Skip to content
Trang chủ » โครงสร้างของ Tense: ทำความเข้าใจการใช้เครื่องหมาย ในภาษาอังกฤษ

โครงสร้างของ Tense: ทำความเข้าใจการใช้เครื่องหมาย ในภาษาอังกฤษ

12 Tenses ครบในคลิปเดียว! | เรียน Grammar ภาษาอังกฤษฟรี กับครูดิว

โครงสร้าง ของ Tense

โครงสร้าง ของ Tense ในภาษาไทย

1. การนิยาม Tense และบทบาทในภาษาไทย

Tense ในภาษาไทยมีความหมายเป็นการแสดงเวลาและสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน อดีต และอนาคต โดยใช้คำกริยาหลักและคำกริยาช่วยในการสร้างประโยค เราสามารถใช้ Tense เพื่อบอกเวลาเมื่อใดก็ได้ตามที่เราต้องการ โดยมีบทบาทสำคัญในการแสดงความหมายของประโยคในภาษาไทย

2. โครงสร้าง Tense ในภาษาไทย

2.1 การใช้เพื่อแสดงเวลาดำเนินการในปัจจุบัน (Present Tense)
ในภาษาไทย การใช้ Tense เพื่อแสดงเวลากระทำการระหว่างปัจจุบันสามารถทำได้โดยการใช้คำกริยาหลักเป็นช่องกรรมและคำกริยาช่วย “กำลัง” เช่น “เขาเขียนจดหมาย” หรือ “เธอกำลังร้องเพลง”

2.2 การใช้เพื่อแสดงเวลาและตำแหน่งของคำในอดีต (Past Tense)
ในภาษาไทย การใช้ Tense เพื่อแสดงเวลาและตำแหน่งของคำในอดีตสามารถทำได้โดยการใช้คำกริยาหลักในรูปที่มี “แล้ว” หรือ “แล้งแล้ว” เช่น “เขาอ่านหนังสือแล้ว” หรือ “เธอเดินทางแล้ว”

2.3 การใช้เพื่อแสดงการดำเนินการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต (Future Tense)
ในภาษาไทย การใช้ Tense เพื่อแสดงการดำเนินการที่จะเกิดขึ้นในอนาคตสามารถทำได้โดยการใช้คำกริยาช่วย “จะ” หรือ “อาจจะ” หลังจากคำกริยาหลัก เช่น “เขาจะเดินทาง” หรือ “เธออาจจะเข้าร้านอาหาร”

3. ส่วนประกอบของ Tense

3.1 คำกริยาหลัก (Main Verb) ในประโยค Tense
คำกริยาหลักในประโยค Tense เป็นคำที่ใช้เพื่อแสดงการกระทำการหรือสถานะของเรื่องราว เช่น “เขาเดิน” หรือ “เธอกิน”

3.2 คำกริยาช่วย (Auxiliary Verb) ในประโยค Tense
คำกริยาช่วยในประโยค Tense เป็นคำที่เอาไว้ช่วยการสร้างประโยคในแต่ละ tense เช่น “กำลัง” เพื่อแสดงประโยคใน Present Continuous Tense เช่น “เขากำลังทำงาน”

3.3 การใช้กริยาในรูปที่ต้องการเพื่อสร้าง Tense
การใช้กริยาในรูปที่ต้องการเพื่อสร้าง Tense สามารถทำได้โดยการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของคำกริยาหลัก เช่น การเติม “แล้ว” เพื่อแสดง Present Perfect Tense เช่น “เขาได้กินอาหารแล้ว”

4. การเปรียบเทียบ Tense

4.1 การเปรียบเทียบระหว่าง Present Tense, Past Tense, และ Future Tense
– Present Tense: เป็นการแสดงกระทำการหรือสถานะที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน เช่น “เขาเรียน”
– Past Tense: เป็นการแสดงการกระทำการหรือสถานะที่เกิดขึ้นในอดีต เช่น “เขาเรียนแล้ว”
– Future Tense: เป็นการแสดงการกระทำการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น “เขาจะเรียน”

4.2 การใช้ Tense ในประโยคภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
ในประโยคภาษาไทยและภาษาอังกฤษ การใช้ Tense และการแสดงเวลามีความแตกต่างกันบ้าง เช่น ในภาษาไทยเราใช้ Present Tense เพื่อแสดงเวลาที่เป็นประจำและอนาคต ในขณะที่ในภาษาอังกฤษแบ่งออกเป็นหลายรูปแบบเพื่อแสดงเวลาที่แตกต่างกัน เช่น Present Simple, Present Continuous, Present Perfect ฯลฯ

5. การตั้งคำถามใน Tense

5.1 การสร้างคำถามใน Present Tense
– ใน Present Simple Tense เราใช้คำถามที่บอกเพื่อนและค่ากำหนดเวลา เช่น “คุณชอบกินอาหารอะไรบ้าง?”
– ใน Present Continuous Tense เราใช้คำถามที่แสดงกระทำการที่กำลังเกิดขึ้นเป็นปัจจุบัน เช่น “คุณกำลังทำอะไรอยู่?”

5.2 การสร้างคำถามใน Past Tense
– ใน Past Simple Tense เราใช้คำถามเพื่อถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต เช่น “คุณทำอะไรเมื่อวานนี้?”
– ใน Past Continuous Tense เราใช้คำถามที่แสดงกระทำการที่เกิดขึ้นในอดีตในขณะที่เกิดเหตุการณ์อื่น ๆ เช่น “คุณทำอะไรเมื่อเขาโทรหาคุณ?”

5.3 การสร้างคำถามใน Future Tense
– ใน Future Simple Tense เราใช้คำถามเพื่อถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น “คุณจะไปเที่ยวที่ไหนในวันหยุด?”
– ใน Future Continuous Tense เราใช้คำถามที่แสดงกระทำการที่จะเกิดขึ้นในอนาคตในขณะที่กำลังมีเหตุการณ์อื่น ๆ เช่น “คุณจะทำอะไรเมื่อฝนตก?”

6. การใช้ Tense ในประโยคผันผ่าน (Passive Voice)

6.1 การเปลี่ยน Tense ในประโยค Passive Voice
แสดงถึงผู้กระทำการ และผู้รับการกระทำในประโยค การเปลี่ยน Tense ในประโยค Passive Voice จะทำได้โดยการเปลี่ยนแปลงรูปแบบคำกริยาหลักและคำกริยาช่วยตาม Tense ที่ต้องการ เช่น “หนังสือถูกอ่าน” (Present Simple Tense) เปลี่ยนเป็น “หนังสือถูกอ่านแล้ว” (Past Simple Tense)

6.2 การใช้ Tense ในรูปของ Passives ที่ต่างกัน (Present, Past, Future)
ในประโยค Passive Voice ในรูปแบบต่า

12 Tenses ครบในคลิปเดียว! | เรียน Grammar ภาษาอังกฤษฟรี กับครูดิว

คำสำคัญที่ผู้ใช้ค้นหา: โครงสร้าง ของ tense โครงสร้าง Tense ทั้ง 12, tense ตัวอย่างประโยค, tense ทั้ง 12 พร้อมตัวอย่าง, tense ทั้ง 12 อย่างละเอียด, tense ทั้ง 12 อย่างละเอียด ppt, สรุปtense 12, สรุป tense เข้าใจง่าย pdf, ตัวอย่างประโยค คํา ถาม 12 tense

รูปภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ โครงสร้าง ของ tense

12 Tenses ครบในคลิปเดียว! | เรียน Grammar ภาษาอังกฤษฟรี กับครูดิว
12 Tenses ครบในคลิปเดียว! | เรียน Grammar ภาษาอังกฤษฟรี กับครูดิว

หมวดหมู่: Top 65 โครงสร้าง ของ Tense

โครงสร้าง Present Tense มีอะไรบ้าง

โครงสร้าง Present Tense มีอะไรบ้าง

ในภาษาอังกฤษ, Present Tense หมายถึงการใช้รูปของคำกริยาในการอธิบายเหตุการณ์หรือสถานะที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยมีเวลาหมายถึงตอนนี้หรือสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน การใช้ Present Tense จึงเป็นสิ่งสำคัญที่คุณควรรู้จักในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ เพื่อให้คุณสามารถสื่อสารและใช้ภาษาได้อย่างถูกต้องและมั่นใจ

โครงสร้างของ Present Tense ประกอบด้วยรูปกริยา (verb) และหนึ่งคำกริยาช่องดิ้น (verb form) เพื่อหมายถึงบุคคลหรือเรื่องที่คำกล่าวถึง รูปกริยาแต่ละรูปจะมีลักษณะที่ไม่เหมือนกัน เช่น “play” เป็นกริยารูปพิเศษที่มีการเปลี่ยนรูปผิดกับรูปธรรมดา ซึ่ง Present Tense สามารถแบ่งออกเป็นรูปแบบหลักๆ ดังนี้

1. Present Simple Tense (รูปธรรมดา)
รูปแบบนี้ใช้ในกรณีที่ความเป็นจริงที่ไม่เปลี่ยนแปลง หรือสิ่งที่เกิดขึ้นทุกวัน โดยรูปกริยาสำหรับบุคคลสามัญจะเป็นรูปธรรมดา (V1) เช่น “I play football every Sunday.” (ฉันเล่นฟุตบอลทุกวันอาทิตย์) ในกรณีของบุคคลกิเลสระเกียรติควรเติม “do + V1” เช่น “She does not drink coffee.” (เธอไม่ดื่มกาแฟ)

2. Present Continuous Tense (อนามัยกาลปัจจุบัน)
ใช้เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน หรือเรื่องที่กำลังเชื่อมต่อกัน รูปกริยาสำหรับ Present Continuous Tense จะเป็นการเติม “be + V-ing” เช่น “She is studying for her exam.” (เธอกำลังเรียนสำหรับสอบ) โดยรูปกริยาของ “be” จะเปลี่ยนไปตามบุคคลหรือคำสมาชิก เช่น “am” (I), “is” (he, she, it), “are” (you, we, they)

3. Present Perfect Tense (กาลสมบูรณาญาณปัจจุบัน)
ใช้เมื่อเรากล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดแล้วในอดีตแต่ยังสัมพันธ์กับปัจจุบัน รูปกริยาสำหรับ Present Perfect Tense จะเป็นการเติม “have/has + V3” เช่น “I have visited Paris.” (ฉันเคยไปเที่ยวปารีส) ซึ่ง “have” จะถูกเปลี่ยนตามบุคคล เช่น “has” (he, she, it), “have” (you, we, they)

4. Present Perfect Continuous Tense (กาลนามินทรายสมบูรณาญาณปัจจุบัน)
ใช้เมื่อเรากล่าวถึงเหตุการณ์ที่เริ่มขึ้นในอดีต และยังคงเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน รูปกริยาสำหรับ Present Perfect Continuous Tense จะเป็นการเติม “have/has been + V-ing” เช่น “She has been studying English for three years.” (เธอเรียนภาษาอังกฤษเป็นเวลาสามปีแล้ว) เราใช้ “have” (I, you, we, they) หรือ “has” (he, she, it) ในการเปลี่ยนนาม

หนึ่งในเรื่องที่ทำให้คนเรียนรู้ภาษาอังกฤษแย่งชิดคือการใช้ Present Tenses อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะ Present Simple Tense ที่มักลอยละเอียดและมีรูปแบบในการใช้ที่น้อยมากต่อเทียบกับ Present Continuous Tense หรือ Present Perfect Tense เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและใช้รูปแบบ Present Tense ได้อย่างถูกต้อง เราจึงได้เตรียมคำถามที่พบบ่อย (FAQs) เพื่อคล้ายความคิดของคุณและสอบถามด้าน Present Tense ต่อไปนี้

คำถามที่ 1: มีกี่รูปแบบของ Present Tense?

ตอบ: มี 4 รูปแบบหลักของ Present Tense นั่นคือ Present Simple Tense, Present Continuous Tense, Present Perfect Tense, และ Present Perfect Continuous Tense.

คำถามที่ 2: เราจะใช้ Present Simple Tense เมื่อไหร่?

ตอบ: เราใช้ Present Simple Tense เมื่ออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและเป็นความจริงที่ไม่เปลี่ยนแปลง เช่น “I eat rice every day.” (ฉันกินข้าวทุกวัน)

คำถามที่ 3: เราจะใช้ Present Continuous Tense เมื่อไหร่?

ตอบ: เราใช้ Present Continuous Tense เมื่อกำลังเกิดเหตุการณ์ในปัจจุบัน หรืออธิบายเรื่องที่กำลังเชื่อมต่อกัน เช่น “She is studying for her exam.” (เธอกำลังเรียนสำหรับสอบ)

คำถามที่ 4: มีกี่รูปแบบของ Present Perfect Tense?

ตอบ: มี 2 รูปแบบของ Present Perfect Tense คือ Present Perfect Simple Tense และ Present Perfect Continuous Tense.

คำถามที่ 5: เราจะใช้ Present Perfect Simple Tense เมื่อไหร่?

ตอบ: เราใช้ Present Perfect Simple Tense เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตแต่สัมพันธ์กับปัจจุบัน เช่น “I have visited Paris.” (ฉันเคยไปเที่ยวปารีส)

คำถามที่ 6: เราจะใช้ Present Perfect Continuous Tense เมื่อไหร่?

ตอบ: เราใช้ Present Perfect Continuous Tense เมื่ออธิบายเหตุการณ์ที่เริ่มขึ้นในอดีตและยังคงเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน เช่น “She has been studying English for three years.” (เธอเรียนภาษาอังกฤษเป็นเวลาสามปีแล้ว)

คำถามที่ 7: สิ่งที่ต่างกันระหว่าง Present Simple Tense และ Present Continuous Tense คืออะไร?

ตอบ: Present Simple Tense ใช้ในกรณีที่เราอธิบายเหตุการณ์ที่เป็นความจริงที่ไม่เปลี่ยนแปลง ส่วน Present Continuous Tense ใช้เมื่อเรากำลังพูดถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน

คำสรุป:
การใช้ Present Tense ในภาษาอังกฤษมีความสำคัญอย่างมากในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ เนื่องจากเป็นรูปแบบที่ใช้ในการอธิบายเหตุการณ์หรือสถานะที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยมี 4 รูปแบบหลักคือ Present Simple Tense, Present Continuous Tense, Present Perfect Tense, และ Present Perfect Continuous Tense. ทั้งนี้ เพื่อให้คุณสามารถใช้ Present Tense ได้อย่างถูกต้องและมั่นใจในการใช้ในประโยคต่างๆ ควรศึกษาและปฏิบัติตามกฎและรูปแบบที่กล่าวถึงในบทความนี้

12 Tense มีอะไรบ้าง

12 Tense มีอะไรบ้าง: A Comprehensive Guide

เรียนภาษาไทย (Learning Thai) can be quite a rewarding experience. As with any language, mastering the tenses is crucial to effective communication. In Thai, there are twelve tenses, or “Tense มีอะไรบ้าง” as it is referred to by native speakers. This guide aims to provide you with a thorough understanding of these tenses, their uses, and some common examples. Let’s dive in!

1. ปัจจุบัน (Present tense):
The present tense is used to describe actions that are happening right now or habitual actions. To form the present tense, you simply use the verb as it is without any changes. For example:
– เขากินข้าว (Kao kin khao) – He is eating rice.
– ฉันอ่านหนังสือ (Chan an nang seu) – I read books.

2. อนาคต (Future tense):
The future tense is used to indicate actions that will happen in the future. To form this tense, you add the word “จะ” (ja) before the verb. For example:
– เธอจะไปไหน (Ter ja pai nai) – Where will you go?
– พรุ่งนี้เขาจะทำอะไร (Prung ni kao ja tham arai) – What will he do tomorrow?

3. อดีต (Past tense):
The past tense is used to describe actions that have already happened. To form the past tense, you add the word “เคย” (koey) before the verb. For example:
– เขาเคยไปเที่ยวภูเขา (Kao koey pai tiao phu kao) – He has been to the mountain.
– ผมเคยเป็นนักเรียน (Phom koey pen nak rean) – I used to be a student.

4. กรณีไทย (Thai conditional tense):
The Thai conditional tense is used to express hypothetical or conditional situations. To form this tense, you use the word “ถ้า” (tha) before the verb. For example:
– ถ้าฉันมีเวลาคงจะช่วยเขา (Tha chan mee wen la kon ja chuay kao) – If I have time, I will help him.
– ถ้าวันพรุ่งนี้ไม่ฝนจะไปเล่นกอล์ฟ (Tha wan prung ni mai fon ja pai len golf) – If it doesn’t rain tomorrow, we will go play golf.

5. คำคุณหลัง (Posterior tense):
The posterior tense is used to express actions that are expected to happen in the near future. To form this tense, you use the word “จะกำลังจะ” (ja kam lang ja) before the verb. For example:
– พรุ่งนี้จะกำลังจะต้องทำงานไป (Prung ni ja kam lang ja dtong tham ngan pai) – Tomorrow, we will have to work.
– เธอจะกำลังจะไปไหน (Ter ja kam lang ja pai nai) – Where will you be going?

6. คำกริยาช่วง (Verbal aspect):
The verbal aspect tense is used to express actions that are continuous, completed, or repeated. It is formed by adding specific words before or after the verb. For example:
– เขากำลังตีกอล์ฟ (Kao kam lang dti golf) – He is playing golf.
– เมื่อวานผมไปเที่ยวหาด (Meua wan phom pai tiao had) – Yesterday, I went to the beach.

FAQs:

1. Are there any irregularities in Thai tenses?
While Thai tenses are generally quite straightforward, there are a few irregular verb forms. It is important to familiarize yourself with these verbs and their conjugations to ensure accuracy in your communication.

2. Can I mix tenses in a sentence?
Yes, it is common to mix tenses in Thai sentences, especially when describing complex situations. Make sure to use appropriate sentence structures and conjunctions to maintain clarity.

3. Do I need to use personal pronouns with each verb?
In Thai language, personal pronouns are often omitted as the verb form already indicates the subject. However, you can include personal pronouns for emphasis or clarity if needed.

4. Are there any common mistakes to watch out for?
One common mistake is using the present tense to describe future actions. Remember to use the future tense when talking about future events. Additionally, be careful with word order as it differs from English.

5. How can I practice and improve my understanding of Thai tenses?
Practice is key! Engage in conversations with native speakers or language exchange partners to practice using the tenses in context. Utilize online resources, such as language forums and Thai language-learning platforms, to further enhance your understanding.

In conclusion, mastering the twelve tenses in Thai is essential for effective communication. By understanding the nuances and usage of each tense, you will be able to express yourself accurately and fluently in various situations. Take the time to study and practice these tenses, and soon you will find yourself navigating Thai conversations with confidence. Happy learning!

ดูเพิ่มเติมที่นี่: lasbeautyvn.com

โครงสร้าง Tense ทั้ง 12

โครงสร้าง Tense ทั้ง 12: การใช้ Tense ในภาษาไทย

ในภาษาไทยเราใช้โครงสร้าง Tense ทั้ง 12 เพื่อแสดงช่วงเวลาของเหตุการณ์หรือผลกระทบของเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในอดีต, ปัจจุบัน หรืออนาคต โครงสร้างของ Tense นี้สามารถช่วยให้เราสื่อสารให้เข้าใจกันได้อย่างถูกต้องและชัดเจน ในบทความนี้เราจะพิจารณาโครงสร้าง Tense ทั้ง 12 และให้ความสำคัญกับการใช้งานและลักษณะเฉพาะของแต่ละ Tense

1. Tense ปัจจุบัน (Present Tense)
Tense ปัจจุบันใช้เมื่อเราต้องการอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน การใช้ Tense นี้เราสามารถแบ่งออกเป็น 2 หมวดหมู่ ได้แก่
– Tense ปัจจุบันธรรมดา (Simple Present Tense): ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นความจริงหรือกิจกรรมที่เกิดขึ้นเป็นระยะๆเช่น “I work at a company”.
– Tense ปัจจุบันกระทำให้เกิดผล (Present Progressive Tense): ใช้เมื่อเราต้องการอธิบายเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นที่เรากำลังทำอยู่ เช่น “I am studying for my exam”.

2. Tense อดีต (Past Tense)
Tense อดีตใช้เมื่อเราต้องการอธิบายเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต โดยเราสามารถแบ่งออกเป็น 3 หมวดหมู่ ได้แก่
– Tense อดีตธรรมดา (Simple Past Tense): ใช้เมื่อเราอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต โดยระบุช่วงเวลาที่แน่นอน เช่น “I went to the beach last weekend”.
– Tense อดีตกระทำให้เกิดผล (Past Progressive Tense): ใช้เมื่อเราต้องการอธิบายเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต โดยการใช้ “was/were + verb-ing” เช่น “I was watching TV when you called me”.
– Tense อดีตกระทำเสร็จสิ้นแล้ว (Past Perfect Tense): ใช้เมื่อเราต้องการอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์ในอดีต โดยการใช้ “had + verb-ed” เช่น “I had finished my homework before going to bed”.

3. Tense อนาคต (Future Tense)
Tense อนาคตใช้เมื่อเราต้องการอธิบายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเราสามารถแบ่งออกเป็น 3 หมวดหมู่ ได้แก่
– Tense อนาคตธรรมดา (Simple Future Tense): ใช้เมื่อเราต้องการอธิบายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น “I will go to the gym tomorrow”.
– Tense อนาคตกระทำให้เกิดผล (Future Progressive Tense): ใช้เมื่อเราต้องการอธิบายเหตุการณ์ที่จะกำลังเกิดขึ้นในอนาคต โดยการใช้ “will be + verb-ing” เช่น “I will be studying at the library tomorrow”.
– Tense อนาคตกระทำก่อนเหตุการณ์ในอนาคต (Future Perfect Tense): ใช้เมื่อเราต้องการอธิบายเหตุการณ์ที่จะเสร็จสิ้นก่อนเหตุการณ์ในอนาคต โดยการใช้ “will have + verb-ed” เช่น “I will have finished my work by the time you arrive”.

การใช้โครงสร้าง Tense แบบผสม
นอกจาก Tense ทั้ง 12 ที่กล่าวมาแล้ว เรายังสามารถใช้โครงสร้าง Tense อื่นๆ แบบผสมเพื่อเสริมความหมายให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น
– Present Perfect Tense: ใช้เมื่อเราต้องการอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต แต่มีผลกระทบในปัจจุบัน โดยการใช้ “have/has + verb-ed” เช่น “I have visited Bangkok many times”.
– Past Future Tense: ใช้เมื่อเราต้องการอธิบายเหตุการณ์ที่เคยวางแผนไว้ในอดีต โดยการใช้ “would + verb” เช่น “I said that I would go to the party”.

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Tense

คำถาม 1: วิธีการเรียนรู้ Tense ทั้ง 12 ให้ดีและความเข้าใจเป็นอย่างดีอย่างไร?
คำตอบ: สำหรับการเรียนรู้ Tense ทั้ง 12 เราควรเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจแต่ละ Tense และลักษณะการใช้งานของแต่ละตัวให้ชัดเจน คุณสามารถศึกษาจากหนังสือเรียน เว็บไซต์แห่งนี้ หรือแม้กระทั่งการเข้าร่วมคอร์สออนไลน์ที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น

คำถาม 2: การใช้ Tense ที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดพลาดได้หรือไม่?
คำตอบ: ใช่ครับ/ค่ะ การใช้ Tense ที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้ความหมายที่ต้องการสื่อสารไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น ควรใช้ Tense ที่เหมาะสมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อให้ความหมายเป็นระเบียบ และชัดเจนยิ่งขึ้น

คำถาม 3: มีวิธีใดบ้างที่ช่วยในการฝึกปฏิบัติการใช้ Tense ให้เก่งได้มากขึ้น?
คำตอบ: วิธีที่ดีที่สุดคือการฝึกฝนในการเขียนและพูดภาษาไทยอย่างสม่ำเสมอ โดยใช้ Tense ที่แตกต่างกันในประโยคต่างๆ ของทุกวันในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้คุณยังสามารถฟังเพลง, ชมภาพยนตร์, หรืออ่านหนังสือภาษาไทยที่น่าสนใจเพื่อเพิ่มพูนความคุ้นเคยกับ Tense ต่างๆ ได้อีกด้วย

คำถาม 4: มี Tense ใดบ้างที่นิยมใช้ในสื่อมวลชนหรือบทความทางการ?
คำตอบ: Tense ที่นิยมใช้ในสื่อมวลชนหรือบทความทางการมักเป็น Present Tense เนื่องจากมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยเฉพาะ Present Progressive Tense เพื่อเน้นกิจกรรมที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ และ Simple Past Tense เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตเพื่อให้ความน่าเชื่อถือและเข้าใจง่ายโดยไม่ทำให้เกิดความสับสน

เพื่อสื่อสารให้เข้าใจกันได้อย่างถูกต้องและเป็นระเบียบ การเรียนรู้และใช้งาน Tense ทั้ง 12 ในภาษาไทยเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก โดยใช้แนวคิดทางพฤติกรรมภาษาไทยในการสื่อสารและการใช้งาน จะช่วยให้คุณสร้างประโยชน์ในการพัฒนาทักษะการใช้ภาษาไทย มีความรู้ในระดับสูงขึ้น และสื่อสารได้อย่างถูกต้องอีกด้วย

Tense ตัวอย่างประโยค

เค้าจะขอมาเล่าถึงบทความนี้เรื่อง “ตัวอย่างประโยคในการใช้ Tense ในภาษาไทย” ภาษาไทยเป็นภาษาที่มีกฎการใช้ Tense หรือช่วงเวลาแตกต่างกันออกไปอย่างมาก ตั้งแต่ประโยคง่าย ๆ ที่ใช้แสดงการกระทำในปัจจุบัน ไปจนถึงประโยคที่ใช้แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตหรืออนาคต ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้เรียนภาษาไทยที่กำลังเรียนรู้ปัญหาที่เค้าพบบ่อย ๆ เมื่อพูดภาษาไทย

ในภาษาไทยบทตัวอย่างประโยคในการใช้ Tense มีหลายรูปแบบตามเหตุการณ์และเวลาที่เกิดขึ้น โดยมี Tense หลักที่ทุกคนต้องคำนึงถึงคือ ปัจจุบัน (Present), อดีต (Past), อนาคต (Future) และเวลาย้อนกลับ (Perfect) เราจะมาดูตัวอย่างประโยคแต่ละแบบดังนี้

1. ปัจจุบัน (Present)
ตัวอย่างประโยคใน Tense ปัจจุบันเช่น “ฉันกินข้าวที่ร้านนี้ทุกวัน” หรือ “เขาเรียนกับอาจารย์เขา” ในปัจจุบันเราใช้ Tense นี้ในการพูดถึงเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้

2. อดีต (Past)
เมื่อเราต้องการพูดถึงเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต เราจะใช้ Tense อดีต เช่น “ฉันกินข้าวที่ร้านนี้เมื่อวาน” หรือ “เขาเรียนกับอาจารย์ผมไปแล้ว” การใช้ Tense อดีต ช่วยให้เรามีความชัดเจนในเรื่องเวลาและช่วยให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านเข้าใจว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

3. อนาคต (Future)
การใช้ Tense อนาคต เป็นการพูดถึงเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น “พรุ่งนี้ฉันจะไปเที่ยวทะเล” หรือ “พ่อฉันจะซื้อของขวัญให้เขาในวันเกิด” การใช้ Tense อนาคต ช่วยให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านรับรู้และเตรียมตัวกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

4. เวลาย้อนกลับ (Perfect)
เวลาต้องการพูดถึงเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่ไปแล้วแต่สัมผัสหรูหรา หรือไม่สามารถเป็นจริงในปัจจุบัน เราจะใช้ Tense เวลาย้อนกลับ เช่น “เมื่อวานนี้เขาได้กินข้าวกับตำรวจที่ร้านข้าวส้ม” หรือ “เมื่อวานนี้ฉันช่วยงานอาบสังข์” การใช้ Tense เวลาย้อนกลับ ช่วยให้เราเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้วในอดีตโดยต้องการที่จะสร้างความสำคัญและเน้นให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านรับรู้ถึงเหตุการณ์นั้น

ข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างประโยคในการใช้ Tense แบบทั่วไป แต่ยังมีรูปแบบอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น Tense วันที่สมบูรณ์ (Past Perfect), Tense วันที่สมบูรณ์แบบปัจจุบัน (Present Perfect), Tense วันที่สมบูรณ์แบบอนาคต (Future Perfect), เป็นต้น ในการจับคู่ Tense และคำเตือน

อย่างไรก็ตาม การใช้ Tense ในภาษาไทยยังค่อนข้างซับซ้อนและใช้ร่วมกับเครื่องหมายการสนทนา และคำนำหน้าคำบอกรูปแบบเพื่อเป็นการเน้นเสริมความหมาย ดังนั้น ความเข้าใจในรูปแบบและช่วงเวลาของ Tense นั้นเป็นสิ่งสำคัญในการเรียนรู้การใช้ภาษาไทย

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Tense ในภาษาไทย

1. Tense ในภาษาไทยมีกี่ชนิด?
มี 4 ชนิดหลัก คือ ปัจจุบัน (Present), อดีต (Past), อนาคต (Future), เวลาย้อนกลับ (Perfect) แต่ยังมีรูปแบบอื่น ๆ อีกหลายรูป เช่น Past Perfect, Present Perfect, Future Perfect, เป็นต้น

2. การใช้ Tense ในรูปแบบของภาษาไทยคล้ายกับภาษาอื่น ๆ หรือไม่?
ในบางกรณี Tense ในภาษาไทยคล้ายกันกับภาษาอื่น ๆ แต่ยังมีบางรูปแบบที่ค่อนข้างซับซ้อนและไม่มีในภาษาอื่น ๆ เช่นเวลาเพื่อการเน้นหรือเปลี่ยนเวลาที่ใช้ในคำพูดกับคำเตือน

3. ทำไมบางครั้งเราถึงใช้ Tense หลายรูปในประโยคเดียวกัน?
การใช้ Tense หลายรูปในประโยคเดียวกันเป็นเรื่องที่ภาษาไทยสามารถทำได้ โดยเราจะเรียกคำนี้ว่า “การจับคู่ Tense” เช่น “เขากำลังเรียนวิทยาศาสตร์มา 3 ปีแล้ว” ในประโยคนี้มีการเรียง Tense
ปัจจุบัน (Present) และ อดีต (Past) ในการแสดงเวลาที่เขากำลังเรียนวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันและสามารถเรียนได้มา 3 ปีแล้ว

4. การใช้ Tense แบบเทียบเคียงกับเครื่องหมายการสนทนาและคำนำหน้าการบอกความเป็นเรื่องที่ฝึกฝนได้หรือไม่?
การใช้ Tense แบบเทียบเคียงกับเครื่องหมายการสนทนาและคำนำหน้าการบอกความเป็นการใช้ภาษาไทยที่ต้องฝึกฝนและเรียนรู้ เพราะภาษาไทยมีกฎการใช้ที่ซับซ้อนและไม่เหมือนกับภาษาอื่น ๆ ที่ใช้รูปแบบเดียวกันในทุกประโยค

Tense ทั้ง 12 พร้อมตัวอย่าง

เกริ่นนำ

ในภาษาไทยและหลายภาษาอื่นๆ ความกำหนดเวลาหรือ “tense” เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการใช้ภาษาที่ถูกต้อง และเข้าใจความหมายของประโยค ภาษาไทยมีระบบ tense 12 รูปแบบที่ช่วยให้เราสามารถแสดงเวลาได้อย่างถูกต้อง แม้ว่าความหมายของเวลาอาจดูเสมือนง่ายแต่การใช้และตัดสินใจเวลาในประโยคอาจทำให้มีความซับซ้อนบ้าง

ในบทความนี้เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักและเรียนรู้เกี่ยวกับ tense ทั้ง 12 รูปแบบในภาษาไทย พร้อมตัวอย่างที่ช่วยให้เข้าใจและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้อง

รูปแบบระบบ Tense ทั้ง 12 ตามประโยคและตัวอย่าง

1. Present Simple Tense (ปัจจุบันกาลธรรมดา)
หมายถึงการใช้เวลาในปัจจุบัน พร้อมถึงเรื่องที่เกิดขึ้นซ้ำๆ อีกด้วย
ตัวอย่าง:
– เขาไม่เคยกินผลไม้ (He never eats fruits)
– ฉันชอบวิ่งเล่นในเช้าวันหยุด (I like to run in the mornings on weekends)

2. Present Continuous Tense (ปัจจุบันกาลคุณภาพ)
เน้นเวลาที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นกำลังฉุกเฉิน หรืออยู่ในกระบวนการ
ตัวอย่าง:
– เขากำลังเรียนภาษาอังกฤษ (He is studying English)
– ช่วงนี้ผมกำลังทำงานในโครงการใหม่ (I am working on a new project)

3. Present Perfect Tense (ปัจจุบันกาลเมื่อกี้)
ใช้เวลาในอดีตซึ่งส่งผลต่อปัจจุบัน มักใช้เมื่อเราต้องการพูดถึงประสบการณ์ในอดีตที่มีความสัมพันธ์กับปัจจุบัน
ตัวอย่าง:
– เขาได้เห็นภาพยนตร์นี้มาแล้ว (He has seen this movie)
– ฉันไม่เคยไปปารีส (I have never been to Paris)

4. Present Perfect Continuous Tense (ปัจจุบันกาลเมื่อกี้เชื่อมต่อกัน)
หมายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและยังคงเกิดขึ้นในปัจจุบัน คุณสามารถใช้ tense นี้เพื่ออธิบายระยะเวลาที่มีการกระทำอย่างต่อเนื่อง
ตัวอย่าง:
– เขาได้ทำงานกับบริษัทนี้มาหลายปีแล้ว (He has been working with this company for several years)
– เราเรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่ปีที่แล้ว (We have been studying English since last year)

5. Past Simple Tense (อดีตกาลธรรมดา)
ใช้เวลาในอดีตเพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเสร็จสมบูรณ์โดยมีความเกี่ยวข้องกับปัจจุบันหรือไม่ก็ตาม
ตัวอย่าง:
– เมื่อวานนี้เขาเล่นเทนนิส (Yesterday, he played tennis)
– เมื่อเดือนที่แล้วฉันซื้อรองเท้าใหม่ (Last month, I bought new shoes)

6. Past Continuous Tense (อดีตกาลคุณภาพ)
ใช้เวลาในอดีตเพื่อพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและยังคงเกิดต่อไปเป็นเวลา
ตัวอย่าง:
– เขากำลังผ่านผ่านช่วงทดลองในงานวิจัย (He was going through an experiment in the research)
– เราเห็นคนนั่งอ่านในรถไฟเมื่อวานนี้ (We saw people reading on the train yesterday)

7. Past Perfect Tense (อดีตกาลเมื่อกี้)
ใช้เวลาในอดีตเพื่อพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์อื่นในอดีต
ตัวอย่าง:
– เมื่อวานนี้เขาบอกว่าเขาจะไปเที่ยวแม่พระบาท (Yesterday, he said he had visited the Grand Palace)
– ฉันงงเพราะไม่เคยได้ยินถึงพระบาทในหนังสือเรียน (I was confused because I had never heard of the Grand Palace in my textbooks)

8. Past Perfect Continuous Tense (อดีตกาลเมื่อกี้เชื่อมต่อกัน)
ใช้เวลาในอดีตเพื่ออธิบายว่าเราได้กระทำอะไรเป็นเวลานานและยังคงกระทำอยู่ในช่วงเวลาที่กำหนด
ตัวอย่าง:
– เธอเหนื่อยมากเพราะเธอกำลังทำงานด้วยเวลากี่ชั่วโมงก็แล้วแต่ (She was tired because she had been working for many hours)
– พ่อของเขาชอบอ่านหนังสือตลอดเวลาที่เขาไม่ได้ทำงาน (His father loved reading books all the time when he wasn’t working)

9. Future Simple Tense (อนาคตกาลธรรมดา)
ใช้เวลาในอนาคตเพื่อพูดถึงเหตุการณ์ที่คาดหวังหรืออาจเกิดขึ้นในอนาคต
ตัวอย่าง:
– เราจะไปที่ญี่ปุ่นเดือนหน้า (We will go to Japan next month)
– พรุ่งนี้จะอุดหนุนทีมฟุตบอลให้ชนะ (Tomorrow, they will support the football team to win)

10. Future Continuous Tense (อนาคตกาลคุณภาพ)
ใช้เวลาในอนาคตเพื่อพูดถึงเหตุการณ์ที่จะกำลังเกิดขึ้นและยังคงเกิดอยู่ในอนาคต
ตัวอย่าง:
– เวลานานที่เขาจะรถไปทำงานอย่างหนัก (It will be a long time before he will be working hard)
– ภายหลังนี้ทีมฟุตบอลจะต้องเข้ารับการฝึกซ้อมเพื่อเตรียมเล่นแข่ง (After this, the football team will have to undergo training to prepare for the game)

11. Future Perfect Tense (อนาคตกาลเมื่อกี้)
ใช้เวลาในอนาคตเพื่อพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดหลังจากเหตุการณ์อื่นในอนาคต
ตัวอย่าง:
– เมื่อวานนี้ก่อนที่เขาจะมาถึง เราจะได้เตรียมสำหรับการประชุมแล้ว (Yesterday, before he arrives, we will have prepared for the meeting)
– พ่อของเขาอาจจะช่วยเขาซื้อรถใหม่เมื่อเขาจบแล้ว (His father may help him buy a new car after he finishes)

12. Future Perfect Continuous Tense (อนาคตกาลเมื่อกี้เชื่อมต่อกัน)
ใช้เวลาในอนาคตเพื่ออธิบายการกระทำที่กำลังเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่กำหนดในอนาคต
ตัวอย่าง:
– เวลานานมากที่เขาจะบรรลุลักษณะที่ตั้งใจไว้ (It will have taken a long time before he achieves what he has set his mind to)
– เมื่อเดือนหน้าจะเท่านั้นทีมฟุตบอลจะเป็นบอลทีมที่มีความแข็งแกร่งและคุ้นเคยกัน (Only next month will the football team have been a strong and familiar team)

FAQs (คำถามที่พบบ่อย)

คำถาม 1: ทำไมระบบ tense ถึงซับซ้อนขนาดนี้?

การตัดสินใจในการใช้ช่วงเวลาที่ถูกต้องสำหรับประโยคในแต่ละ tense อาจทำให้ดูซับซ้อนเนื่องจากมีได้หลายตัวเลือก การที่จะใช้ tense ที่ถูกต้องจะขึ้นอยู่กับเนื้อหาและบริบทของประโยค

คำถาม 2: ถ้าในประโยคเกิดขึ้นเหตุการณ์หลายอย่างในเวลาเดียวกัน จะใช้ tense อะไร?

ในกรณีที่มีการแสดงเหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นพร้อมกันในเวลาเดียวกัน จะใช้ Present Simple Tense ในคำกริยาที่ลำดับล่าสุด และใช้ Present Continuous Tense ในคำกริยาอื่นๆ

คำถาม 3: ความแตกต่างระหว่าง Past Simple Tense และ Past Continuous Tense คืออะไร?

Past Simple Tense ใช้เพื่อพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงในอดีต และใช้ Past Continuous Tense เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอดีตโดยความยาวหรือท้าทาย

คำถาม 4: เมื่อใดที่ควรใช้ Future Simple Tense และ Future Continuous Tense?

Future Simple Tense เหมาะสมเมื่อพูดถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างสมบูรณ์ และ Future Continuous Tense เหมาะสมเมื่อพูดถึงเหตุการณ์ที่จะกำลังเกิดขึ้นในอนาคตและยังคงเกิดขึ้นระหว่างเวลาใดเวลาหนึ่ง

สรุป

ระบบ tense ทั้ง 12 พร้อมตัวอย่างในภาษาไทยเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราสื่อสารได้อย่างถูกต้องและเข้าใจความหมายของประโยคแต่ละประเภท โดยอย่างที่อธิบายมาแล้ว การใช้ tense ที่ถูกต้องขึ้นอยู่กับบริบทและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อได้ความรู้เกี่ยวกับ tense และตัวอย่างการใช้งาน เราสามารถนำความรู้ดังกล่าวไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ

มี 31 ภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ โครงสร้าง ของ tense.

สูตร Tense 12 ชิ ว ชิ ว : สรุปโครงสร้าง 12 Tense ฉบับรวบรัดสั้นๆ -  ภาษาอังกฤษออนไลน์
สูตร Tense 12 ชิ ว ชิ ว : สรุปโครงสร้าง 12 Tense ฉบับรวบรัดสั้นๆ – ภาษาอังกฤษออนไลน์
Tense | โครงสร้างไวยากรณ์ (Grammar)
Tense | โครงสร้างไวยากรณ์ (Grammar)
12 Tense ในภาษาอังกฤษ: โครงสร้าง หลักการใช้ และสัญญาณการรับรู้
12 Tense ในภาษาอังกฤษ: โครงสร้าง หลักการใช้ และสัญญาณการรับรู้
Tenses – Grammaryipyoi
Tenses – Grammaryipyoi
สรุปการใช้ Tense ทั้ง 12 Tenses อย่างละเอียด ครอบคลุม เข้าใจง่าย -  ภาษาอังกฤษออนไลน์
สรุปการใช้ Tense ทั้ง 12 Tenses อย่างละเอียด ครอบคลุม เข้าใจง่าย – ภาษาอังกฤษออนไลน์
รวมเนื้อหาและหลักการใช้ Tense ต่างๆ – Learning English
รวมเนื้อหาและหลักการใช้ Tense ต่างๆ – Learning English
English So Easy : December 2018
English So Easy : December 2018
Passive Voice คืออะไร สรุปหลักการใช้ โครงสร้าง ประโยค อธิบายละเอียดสุดๆ! -  ภาษาอังกฤษออนไลน์
Passive Voice คืออะไร สรุปหลักการใช้ โครงสร้าง ประโยค อธิบายละเอียดสุดๆ! – ภาษาอังกฤษออนไลน์
Eduzones On Twitter:
Eduzones On Twitter: “ควรรู้ Present Simple Tense โครงสร้างประโยค Https://T.Co/Zey1Whb0Ev Https://T.Co/Ygbojo7Pch” / Twitter
12 Tense มีอะไรบ้าง และโครงสร้างประโยคเป็นอย่างไร
12 Tense มีอะไรบ้าง และโครงสร้างประโยคเป็นอย่างไร
กริยาช่อง 2 ของ Past Simple Tense ที่ใช้บ่อย (Verb 2) พร้อมคำอ่าน คำแปล –  Tuemaster เรียนออนไลน์ ม.ปลาย
กริยาช่อง 2 ของ Past Simple Tense ที่ใช้บ่อย (Verb 2) พร้อมคำอ่าน คำแปล – Tuemaster เรียนออนไลน์ ม.ปลาย
Past Perfect Tense” Tense น่าปวดหัวแต่เราก็ต้องรู้จัก | Learning 4 Live
Past Perfect Tense” Tense น่าปวดหัวแต่เราก็ต้องรู้จัก | Learning 4 Live
รวมหลักการใช้ 12 Tense แบบละเอียด ครบ จบ ในที่เดียว
รวมหลักการใช้ 12 Tense แบบละเอียด ครบ จบ ในที่เดียว
สรุป ! โครงสร้าง Present Perfect Continuous Tense - Tuenong
สรุป ! โครงสร้าง Present Perfect Continuous Tense – Tuenong
English So Easy : อธิบาย หลักการใช้ Future Continuous Tense อย่างชัดเจน  แบบเข้าใจได้ง่ายสุด
English So Easy : อธิบาย หลักการใช้ Future Continuous Tense อย่างชัดเจน แบบเข้าใจได้ง่ายสุด
5 Tenses ในภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน - Camphub
5 Tenses ในภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน – Camphub
Past Perfect Tense: โครงสร้าง หลักการใช้ และแบบฝึกหัด - Elsa Speak Official
Past Perfect Tense: โครงสร้าง หลักการใช้ และแบบฝึกหัด – Elsa Speak Official
Tense ทั้งหมด
Tense ทั้งหมด
วิชามารภาษาอังกฤษ] วิธีจำ Tense ทั้ง 24 อย่างรวดเร็ว - Pantip
วิชามารภาษาอังกฤษ] วิธีจำ Tense ทั้ง 24 อย่างรวดเร็ว – Pantip
12 Tense มีอะไรบ้าง และโครงสร้างประโยคเป็นอย่างไร
12 Tense มีอะไรบ้าง และโครงสร้างประโยคเป็นอย่างไร
เรียนภาษาอังกฤษฟรี สรุป 12 Tenses แบบสั้นและเข้าใจง่าย - Engcouncil
เรียนภาษาอังกฤษฟรี สรุป 12 Tenses แบบสั้นและเข้าใจง่าย – Engcouncil
วิธีจำ 12 Tenses จำแบบนี้ ไม่มีลืม!! (เข้าใจง่าย ไม่ต้องท่อง) - Youtube
วิธีจำ 12 Tenses จำแบบนี้ ไม่มีลืม!! (เข้าใจง่าย ไม่ต้องท่อง) – Youtube
สรุป ! โครงสร้าง Present Simple Tense พร้อมตัวอย่าง - Tuenong
สรุป ! โครงสร้าง Present Simple Tense พร้อมตัวอย่าง – Tuenong
Tense - เว็บไซต์การเรียนรู้ประภัสรา โคตะขุน
Tense – เว็บไซต์การเรียนรู้ประภัสรา โคตะขุน
สรุปวิธีใช้ Future Simple แบบไว ๆ เข้าใจใน 2 นาที
สรุปวิธีใช้ Future Simple แบบไว ๆ เข้าใจใน 2 นาที
Tense ทั้งหมด
Tense ทั้งหมด
Tense อ่านง่าย จำได้ ใช้เป็น ตอนที่ 2: ตารางช่วยจำโครงสร้าง Tense 12 แบบ  ยี้ - Pantip
Tense อ่านง่าย จำได้ ใช้เป็น ตอนที่ 2: ตารางช่วยจำโครงสร้าง Tense 12 แบบ ยี้ – Pantip
Tense | Pdf
Tense | Pdf
รูปของ *รวม* 12 Tenses หน้า 0 - Clear | การเรียนภาษาอังกฤษ,  บทเรียนภาษาอั��งกฤษ, ศึกษา
รูปของ *รวม* 12 Tenses หน้า 0 – Clear | การเรียนภาษาอังกฤษ, บทเรียนภาษาอั��งกฤษ, ศึกษา
สรุป ! เนื้อหา โครงสร้าง Future Perfect Tense - Tuenong
สรุป ! เนื้อหา โครงสร้าง Future Perfect Tense – Tuenong
Future Con./Future Per - Flip Ebook Pages 1-2 | Anyflip
Future Con./Future Per – Flip Ebook Pages 1-2 | Anyflip
Present Continuous Tense - Nockacademy
Present Continuous Tense – Nockacademy
Tense 12 - ทรัพยากรการสอน
Tense 12 – ทรัพยากรการสอน
สรุป Tense - Tipawankotkaew - หน้าหนังสือ 1 - 7 | พลิก Pdf ออนไลน์ |  Pubhtml5
สรุป Tense – Tipawankotkaew – หน้าหนังสือ 1 – 7 | พลิก Pdf ออนไลน์ | Pubhtml5
สรุป โครงสร้าง 12 Tense ง่ายๆ | Tuenong ( Part 1/13) - Youtube
สรุป โครงสร้าง 12 Tense ง่ายๆ | Tuenong ( Part 1/13) – Youtube
Present Continuous Tense คืออะไร มีหลักการใช้อย่างไร | Meowdemy
Present Continuous Tense คืออะไร มีหลักการใช้อย่างไร | Meowdemy
รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษ 2
รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษ 2
Past Simple Tense คืออะไร : สรุป เข้าใจง่าย - English Down-Under
Past Simple Tense คืออะไร : สรุป เข้าใจง่าย – English Down-Under
Future Simple Tense อยากรู้จัก มาทางนี้ | Learning 4 Live
Future Simple Tense อยากรู้จัก มาทางนี้ | Learning 4 Live
Present Perfect Tense - Flip Ebook Pages 1-7 | Anyflip
Present Perfect Tense – Flip Ebook Pages 1-7 | Anyflip
การ์ดจับกลุ่ม ชื่อ โครงสร้าง และตัวอย่างประโยคของ 12 Tenses
การ์ดจับกลุ่ม ชื่อ โครงสร้าง และตัวอย่างประโยคของ 12 Tenses

ลิงค์บทความ: โครงสร้าง ของ tense.

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโพสต์หัวข้อนี้ โครงสร้าง ของ tense.

ดูเพิ่มเติม: https://lasbeautyvn.com/category/digital-studios

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *