โครงสร้าง Past Perfect
Past Perfect เป็น tense หนึ่งที่ใช้ในภาษาไทยเพื่อแสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์ในอดีต โดยการใช้ past perfect จะช่วยให้ผู้พูดหรือผู้เขียนสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับลำดับเหตุการณ์ในอดีตได้อย่างชัดเจน การใช้ past perfect ต้องพร้อมกับการเติมเวลาที่ถูกต้องเพื่อให้ประโยคเป็นไปได้อย่างสมบูรณ์ โดยส่วนมากแล้วเราใช้กับประโยคที่มี “เมื่อ”, “หลังจากที่”, “ทันทีที่”, “หลังจากที่” เป็นต้น
ตัวอย่างประโยคที่ใช้ Past Perfect:
1. เมื่อฉันถึงบ้าน พ่อและแม่กินข้าวไปแล้ว (When I arrived home, my parents had already eaten).
2. คุณได้ตรวจสอบว่าโทรศัพท์ของคุณหายไปไหม (Have you checked if your phone had gone missing?)
3. เหตุการณ์เกิดขึ้นได้แล้วสักพัก ก่อนที่คุณจะมาถึง (The event had already begun before you arrived.)
การเติมไทม์และการใช้ Past Perfect ให้ถูกต้อง
เพื่อให้การใช้ Past Perfect เป็นไปได้อย่างถูกต้อง จำเป็นจะต้องมีการเติมไทม์ที่ถูกต้องในกริยาโดยใช้ “เมื่อ”, “หลังจากที่” เพื่อแสดงความเสร็จสิ้นแล้วเสมือนในสมัยเมื่อก่อน นอกจากนี้ยังต้องใช้ past participle ของกริยาโดยใส่ “ได้”
ตัวอย่างประโยคที่ใช้ past perfect ให้ถูกต้อง:
1. เมื่อทำการสำรวจแล้วพบว่าช่างไฟฟ้าได้แก้ไขสายไฟที่เสีย (When the inspection was done, it was found that the electrician had fixed the faulty wires).
2. ผมไม่ได้เห็นเธอเมื่อนานก่อน (I had not seen her a long time ago).
3. หลังจากที่เธอได้บอกว่าไม่อยากไป ฉันก็ตัดสินใจที่จะไม่เข้าร่วม (After she had said she didn’t want to go, I decided not to join).
การเปรียบเทียบ Past Perfect กับ Past Simple ในอดีต
Past Perfect และ Past Simple เป็น tense ที่ใช้ในอดีต แต่มีความแตกต่างกันในการใช้งาน โดย Past Perfect ใช้เมื่อต้องการแสดงลำดับของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ในขณะที่ Past Simple ใช้เมื่อต้องการอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตโดยไม่ยึดติดกับเหตุการณ์อื่น
ตัวอย่างประโยคที่ใช้ Past Perfect และ Past Simple:
1. เมื่อฉันออกจากบ้าน น้องชายกำลังนอนอยู่ (When I left the house, my brother was sleeping) – ในที่นี้เราใช้ Past Continuous เพื่อแสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกันในอดีต
2. เมื่อฉันออกจากบ้าน น้องชายได้รู้ว่าฉันไปไหน (When I had left the house, my brother knew where I was going) – เราใช้ Past Perfect ในลำดับที่เหตุการณ์เกิดขึ้นก่อนและ Past Simple เพื่ออธิบายเหตุการณ์ภายหลังนั้น
การใช้ Past Perfect เพื่อกำหนดลำดับของเหตุการณ์ในอดีต
Past Perfect ช่วยให้เราสามารถกำหนดลำดับของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตได้อย่างชัดเจน โดยปกติแล้วหากมีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นในอดีต การใช้ past perfect จะช่วยให้เรารู้ได้ว่าเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์ใด
ตัวอย่างประโยคที่ใช้ Past Perfect เพื่อกำหนดลำดับของเหตุการณ์:
1. เมื่อฉันเล่นกอล์ฟมานานแล้ว คอชมอนผู้เล่นมือแรกก็เพิ่งเริ่มต้น (When I had been playing golf for a long time, Tiger Woods had just started playing).
2. เมื่อแม่กลับมาจากทำงาน ฉันเพิ่งจะเตรียมอาหารเสร็จ (When my mother came back from work, I had just finished preparing the meal).
การใช้ Past Perfect กับเหตุการณ์ที่ไม่จบในอดีต
เราสามารถใช้ Past Perfect เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่เริ่มขึ้นในอดีต แต่ยังไม่สิ้นสุดลงหรือยังไม่ตรงสิ้นสุด
ตัวอย่างประโยคที่ใช้ Past Perfect เพื่อเหตุการณ์ที่ไม่จบในอดีต:
1. เมื่อฉันเปิดหิ้ง เจ้าของบ้านก็มาถึง (When I had opened the door, the landlord arrived).
2. เมื่อฉันถึงสนามบิน ของฉันก็ได้ออกไปแล้ว (When I arrived at the airport, my luggage had already been taken out).
การใช้ Past Perfect เพื่อแสดงหวังว่าเหตุการณ์ในอดีตจะต้องเกิดขึ้นก่อน
Past Perfect สามารถใช้เพื่อแสดงว่าเรามีความหวังหรือคาดหวังว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตจะต้องเกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์อื่นๆ
ตัวอย่างประโยคที่ใช้ Past Perfect เพื่อแสดงหวังว่าเหตุการณ์ในอดีตจะต้องเกิดขึ้นก่อน:
1. เป็นอาจารย์ เขาหวังว่าเขาจะได้ประสบความสำเร็จในการสอบ (Being a teacher, he had hoped that he would succeed in the exam).
2. เมื่อเรามาตรวจเยี่ยมแล้ว เขาคาดหวังว่าเด็กสองคนจะอยู่บ้าน (When we visited, he had hoped that both children would be at home).
การใช้ Past Perfect เพื่อแสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่เราคิดอยู่
Past Perfect ยังสามารถใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่เราจะคิดหรือคาดหวัง
ตัวอย่างประโยคที่ใช้ Past Perfect เพื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่เราคิดอยู่:
1. ฉันได้รับกาแฟจากคนในครอบครัวของเขา แม้ว่าฉันไม่ได้รู้สึกตัวว่าคุณอยากดื่ม (I was given coffee by his family, although I had not felt the need for it).
2. เขาซื้อของขวัญให้กับฉัน ซึ่งสิ่งนั้นทำให้ฉันประหลาดใจ (He bought me a gift, which surprised me).
การใช้ Past Perfect เพื่อแสดงการเปลี่ยนแปลงจากเหตุการณ์ในอดีต
Past Perfect แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงหรือผลที่ได้รับจากเหตุการณ์ในอดีต
ตัวอย่างประโยคที่ใช้ Past Perfect เพื่อแสดงการเปลี่ยนแปลงจากเหตุการณ์ในอดีต:
1. เมื่อขุนนางทิ้งเทียนอยู่ ร้านของเขาก็เข้าแนวการค้า (When the nobleman left, his shop fell into disarray).
2. เวลาผ่านไป มาตรฐานสุขภาพของเธอเสียหายลง (As time passed, her health standards had deteriorated).
Past Perfect Continuous
Past Perfect Continuous เป็น tense สำหรับแสดงการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีตในรูปของการกระทำที่สุดสมบูรณ์หรือใช้เวลานานในอดีต
ตัวอย่างประโยคที่ใช้ Past Perfect Continuous:
1. เธอเมื่อกินเข้าแล้ว เธอมีอาการใจสั่น (When she had been eating, she was experiencing heart palpitations).
2. เธอร่วมกับเรามานาน 2 ปี (She had been working with us for 2 years).
Past Perfect Tense
Past Perfect Tense ใช้ในกรณีที่ต้องการอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์ในอดีต
ตัวอย่างประโยคที่ใช้ Past Perfect Tense:
1. เขาได้เคยอ่านหนังสือเรื่องนี้แล้ว (He had read this book before).
2. ก่อนที่เขาจะไปเห็นครู แก้ไขข้อสอบเป็นเรื่องยาก (Before he went to see the teacher, he had already found the test difficult).
ตัวอย่าง past perfect tense พร้อมเฉลยโครงสร้าง Past Perfect
1. เดือนที่แล้วเธ
หลักการใช้ Past Perfect Tense ง่ายสุดๆ
คำสำคัญที่ผู้ใช้ค้นหา: โครงสร้าง past perfect past perfect tense ตัวอย่างประโยค, Past Perfect Continuous, past simple tense ตัวอย่างประโยค, Past perfect simple, past perfect continuous tense ตัวอย่างประโยค, โครงสร้าง Past Continuous, Past Perfect Tense, ตัวอย่าง past perfect tense พร้อมเฉลย
รูปภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ โครงสร้าง past perfect
หมวดหมู่: Top 41 โครงสร้าง Past Perfect
ดูเพิ่มเติมที่นี่: lasbeautyvn.com
Past Perfect Tense ตัวอย่างประโยค
Past Perfect Tense ใช้เมื่อเราต้องการให้ความหมายว่าเหตุการณ์หรือกระบวนการได้เกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์หรือกระบวนการอื่น ๆ เราใช้กริยา “had” เพื่อเริ่มกล่าวถึงเหตุการณ์หรือกระบวนการที่เกิดขึ้นก่อน นอกจากนี้ เราจำเป็นต้องใช้รูปกริยาปฏิเสธ (“not”) หรือฟังก์ชันช่องว่าง (“never, already, yet”) ร่วมกับ Past Perfect Tense เพื่อทำให้ความหมายเป็นที่ชัดเจนขึ้น
ตัวอย่างประโยคที่มีการใช้ Past Perfect Tense คือ “She had already eaten when we arrived.” (เธอได้รับประทานอาหารไปแล้วเมื่อเรามาถึง) ในประโยคนี้ การกล่าวถึงการรับประทานอาหารก่อนที่เราจะมาถึงกระทำให้คำนาม “เรามาถึง” เกิดขึ้นในอดีต นอกจากนี้ เรายังสามารถใช้ Past Perfect Tense เพื่อกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนกระบวนการอื่นๆ ได้อีกเช่นกัน
ข้อสำคัญที่สุดในการใช้ Past Perfect Tense คือการสร้างความชัดเจนให้กับเหตุการณ์หรือกระบวนการที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น แต่หลายครั้งนักเรียนอาจสับสนกับการใช้ Past Simple Tense เนื่องจากทั้งสองรูปแบบนี้มีรูปซับซ้อนที่คล้ายกัน อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างระหว่างคู่นี้รอบคอบที่สุดคือ เหตุการณ์ใน Past Perfect Tense เกิดขึ้นก่อนหน้าเหตุการณ์ใน Past Simple Tense
ตัวอย่างประโยคที่สื่อถึงกระบวนการที่เกิดในอดีตก่อนจะมีเหตุการณ์อื่นๆ เกิดขึ้นคือ “When we arrived, they had already left.” (เมื่อเรามาถึง เขาได้แล้วจากไป) ในประโยคนี้ การกล่าวถึงการออกไปของเขาก่อนหน้านั้นทำให้คำนาม “เรามาถึง” เกิดขึ้นในอดีต ทำให้แสดงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามมา
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Past Perfect Tense:
1. Q: ทำไมถึงจำเป็นต้องใช้ Past Perfect Tense?
A: Past Perfect Tense ใช้ในกรณีที่เราต้องการกล่าวถึงเหตุการณ์หรือกระบวนการที่เกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์หรือกระบวนการใดๆ
2. Q: ผลกระทบจากการใช้หรือไม่ใช้อย่างถูกต้องของ Past Perfect Tense คืออะไร?
A: การใช้หรือไม่ใช้อย่างถูกต้องของ Past Perfect Tense จะช่วยให้เราสื่อความหมายที่ชัดเจนและถูกต้องมากยิ่งขึ้น
3. Q: มีข้อแม่นยำในการใช้ Past Perfect Tense อย่างไร?
A: ในบางกรณี เราสามารถใช้ Past Simple Tense แทน Past Perfect Tense ได้ถ้าไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงตำแหน่งเวลาที่ชัดเจน
4. Q: ถ้าไม่อยากใช้ Past Perfect Tense เราสามารถใช้ประโยคในรูปแบบอื่นได้หรือไม่?
A: ถ้าคุณไม่ต้องการใช้ Past Perfect Tense คุณสามารถใช้ Past Simple Tense หรือ Past Continuous Tense แทนได้ แต่คุณจะต้องจำไว้ว่าประโยคในรูปแบบนี้จะไม่สร้างความชัดเจนเท่าที่ Past Perfect Tense ทำได้
ในสรุป การใช้ Past Perfect Tense เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการสื่อความหมายที่ชัดเจนและถูกต้องในภาษาอังกฤษ โดยเราใช้ Past Perfect Tense เพื่อกล่าวถึงเหตุการณ์หรือกระบวนการที่เกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์หรือกระบวนการใดๆ อย่างถูกต้องในรูป “had + verb” นอกจากนี้ เรายังสามารถเพิ่มความชัดเจนให้มากขึ้นด้วยรูปกริยาปฏิเสธหรือฟังก์ชันช่องว่าง
กรุณาอ้างอิงถ้าจำเป็น
Past Perfect Continuous
Past Perfect Continuous เป็นพวกอนุมานที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและมีระยะเวลาในการเกิดเหตุการณ์นั้นต่อเนื่องมานาน อนุมานชนิดนี้ทำให้หมายถึงระยะเวลาที่ครอบคลุมเหตุการณ์ตั้งแต่จุดที่เรากำกับเรื่องราวไปจนถึงจุดที่ย้อนหลังสุด
การสร้างประโยคของ Past Perfect Continuous นั้นทำได้โดยการใช้กริยา “had been” เติมตามด้วย “present participle” ของกริยาประจำพันธุ์ที่หลัง หรือสามารถเขียนในรูปและรูปสั้นได้ดังนี้:
– Subject + had been + present participle
– Subject + ‘d been + present participle (short form)
ตัวอย่างประโยค Past Perfect Continuous:
1. She had been studying English for two hours before her friend called her.
เธอได้เรียนภาษาอังกฤษมาเป็นเวลาสองชั่วโมงก่อนที่เพื่อนของเธอจะโทรหาเธอ
2. They had been waiting for the bus since morning before it finally arrived.
พวกเขารอรถเมล์ตั้งแต่เช้าแต่รถมันมาถึงสุดท้าย
3. He had been living in New York for five years before he moved to Los Angeles.
เขาอาศัยอยู่นิวยอร์กมาเป็นเวลาห้าปีก่อนที่เขาจะย้ายไปลอสแองเจลิส
4. I had been working on this project before I realized it was not what I wanted.
ฉันได้ทำงานกับโปรเจกต์นี้ไปแล้วก่อนที่จะเห็นว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ
การใช้งานของ Past Perfect Continuous นั้นมักใช้ในบทสนทนาหรือเรื่องราวต่างๆ เพื่อบอกถึงระยะเวลาที่เสร็จสิ้นก่อนเหตุการณ์ในอดีต และบางครั้งก็ใช้ในการอธิบายสภาวะเองเช่นกัน
เพื่อให้เข้าใจเพิ่มเติม เรามาลองดูตัวอย่างการใช้งานของ Past Perfect Continuous ในบทสนทนาและเรื่องราวต่อไปนี้ครับ:
บทสนทนา:
John: How was your trip to Europe?
Mary: It was great! By the time I got to Paris, I had been traveling for a week.
John: Wow, that’s a long time! What did you do there?
Mary: I had been visiting famous landmarks and trying different cuisines.
เรื่องราว:
Sarah had been saving money for years in order to buy her dream house. Finally, she had enough to make the down payment and secure a loan. She had been searching for the perfect house for months, and when she found it, she knew it was the one. However, before she could move in, she had to wait for the previous owners to vacate the property. She had been waiting for weeks, but finally, the day came when she could collect the keys and move into her new home.
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
1. ใช้อนุมานประโยค Past Perfect Continuous เมื่อไหร่?
หากคุณต้องการอธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและเป็นเหตุผลในขณะที่อีกเหตุการณ์หนึ่งกำลังเกิดขึ้นในอดีตเช่นเดียวกัน เช่น “By the time I arrived, they had been waiting for hours.” (สำหรับงานเข้านี้เขาได้รอมาหลายชั่วโมงแล้ว)
2. แตกต่างกันอย่างไรระหว่าง Past Continuous และ Past Perfect Continuous?
Past Continuous ใช้เมื่อต้องการอธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและกำลังเกิดขึ้นพร้อมกันในอดีต ในขณะที่ Past Perfect Continuous ใช้เมื่อต้องการอธิบายถึงระยะเวลาที่เป็นตัวอ้างอิงสำหรับเหตุการณ์ในอดีต ก่อนเหตุการณ์ที่เกิดในอดีต
3. ใช้วลีดังกล่าวในสถานการณ์ใดบ้าง?
สถานการณ์ที่ใช้งาน Past Perfect Continuous อาจเกิดขึ้นในการสื่อสารชุดเรื่องราวที่คุณต้องการเล่าให้คนอื่นเข้าใจหรือในการอธิบายสถานการณ์ในอดีตที่มีผลต่อเหตุการณ์สำคัญในอดีตอีกเหตุการณ์หนึ่ง
4. เป็นบทสรุปได้อย่างไร?
Past Perfect Continuous เป็นพวกอนุมานที่ใช้เพื่ออธิบายถึงระยะเวลาในอดีตที่ใช้สำหรับการเกิดหรือเล่าข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญในอดีตที่มีผลต่อเหตุการณ์ที่เกิดหลังจากนั้น
มี 33 ภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ โครงสร้าง past perfect.
ลิงค์บทความ: โครงสร้าง past perfect.
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโพสต์หัวข้อนี้ โครงสร้าง past perfect.
- Past Tense เทคนิคการเล่าเรื่องในอดีต มีอะไรบ้าง ตัวอย่างประโยค
- หลักการใช้ Past perfect tense ฉบับเข้าใจง่าย – GrammarLearn
- สรุปวิธีใช้ Past Perfect แบบเข้าใจง่าย ใช้ไม่ยาก – Globish
- โครงสร้าง Past Simple Tense, Past Continuous … – LMS2
- Past Perfect Tense: โครงสร้าง หลักการใช้ และแบบฝึกหัด
- สรุป ! โครงสร้าง Past Perfect Tense พร้อมตัวอย่าง – TUENONG
- หลักการใช้ Past Perfect Tense อีกหนึ่ง tense ที่น่าปวดหัว แต่ …
ดูเพิ่มเติม: https://lasbeautyvn.com/category/digital-studios