูเพิ่มเติม: https://lasbeautyvn.com/category/digital-studios