โครงสร้างTense
โครงสร้าง Tense ในภาษาไทยเป็นส่วนสำคัญของการใช้ภาษาเพื่อแสดงเวลาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน อดีต และอนาคต โดยมีแต่ละรูปแบบมีโครงสร้างที่แตกต่างกัน ในบทความนี้ เราจะมาสำรวจโครงสร้าง Tense ทั้ง 12 ในภาษาไทยพร้อมกับตัวอย่างการใช้ในประโยคต่างๆ
1. การนิยามโครงสร้าง Tense
โครงสร้าง Tense ในภาษาไทยเป็นกลไกที่ใช้ในการบ่งบอกเวลาของเหตุการณ์ การวิเคราะห์โครงสร้าง Tense จะมี 4 องค์ประกอบหลัก คือ ประธาน (Subject) กริยา (Verb) กรรม (Object) และส่วนขยาย (Adverbial) โดยการเปลี่ยนรูปกริยาในแต่ละ Tense จะทำให้เกิดความหมายที่แตกต่างกันเช่นกัน
2. โครงสร้าง Tense ของกริยาต่างๆ
2.1 โครงสร้าง Tense ของกริยาใน Present Tense
– Present Simple Tense: Subject + Verb
– Present Continuous Tense: Subject + is/am/are + Verb+ing
– Present Perfect Tense: Subject + has/have + Verb3
2.2 โครงสร้าง Tense ของกริยาใน Past Tense
– Past Simple Tense: Subject + Verb2
– Past Continuous Tense: Subject + was/were + Verb+ing
– Past Perfect Tense: Subject + had + Verb3
2.3 โครงสร้าง Tense ของกริยาใน Future Tense
– Future Simple Tense: Subject + will + Verb
– Future Continuous Tense: Subject + will + be + Verb+ing
– Future Perfect Tense: Subject + will + have + Verb3
3. การใช้ Tense ในประโยคและบทความ
3.1 การใช้ Tense เพื่อบ่งบอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
ในกรณีที่ต้องการอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เราสามารถใช้ Present Simple Tense หรือ Present Continuous Tense ได้ตามความเหมาะสมของประโยค
– Present Simple Tense: เราใช้ Present Simple Tense เพื่อบ่งบอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว หรือเป็นความจริงที่เป็นสากล เช่น “I eat breakfast every day.”
– Present Continuous Tense: เราใช้ Present Continuous Tense เพื่อบ่งบอกถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน หรือเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ เช่น “She is watching a movie right now.”
3.2 การใช้ Tense เพื่อบ่งบอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต
ในกรณีที่ต้องการอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต เราสามารถใช้ Past Simple Tense หรือ Past Continuous Tense ได้ตามความเหมาะสมของประโยค
– Past Simple Tense: เราใช้ Past Simple Tense เพื่อบ่งบอกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตเป็นครั้งคราว หรือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต เช่น “We visited London last summer.”
– Past Continuous Tense: เราใช้ Past Continuous Tense เพื่อบ่งบอกถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต หรือเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต เช่น “I was studying when she called.”
3.3 การใช้ Tense เพื่อบ่งบอกเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ในกรณีที่ต้องการอธิบายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เราสามารถใช้ Future Simple Tense หรือ Future Continuous Tense ได้ตามความเหมาะสมของประโยค
– Future Simple Tense: เราใช้ Future Simple Tense เพื่อบ่งบอกถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเป็นครั้งคราว หรือการวางแผนที่จะเกิดขึ้น เช่น “I will call her tomorrow.”
– Future Continuous Tense: เราใช้ Future Continuous Tense เพื่อบ่งบอกถึงเหตุการณ์ที่จะกำลังเกิดขึ้นในอนาคต หรือเรื่องราวที่จะกำลังเกิดขึ้นในอนาคต เช่น “They will be playing football this time tomorrow.”
4. ความหมายและบทบาทของแต่ละ Tense
4.1 บทบาทและความหมายของ Present Simple
Present Simple Tense ใช้ในกรณีที่ต้องการอธิบายเหตุการณ์ที่เป็นความจริงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา หรือกิจกรรมที่เกิดขึ้นเป็นประจำ เช่น “I go to work every day.”
4.2 บทบาทและความหมายของ Present Continuous
Present Continuous Tense ใช้ในการอธิบายถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน เช่น “She is studying for her exam.”
4.3 บทบาทและความหมายของ Past Simple
Past Simple Tense ใช้ในการอธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตเป็นครั้งคราว หรือสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วสิ้นสุดไป เช่น “They visited their grandparents last weekend.”
4.4 บทบาทและความหมายของ Past Continuous
Past Continuous Tense ใช้ในการอธิบายถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอดีตและยังไม่สิ้นสุด หรือสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตในขณะเดียวกันกับการเกิดขึ้นของเหตุการณ์อื่น ๆ เช่น “He was reading a book when the phone rang.”
4.5 บทบาทและความหมายของ Future Simple
Future Simple Tense ใช้ในการอธิบายถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเป็นครั้งคราว หรือกิจกรรมที่มักจะเกิดขึ้น เช่น “I will meet you at the park tomorrow.”
4.6 บทบาทและความหมายของ Future Continuous
Future Continuous Tense ใช้ในการอธิบายถึงเหตุการณ์ที่จะกำลังเกิดขึ้นในอนาคตและยังไม่สิ้นสุด หรือกิจกรรมที่จะกำลังเกิดขึ้นในอนาคตในขณะเดียวกับการเกิดขึ้นของเหตุการณ์อื่น ๆ เช่น “They will be celebrating New Year’s Eve at midnight.”
5. การเปรียบเทียบ Tense
เปรียบเทียบระหว่าง Tense ที่เกี่ยวข้องกันเป็นวิธีที่ดีในการเรียนรู้และทำความเข้า
12 Tenses ครบในคลิปเดียว! | เรียน Grammar ภาษาอังกฤษฟรี กับครูดิว
คำสำคัญที่ผู้ใช้ค้นหา: โครงสร้างtense โครงสร้าง Tense ทั้ง 12, tense ทั้ง 12 อย่างละเอียด pdf, สรุป tense เข้าใจง่าย, tense ทั้ง 12 อย่างละเอียด, tense ทั้ง 12 พร้อมตัวอย่าง, tenseคืออะไร, ตารางสรุป tense pdf, tense ทั้ง 12 อย่างละเอียด ppt
รูปภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ โครงสร้างtense
หมวดหมู่: Top 71 โครงสร้างTense
ดูเพิ่มเติมที่นี่: lasbeautyvn.com
โครงสร้าง Tense ทั้ง 12
การเรียนรู้ระบบ Tense (เวลา) ในภาษาไทยนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญและท้าทายในการศึกษาภาษาไทยสำหรับผู้เรียนชาวต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับภาษาอังกฤษที่มีรูปเวลาเต็มที่ 24 ชั่วโมง ยิ่งไปกว่านั้น ภาษาไทยยังไม่มีวลีในรูป past continuous, future perfect หรือ conditional tense คล้ายกับระบบ Tenses ในภาษาอังกฤษ แต่สิ่งที่มีในภาษาไทยคือรูปเวลาทั้งหมด 12 รูปที่กำหนดอย่างเป็นระเบียบ
Tense ในภาษาไทยเป็นการอ้างถึงการเปลี่ยนแปลงของคำกริยาในภาษาไทย โดยมีหลักการเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ หรือสิ่งที่กระทำขณะนั้น โดยไม่จำเป็นต้องใช้คำว่า “กำลัง”, “จะ” ให้เพิ่มเติม จะมีแค่คำกริยาธรรมดาและคำกริยาพหูพจน์ที่เท่านั้นที่มีการเปลี่ยนแปลง Tense
ตาราง Tense ทั้ง 12 ในภาษาไทยแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของคำกริยาตามเวลาและสถานการณ์ต่างๆ ดังนี้:
1. Tense Present Simple
ใช้เมื่อกำลังพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำหรือสิ่งที่เป็นความจริงในปัจจุบัน เช่น “ฉันจัดเตรียมอาหารทุกเช้า”
2. Tense Past Simple
ใช้เมื่อพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และสิ่งที่เป็นความจริงในอดีต เช่น “เมื่อวานผมทำงานได้ทั้งวัน”
3. Tense Future Simple
ใช้เมื่อพูดถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้เพียงเป็นเวลาใช้วันพรุ่งนี้ เช่น “พรุ่งนี้ฉันจะไปเที่ยวทะเล”
4. Tense Present Continuous
ใช้เมื่อกำลังพูดถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบันหรือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ขณะนี้ เช่น “ฉันกำลังทำงานในขณะนี้”
5. Tense Past Continuous
ใช้เมื่อกำลังพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตเวลาอันยาวนาน หรือเวลากำลังทำอะไรบางอย่างในอดีต เช่น “เมื่ออยู่ที่ญี่ปุ่นฉันกำลังเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่”
6. Tense Future Continuous
ใช้เมื่อพูดถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอนาคตและจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น “พรุ่งนี้ตอนกลางคืนฉันจะกลับบ้าน”
7. Tense Present Perfect
ใช้เมื่อกำลังพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตแต่ไม่ระบุเวลาหรือสถานที่แน่ชัด เช่น “ฉันได้เห็นหมายเลขโทรศัพท์ของเขา”
8. Tense Past Perfect
ใช้เมื่อจะพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตก่อนหน้าเหตุการณ์อื่นๆ เช่น “เมื่อก่อนที่ฉันได้มานี้ฉันเคยอยู่ในอเมริกา”
9. Tense Future Perfect
ใช้เมื่อจะพูดถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก่อนหน้าเหตุการณ์อื่นๆ เช่น “โดยช่วงหลังสัปดาห์นี้ตอนเย็นฉันจะได้พบกับเขา”
10. Tense Present Perfect Continuous
ใช้เมื่อพูดถึงเหตุการณ์ที่เริ่มขึ้นในอดีตและยังคงเกิดเป็นประจำจนถึงปัจจุบัน เช่น “ฉันได้ทำงานนี้มาเป็นระยะเวลาหลายเดือนแล้ว”
11. Tense Past Perfect Continuous
ใช้เมื่อพูดถึงเหตุการณ์ที่เริ่มขึ้นในอดีตและยังคงเกิดเป็นประจำจนถึงเวลาที่เงื่อนไขอื่นๆเปลี่ยนแปลง เช่น “ฉันได้ทำงานนี้มาเป็นระยะเวลาหลายปีก่อนที่ฉันจะเริ่มเรียนภาษาเกาหลี”
12. Tense Future Perfect Continuous
ใช้เมื่อพูดถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและยังคงเกิดเป็นประจำจนถึงเวลาในอนาคตหน้า เช่น “จะใช้เวลาหนึ่งปีในการศึกษาภาษาจีนก่อนที่ฉันจะไปเยือนจีนอีกครั้ง”
**กรุณาสังเกตว่าในภาษาไทยไม่มีรูปภาคผนวก เวอร์บิตพร็อกซี หรือเงื่อนไขซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Tense ในภาษาอังกฤษ
FAQs:
Q: เราจะใช้ Tense ที่ใดถ้าเราต้องการอธิบายเบื้องต้นเกี่ยวกับทำเนียบเหล่ากิจกรรมทั่วไป?
A: เราสามารถใช้ Tense Present Simple เพื่ออธิบายกิจกรรมที่เกิดขึ้นบ่อยๆ เช่น “เขาเล่นกีตาร์ทุกวัน”
Q: ทราบมั้ยว่าเราสามารถใช้อดีลิงค์คำใน Tense ได้หรือไม่?
A: ในภาษาไทยไม่มีรูปเวลา “อดีตกาลคำ” หรือ “อดีตกาลตัวดำเนินการเสริม” เราอาจใช้คำอื่นๆ เช่น “เมื่อวาน,” “เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว” เป็นต้นเพื่อแสดงว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นในอดีต
Q: Tense ในภาษาไทยจำกัดเพียง 12 รูปหรือไม่?
A: เนื่องจากว่าภาษาไทยไม่มีรูปภาคผนวกหรือเงื่อนไขเหมือนในภาษาอังกฤษ ฉะนั้น Tense ในภาษาไทยจึงจำกัดเพียง 12 รูป แต่อย่างไรก็ตาม จำนวนคำที่เกี่ยวข้องกับ Tense ในภาษาไทย ยังมีจำนวนมากอีกหลายสรรพนาม (aspect markers) ซึ่งยุ่งยากต่อคนที่เพิ่งเริ่มเรียนภาษาไทย
Q: Tense ที่ใช้บ่อยที่สุดในภาษาไทยคืออะไร?
A: ประโยคที่ใช้ Tense Present Simple (ปัจจุบันกาล) เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากว่ามักถูกนำมาใช้เมื่อมีคำเหล่านี้: เป็น, คือ, ทำ, มี, กิน, เดิน, ชอบ, รู้, รัก เป็นต้น
การเรียนรู้ Tense ในภาษาไทยไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากภาษาไทยมีรูปภาคผนวกเอาไว้ แต่ความรู้ที่แน่ชัดเกี่ยวกับ Tense จะช่วยให้การสื่อสารเป็นไปได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน สำหรับผู้เรียนชาวต่างชาติที่กำลังพยายามศึกษาภาษาไทย อย่างเช่นนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญอันหนึ่ง
Tense ทั้ง 12 อย่างละเอียด Pdf
Tense หมายถึงผ่านปัจจุบัน อดีต และอนาคตของกริยา เราใช้ tense เพื่อให้ผู้ฟัง หรือผู้อ่านเข้าใจถึงเวลาของเหตุการณ์และความเปลี่ยนแปลงของมัน เรามี 12 tense ในภาษาอังกฤษทั้งหมด ทั้งนี้ต้องการการศึกษาและปฏิบัติในการใช้คำต่าง ๆ ในแต่ละ tense เพื่อให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านเข้าใจความหมายให้ถูกต้อง
เราจะมาเรียนรู้และเข้าใจเกี่ยวกับ tense ทั้ง 12 แบบละเอียดที่นี่:
1. Simple Present Tense: ใช้เมื่อเรากล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นประจำ, สถานะแข่งขัน หรือความเชื่อมั่น เช่น “I play football every Sunday.”
2. Present Continuous Tense: ใช้เมื่อกล่าวถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน เช่น “She is studying for her exams right now.”
3. Present Perfect Tense: ใช้เพื่อเชื่อมต่อเหตุการณ์ในอดีตกับปัจจุบัน เช่น “I have been to Paris before.”
4. Present Perfect Continuous Tense: ใช้เพื่อกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และยังคงเกิดขึ้นอยู่เช่น “They have been working on this project for three months.”
5. Simple Past Tense: ใช้เมื่อกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงในอดีต เช่น “I went to the cinema yesterday.”
6. Past Continuous Tense: ใช้เพื่อกล่าวถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดในอดีต เช่น “She was reading a book when I called her.”
7. Past Perfect Tense: ใช้เพื่อเชื่อมต่อเหตุการณ์สองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต เช่น “He had already eaten dinner when I arrived.”
8. Past Perfect Continuous Tense: ใช้เพื่อเน้นความยาวนานของเหตุการณ์ที่เกิดในอดีต และยังคงเกิดขึ้นไปเรื่อยๆ เช่น “They had been playing tennis for three hours when it started raining.”
9. Simple Future Tense: ใช้เพื่อกล่าวถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น “I will visit my parents next week.”
10. Future Continuous Tense: ใช้เพื่อกล่าวถึงเหตุการณ์ที่จะกำลังเกิดในอนาคต และกำลังดำเนินการอยู่ เช่น “I will be studying for my exams at this time tomorrow.”
11. Future Perfect Tense: ใช้เพื่อเสริมความเชื่อมต่อระหว่างเหตุการณ์สองเหตุการณ์ที่จะตามมาในอนาคต เช่น “By the time they arrive, we will have finished cooking.”
12. Future Perfect Continuous Tense: ใช้เพื่อเน้นความยาวนานของเหตุการณ์ในอนาคตที่กำลังเกิดขึ้น และยังคงเกิดขึ้นไปเรื่อยๆ เช่น “By next year, she will have been working here for a decade.”
เทคนิคการใช้แต่ละ tense ที่ถูกต้องอาจจะซับซ้อนเล็กน้อย แต่เราสามารถศึกษาและปฏิบัติได้ด้วยการอ่านตัวอย่างประโยคที่ถูกต้องและบทบาทของแต่ละคำโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ tense ที่เรามาอธิบายให้ด้วยดังต่อไปนี้:
คำถามที่ 1: วิธีการเรียนรู้ tense ทั้ง 12 แบบอย่างละเอียดคืออะไร?
การเรียนรู้เกี่ยวกับ tense ทั้ง 12 นั้นทำได้โดยการอ่านและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับแต่ละ tense ใช้ตัวอย่างประโยคต่าง ๆ เพื่อความเข้าใจที่ดีขึ้น นอกจากนี้ เรายังสามารถฝึกปฏิบัติในการใช้แต่ละ tense และพัฒนาทักษะด้วยประโยคที่สร้างขึ้นมาเอง
คำถามที่ 2: มีเคล็ดลับในการจดจำ tense ทั้งสิ้น 12 ไหม?
การจดจำ tense ทั้ง 12 อาจจะช่วยให้คุณสามารถใช้งานได้อย่างถูกต้อง คุณสามารถจดจำด้วยการเขียนประโยคตัวอย่างในแต่ละ tense และนำมาฝึกการใช้ในสถานการณ์จริง
คำถามที่ 3: มี tense ใดใช้บ่อยที่สุดในภาษาอังกฤษ?
Tense ที่ใช้บ่อยที่สุดในภาษาอังกฤษคือ Present Simple Tense และ Past Simple Tense เนื่องจากเป็นเวลาที่ใช้ในการพูดหรือเขียนเรื่องราวเบื้องต้น
คำถามที่ 4: วัตถุประสงค์ของการใช้แต่ละ tense คืออะไร?
แต่ละ tense ใช้เพื่อเน้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลาต่าง ๆ เช่น present tense ใช้แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และ past tense ใช้แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต
คำถามที่ 5: ทำไมการใช้ tense ถูกต้องในการเล่าเรื่องมีความสำคัญ?
การใช้ tense ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญในการเล่าเรื่อง เพราะความผิดพลาดในการใช้ tense อาจทำให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านเข้าใจผิดความหมาย เราจึงควรใช้ tense ที่ถูกต้องเพื่อให้เรื่องราวที่เราเล่ามีความน่าสนใจและได้รับความเข้าใจอย่างถูกต้องจากผู้ฟังหรือผู้อ่าน
เมื่อเราศึกษาและเข้าใจเกี่ยวกับ tense ทั้ง 12 ที่ถูกต้องแล้ว เราสามารถใช้ในการเล่าเรื่องหรือเขียนเรื่องราวให้น่าสนใจและถูกต้อง นอกจากนี้ เรายังสามารถใช้ความเข้าใจใน tense เพื่อเป็นเครื่องมือในการศึกษาวรรณกรรมภาษาอังกฤษต่าง ๆ ที่มีอยู่ในรูปแบบเอกสาร PDF และเรียนรู้คำศัพท์ได้อีกด้วย
คำถามที่ 6: สามารถรู้จักและเข้าใจ tense ทั้ง 12 ได้อย่างรวดเร็วไหม?
การรู้จักและเข้าใจ tense ทั้ง 12 อาจใช้เวลาและปฏิบัติในการศึกษาเพื่อปรับปรุงทักษะการใช้งาน แต่หากคุณปฏิบัติการใช้ tense ในชีวิตประจำวัน คุณจะสามารถเรียนรู้และเข้าใจโครงสร้างและบทบาทของแต่ละ tense ได้อย่างรวดเร็วและช่วยในการเรียนรู้ต่อไป
ในที่สุด เมื่อได้รับความเข้าใจเกี่ยวกับ tense ทั้ง 12 อย่างละเอียด เราสามารถประยุกต์ใช้ในการเล่าเรื่องหรือเขียนเรื่องราวได้อย่างถูกต้องและน่าสนใจ สำหรับคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ tense คุณสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ฝ่ายสนับสนุน หรือหาคำตอบจากแหล่งข้อมูลออนไลน์ที่เกี่ยวข้อง
พบ 44 ภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ โครงสร้างtense.
ลิงค์บทความ: โครงสร้างtense.
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโพสต์หัวข้อนี้ โครงสร้างtense.
- 12 tense มีอะไรบ้าง และโครงสร้างประโยคเป็นอย่างไร – Twinkl
- สรุป Tense ทั้ง 12 ใช้ยังไง โครงสร้างประโยคของแต่ละ …
- 12 tense ในภาษาอังกฤษ: โครงสร้าง หลักการใช้ และสัญญาณ …
- หลักการใช้ 12 Tense อย่างละเอียด พร้อมโครงสร้าง tense ที่สรุป …
- สรุป Tense ภาษาอังกฤษทั้ง 12 Tenses – Medium
- รวมหลักการใช้ 12 Tense แบบละเอียด ครบ จบ ในที่เดียว – Globish
- สรุป 12 Tense ภาษาอังกฤษ จำง่าย ใช้ได้ตลอดชีวิต! – OpenDurian
- สรุปการใช้ tense ทั้ง 12 tenses อย่างละเอียด ครอบคลุม เข้าใจง่าย
- 4 วิธีจำโครงสร้าง tense ทั้ง 12 และหลักการใช้ง่ายๆใน 3 นาที
ดูเพิ่มเติม: https://lasbeautyvn.com/category/digital-studios