โครงสร้าง 12 Tense พร้อม ตัวอย่าง
โครงสร้างของกริยาในภาษาอังกฤษมีความสำคัญอย่างมากในกระบวนการสื่อสาร เราใช้กริยาเพื่อบอกเหตุการณ์หรือสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลาต่างๆ รูปแบบหรือโครงสร้างกริยาในภาษาอังกฤษนี้มีอยู่ทั้งหมด 12 มาตราการ (Tense) ซึ่งแต่ละมาตราการมีรูปแบบและหลักการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนั้น เราจำเป็นต้องรู้ถึงโครงสร้างและตัวอย่างของกริยาในแต่ละมาตราการเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการสื่อสารอย่างถูกต้อง โดยในบทความนี้เราจะพิจารณาโครงสร้างและตัวอย่างของกริยาในแต่ละมาตราการ พร้อมเส้นทางการใช้งานของคนที่ทำความเข้าใจโครงสร้างและความหมายของแต่ละมาตราการ จากนั้น เรายังมีส่วนคำถามที่พบบ่อยสำหรับกริยาในภาษาอังกฤษประกอบอยู่ด้วย
โครงสร้างและตัวอย่างของกริยาใน Present Simple Tense
Present Simple Tense ใช้ในกริยาที่กล่าวถึงเหตุการณ์หรือสถานะที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โครงสร้างของกริยาใน Present Simple Tense มีรูปแบบดังนี้
ในประธานเอกรรถ: S + V1 (s/es)
ตัวอย่าง:
– I walk to school every day.
– He goes to work by bus.
ในประธานผู้ให้ข้อมูล: S + don’t/doesn’t + V1
ตัวอย่าง:
– They don’t like coffee.
– She doesn’t watch TV in the evening.
ในประธานประโยคปฏิเสธ: S + be (am/is/are) not + V-ing
ตัวอย่าง:
– I am not drinking coffee now.
– We are not going to the party tonight.
ในประธานประโยคคำถาม: Do/Does + S + V1
ตัวอย่าง:
– Do you like pizza?
– Does she go to the gym every day?
โครงสร้างและตัวอย่างของกริยาใน Present Continuous Tense
Present Continuous Tense ใช้ในกริยาที่กล่าวถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน โครงสร้างของกริยาใน Present Continuous Tense มีรูปแบบดังนี้
ในประธานเอกรรถ: S + am/is/are + V-ing
ตัวอย่าง:
– I am walking to school right now.
– He is playing basketball at the park.
ในประธานผู้ให้ข้อมูล: S + am/is/are + not + V-ing
ตัวอย่าง:
– They are not watching a movie.
– She is not studying for the exam.
ในประธานประโยคอื่นๆ: Wh- question word + am/is/are + S + V-ing
ตัวอย่าง:
– What are you doing?
– Where is she going?
โครงสร้างและตัวอย่างของกริยาใน Present Perfect Tense
Present Perfect Tense ใช้ในกริยาที่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตแต่ทำให้เกิดผลเชื่อมโยงกับปัจจุบัน โครงสร้างของกริยาใน Present Perfect Tense มีรูปแบบดังนี้
ในประธานเอกรรถ: S + have/has + V3
ตัวอย่าง:
– I have visited Thailand many times.
– He has finished his homework.
ในประธานผู้ให้ข้อมูล: S + have/has + not + V3
ตัวอย่าง:
– They have not seen the new movie.
– She has not traveled abroad.
ในประธานประโยคคำถาม: Have/Has + S + V3
ตัวอย่าง:
– Have you ever eaten sushi?
– Has he read this book?
โครงสร้างและตัวอย่างของกริยาใน Past Simple Tense
Past Simple Tense ใช้ในกริยาที่พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและสิ้นสุดลง โครงสร้างและตัวอย่างของกริยาใน Past Simple Tense มีรูปแบบดังนี้
ในประธานเอกรรถ: S + V2 (ed/ied)
ตัวอย่าง:
– I walked to school yesterday.
– He finished his project last week.
ในประธานผู้ให้ข้อมูล: S + did + not+ V1
ตัวอย่าง:
– They did not go to the party.
– She did not watch the movie.
ในประธานประโยคคำถาม: Did + S + V1
ตัวอย่าง:
– Did you see that movie?
– Did she eat lunch?
โครงสร้างและตัวอย่างของกริยาใน Past Continuous Tense
Past Continuous Tense ใช้ในกริยาที่กำลังเกิดขึ้นในอดีตในเวลาที่กำหนด โครงสร้างของกริยาใน Past Continuous Tense มีรูปแบบดังนี้
ในประธานเอกรรถ: S + was/were + V-ing
ตัวอย่าง:
– I was watching TV when she called me.
– They were playing basketball at the park.
ในประธานผู้ให้ข้อมูล: S + was/were + not + V-ing
ตัวอย่าง:
– They were not studying at that time.
– She was not sleeping when I saw her.
ในประธานประโยคคำถาม: Was/Were + S + V-ing
ตัวอย่าง:
– Were you studying last night?
– Was she watching a movie?
โครงสร้างและตัวอย่างของกริยาใน Past Perfect Tense
Past Perfect Tense ใช้ในกริยาที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์ในอดีต โครงสร้างและตัวอย่างของกริยาใน Past Perfect Tense มีรูปแบบดังนี้
ในประธานเอกรรถ: S + had + V3
ตัวอย่าง:
– I had already eaten dinner when he arrived.
– They had finished the game before it started raining.
ในประธานผู้ให้ข้อมูล: S + had + not + V3
ตัวอย่าง:
– They had not seen each other for years.
– She had not heard the news before.
ในประธานประโยคคำถาม: Had + S + V3
ตัวอย่าง:
– Had you been to Paris before?
– Had she read the book?
โครงสร้างและตัวอย่างของกริยาใน Future Simple Tense
Future Simple Tense ใช้ในกริยาที่กล่าวถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โครงสร้างและตัวอย่างของกริยาใน Future Simple Tense มีรูปแบบดังนี้
ในประธานเอกรรถ: S + will + V1
ตัวอย่าง:
– I will go to the beach this weekend.
– He will buy a new car next month.
ในประธานผู้ให้ข้อมูล: S + will + not + V1
ตัวอย่าง:
– They will not come to the party.
– She will not travel alone.
ในประธานประโยคคำถาม: Will + S + V1
ตัวอย่าง:
– Will you join the team?
– Will she come to the meeting?
FAQs สำหรับกริยาในภาษาอังกฤษ
คำถามที่ 1: จำนวน Tense ในภาษาอังกฤษมีกี่ชนิด?
คำตอบ: ภาษาอังกฤษมีทั้งหมด 12 Tense
คำถามที่ 2: สามารถให้ตัวอย่างของแต่ละ Tense ได้หรือไม่?
คำตอบ: ได้ เช่น ตัวอย่างของ Present Simple Tense คือ “I walk to school every day”
คำถามที่ 3: สรุป Tense ทั้ง 12 อ่านง่ายๆ ได้อย่างไร?
คำตอบ: เพื่อให้สรุป Tense ทั้ง 12 เข้าใจง่ายๆ คุณสามารถสรุปโดยแบ่งออกเป็น 4 หมวดหมู่ตามดังนี้
– Simple Tenses: Present Simple, Past Simple, Future Simple
– Continuous Tenses: Present Continuous, Past Continuous, Future Continuous
– Perfect Tenses: Present Perfect, Past Perfect, Future Perfect
– Perfect Continuous Tenses: Present Perfect Continuous, Past Perfect Continuous, Future Perfect Continuous
คำถามที่ 4: มีเอกลักษณ์ของแต่ละ Tense อย่างไร?
คำตอบ: แต่ละ Tense มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะในรูปแบบของกริยาและคำช่วยที่ใช้ เช่น Tense ประกอบด้วยกลุ่มกริยาที่มีรูปแบบและความหมายในแต่ละ Tense แตกต่าง ดังนั้นการเรียนรู้หรือสรุป Tense ทั้ง 12 นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ
คำถามที่ 5: อะไรเป็นข้อสรุปที่สำคัญสำหรับการใช้โครงสร้าง Tense 12 ต่างๆ?
คำตอบ: เพื่อใช้โครงสร้าง Tense 12 ได้อ
12 Tenses ครบในคลิปเดียว! | เรียน Grammar ภาษาอังกฤษฟรี กับครูดิว
คำสำคัญที่ผู้ใช้ค้นหา: โครงสร้าง 12 tense พร้อม ตัวอย่าง tense ทั้ง 12 พร้อมตัวอย่าง, โครงสร้าง 12 Tense, tense ตัวอย่างประโยค, tense ทั้ง 12 อย่างละเอียด pdf, สรุป tense เข้าใจง่าย, tense ทั้ง 12 อย่างละเอียด ppt, Tense 12 สรุป, tense 12 การใช้
รูปภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ โครงสร้าง 12 tense พร้อม ตัวอย่าง
หมวดหมู่: Top 70 โครงสร้าง 12 Tense พร้อม ตัวอย่าง
ดูเพิ่มเติมที่นี่: lasbeautyvn.com
Tense ทั้ง 12 พร้อมตัวอย่าง
ในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ, Tense เป็นหนึ่งในเรื่องที่ค่อนข้างจำเป็นและสำคัญอย่างมาก เนื่องจากเป็นรูปแบบของการใช้เวลาที่ใช้ในการแสดงความเป็นปัจจุบัน, อดีต และอนาคตของคนหรือสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในภาษาอังกฤษ
Tense ทั้ง 12 จะใช้ในการอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต, ปัจจุบัน และอนาคตเพื่อให้คนอื่นเข้าใจและเข้าใจเวลาที่ระบุได้ในลักษณะต่าง ๆ แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักๆ คือ Past, Present และ Future แต่ละประเภทจะประกอบด้วย Tense ย่อย ๆ ต่าง ๆ ที่มีลักษณะเฉพาะและใช้ในบริบทที่แตกต่างกัน
1. อดีต (Past Tense)
อดีต (Past Tense) เป็น Tense ที่ใช้ในการอธิบายเหตุการณ์หรือสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต มักจะใช้กับคำกริยาที่มีรูปแบบ -ed, -d, -ied หรือ -t ที่เพิ่มหรือเปลี่ยนแปลงจากคำกริยาในรูปอื่น ๆ เช่น played, watched, studied เป็นต้น
ตัวอย่าง:
– She worked at a bank for five years. (เธอทำงานที่ธนาคารเป็นเวลาห้าปี)
– John visited his grandparents last week. (จอห์นไปเยี่ยมปู่ย่าของเขาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว)
2. ปัจจุบัน (Present Tense)
ปัจจุบัน (Present Tense) เป็น Tense ที่ใช้ในการอธิบายเหตุการณ์หรือสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน มักจะใช้กับคำกริยาในรูปพื้นฐาน เช่น play, watch, study เป็นต้น
ตัวอย่าง:
– He works at a bank. (เขาทำงานที่ธนาคาร)
– They visit their grandparents every weekend. (พวกเขาไปเยี่ยมปู่ย่าของพวกเขาทุกสุดสัปดาห์)
3. อนาคต (Future Tense)
อนาคต (Future Tense) เป็น Tense ที่ใช้ในการอธิบายเหตุการณ์หรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต มักจะใช้กับกริยาช่องที่ 1 โดยเติม “will” หรือ “shall” นำหน้าคำกริยา
ตัวอย่าง:
– I will work at a bank next year. (ผมจะทำงานที่ธนาคารในปีหน้า)
– We shall visit our grandparents this summer. (เราจะไปเยี่ยมปู่ย่าของเราในฤดูร้อนนี้)
ทั้ง 12 Tense ที่ผิดหลายคนเกิดความสับสนคือ:
1. Simple Present (Present Simple)
ใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์หรือสิ่งที่เป็นแน่นอนหรือซ้ำๆ กัน
ตัวอย่าง:
– The sun rises in the east. (พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก)
– I drink coffee every morning. (ฉันดื่มกาแฟทุกเช้า)
– He loves to play basketball. (เขารักการเล่นบาสเกตบอล)
2. Present Continuous
ใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน
ตัวอย่าง:
– They are studying for the exam. (พวกเขากำลังเรียนหนังสือเตรียมสอบ)
– She is cooking dinner in the kitchen. (เธอกำลังทำอาหารค่ำในครัว)
3. Present Perfect
ใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่เริ่มต้นในอดีตแต่ยังคงเกิดขึ้นในปัจจุบัน
ตัวอย่าง:
– I have visited Spain. (ฉันเคยไปเยือนสเปน)
– We have lived here for two years. (เราอาศัยที่นี่มาสองปีแล้ว)
4. Present Perfect Continuous
ใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและยังคงเกิดขึ้นในปัจจุบัน
ตัวอย่าง:
– She has been studying English for three hours. (เธอเรียนภาษาอังกฤษมาสามชั่วโมงแล้ว)
– I have been waiting for the bus since morning. (ฉันรอรถเมล์ตั้งแต่เช้า)
5. Simple Past (Past Simple)
ใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์หรือสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต
ตัวอย่าง:
– He watched a movie last night. (เขาดูหนังเมื่อคืน)
– They traveled to Thailand two years ago. (พวกเขาเดินทางต่อเติมมาประเทศไทยสองปีแล้ว)
6. Past Continuous
ใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต
ตัวอย่าง:
– We were playing football when it started to rain. (เรากำลังเล่นฟุตบอลเมื่อเริ่มต้นฝนตก)
– He was cooking dinner while she was watching TV. (เขากำลังทำอาหารค่ำในขณะที่เธอกำลังดูทีวี)
7. Past Perfect
ใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเหตุการณ์ในอดีต
ตัวอย่าง:
– She had already finished her homework when I arrived. (เธอเสร็จการบ้านไปก่อนที่ฉันจะมาถึง)
– They had left for the airport before we realized we forgot our passports. (พวกเขาไปตามสนามบินก่อนที่เราจะตระหนักว่าลืมหนังสือเดินทาง)
8. Past Perfect Continuous
ใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเหตุการณ์ในอดีตและยังคงเกิดขึ้นจนถึงจุดเวลาที่ระบุ
ตัวอย่าง:
– I had been waiting for the bus for 30 minutes before it finally arrived. (ฉันรอรถเมล์มาสามสิบนาทีก่อนที่จะมาถึง)
– They had been working on the project for weeks before they finished it. (พวกเขาทำงานกับโครงการเป็นสัปดาห์ก่อนที่จะเสร็จสิ้น)
9. Simple Future (Future Simple)
ใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์หรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ตัวอย่าง:
– We will have a party next week. (เราจะทำปาร์ตี้สัปดาห์หน้า)
– She will visit her parents on Sunday. (เธอจะไปเยี่ยมพ่อแม่ของเธอวันอาทิตย์)
10. Future Continuous
ใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่จะกำลังเกิดขึ้นในอนาคต
ตัวอย่าง:
– I will be studying for the exam tomorrow. (ฉันจะเรียนหนังสือเตรียมสอบพรุ่งนี้)
– They will be traveling to Japan next month. (พวกเขาจะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเดือนหน้า)
11. Future Perfect
ใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นก่อนหน้าเหตุการณ์ในอนาคต
ตัวอย่าง:
– By the time you arrive, I will have finished cooking. (โดยเวลาระหว่างที่คุณจะมาถึงฉันจะเสร็จการทำอาหารแล้ว)
– She will have left for Paris before the concert starts. (เธอจะไปปารีสก่อนที่คอนเสิร์ตจะเริ่ม)
12. Future Perfect Continuous
ใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเหตุการณ์ในอนาคตและยังคงเกิดขึ้นจนถึงจุดเวลาที่ระบุ
ตัวอย่าง:
– We will have been dating for three years by the time we get married. (เราจะคบกันมาสามปีก่อนที่เราจะแต่งงาน)
– They will have been working on the project for months before they can present the result. (พวกเขาจะทำงานเกี่ยวกับโครงการนี้มาหลายเดือนก่อนที่พวกเขาจะสามารถนำเสนอผลได้)
++++++++++++++
FAQs
++++++++++++++
Q1: Tense มีกี่ประเภท?
A1: Tense มีทั้งหมด 12 ประเภท คือ Past, Present, และ Future โดยละเอียดแยกกันอีกหลายรูปแบบย่อยในแต่ละประเภท
Q2: อดีต (Past Tense) ใช้กับคำกริยาในรูปอะไรบ้าง?
A2: อดีต (Past Tense) มักใช้กับคำกริยาที่มีรูปแบบ -ed, -d, -ied หรือ -t เช่น played, watched, studied เป็นต้น
Q3: Tense อนาคต (Future Tense) ต่างจากอื่น ๆ อย่างไร?
A3: Tense อนาคต (Future Tense) เป็นการเล่าเหตุการณ์หรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยใช้กริยาช่องที่ 1 โดยเติม “will” หรือ “shall” นำหน้าคำกริยา เช่น I will go (ฉันจะไป), She shall arrive (เธอจะมาถึง)
Q4: Tense ในภาษาอังกฤษจำเป็นหรือไม่?
A4: Tense เป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ เนื่องจากการใช้ Tense อาจส่งผลต่อความหมายและความเข้าใจในประโยค การที่ผู้เรียนมีความเข้าใจใน Tense ทั้ง 12 จะช่วยให้สื่อสารและการเขียนเป็นภาษาอังกฤษมีความถูกต้องมากขึ้น
Q5: อันดับ Tense ที่ยากที่สุดคืออะไร?
A5: อันดับ Tense ที่ยากที่สุดคือ Present Perfect Continuous เนื่องจากต้องใช้รูปแบบความเป็นต่อเนื่องที่ซับซ้อนกว่าและต้องใช้ประโยคยาวขึ้น
โครงสร้าง 12 Tense
Introduction
As one of the most challenging aspects of learning any language, verb tenses play a crucial role in conveying time and actions. Thai, a beautiful and intricate language, has a complex verb tense system that consists of 12 different tenses. In this article, we will delve into the structure and usage of these tenses, providing a comprehensive guide to help learners navigate this linguistic terrain.
Exploring the 12 Tenses in Thai
1. Present Indefinite Tense (ปัจจุบันกาลมีนาคม)
– Used to describe a habitual action, an ongoing event, or a general truth.
– Example: ฉันเรียนภาษาไทย (I study Thai).
2. Present Perfect Tense (ช่วงปัจจุบันสมบูรณ์)
– Expresses an action that started in the past, but is still relevant in the present.
– Example: ฉันเข้าเรียนมาตั้งแต่วันจันทร์ (I have been attending classes since Monday).
3. Future Indefinite Tense (อนาคตกาลมีนาคม)
– Indicates an action that will happen in the future.
– Example: พรุ่งนี้ฉันจะไปทะเล (Tomorrow, I will go to the beach).
4. Future Perfect Tense (ช่วงอนาคตสมบูรณ์)
– Used to express an action that will be completed before a future reference point.
– Example: ภายในอาทิตย์หน้าเขาจะได้สำเร็จงาน (He will have completed the project within a week).
5. Past Indefinite Tense (อดีตกาลมีนาคม)
– Used to describe an action that occurred in the past without any reference to its duration.
– Example: เมื่อวานนี้ฉันเดินไปเที่ยว (Yesterday, I walked around).
6. Past Perfect Tense (ช่วงอดีตสมบูรณ์)
– Expresses an action that happened before another action occurred in the past.
– Example: อย่างที่รู้กันว่าฉันได้เดินทางมาจากจังหวัด ณ เมื่อก่อน (As you know, I had traveled from the province before).
7. Continuous Tense (อดีตกาลต่อรอง)
– Used to express an ongoing action in the past.
– Example: เมื่อวานนี้ฉันกำลังเขียนบทความ (Yesterday, I was writing an article).
8. Perfect Continuous Tense (ช่วงอดีตความสมบูรณ์)
– Expresses an action that started in the past and is still ongoing.
– Example: ตั้งแต่คืนวันฉันกำลังอ่านหนังสือ (Since last night, I have been reading a book).
9. Future Continuous Tense (ช่วงอนาคตต่อรอง)
– Describes an ongoing action that will happen in the future.
– Example: พรุ่งนี้เขาจะกำลังดูหนัง (Tomorrow, he will be watching a movie).
10. Perfect Future Continuous Tense (ช่วงอนาคตความสมบูรณ์)
– Indicates an action that will be ongoing and complete at a future reference point.
– Example: อีกครู่สี่ที่คุณจะกลับมา, ฉันกำลังเรียนจบ เห็นหรือเปล่า (By the time you come back in four hours, I will have finished studying. Can you see?).
11. The Future Relative Tense (อนาคตกาลต่อให้)
– Indicates an action that will happen depending on a particular condition.
– Example: ถ้าฉันเสร็จงานมะระ พ่อจะไปซื้อเธอกับฉัน (If I finish work, Dad will go buy it for me).
12. The Present Subjunctive Mood Tense (ปัจจุบันกาลฐานะภาคประสม)
– Used to represent actions that are desired, requested, suggested, or required.
– Example: เขาว่ามากว่าจะซื้อสลัดจากร้านอื่น (He insists on buying the salad from another shop).
Frequently Asked Questions (FAQs)
Q1: Are there any irregularities in Thai tenses?
A1: Yes, there are few exceptions to note. However, with regular practice, you will become familiar with them.
Q2: How can I effectively learn and retain Thai verb tenses?
A2: Consistency and immersion are key. Practice regularly using verb tenses in conversation, reading, and writing. Also, seek out language learning resources that provide contextual examples to reinforce your understanding.
Q3: Are there any notable differences in Thai tenses compared to English tenses?
A3: Yes, Thai tenses are often structured differently compared to English tenses. Additionally, Thai verb forms remain constant, regardless of the subject pronoun (I, you, he/she, etc.). It is crucial to familiarize yourself with these differences to use verb tenses accurately.
Q4: Can I use translations to help me master Thai tenses?
A4: While translations can be helpful in the initial stages of learning, it is essential to gradually shift towards thinking in Thai to truly grasp the intricacies of the language.
Q5: What resources are recommended for further practice and understanding?
A5: Online language learning platforms, Thai textbooks, language exchange programs, and multimedia resources such as movies or songs can aid in reinforcing your knowledge of Thai tenses.
Conclusion
Mastering verb tenses is a fundamental step in becoming fluent in Thai. Despite its complexity, understanding the structure and usage of the 12 tenses discussed in this article will open doors to expressing yourself accurately in various temporal contexts. Remember, practice and consistency alongside exposure to authentic Thai language sources will be your strongest allies in your language learning journey.
มี 20 ภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ โครงสร้าง 12 tense พร้อม ตัวอย่าง.
ลิงค์บทความ: โครงสร้าง 12 tense พร้อม ตัวอย่าง.
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโพสต์หัวข้อนี้ โครงสร้าง 12 tense พร้อม ตัวอย่าง.
- สรุปการใช้ tense ทั้ง 12 tenses อย่างละเอียด ครอบคลุม เข้าใจง่าย
- 12 tense มีอะไรบ้าง และโครงสร้างประโยคเป็นอย่างไร – Twinkl
- รวมหลักการใช้ 12 Tense แบบละเอียด ครบ จบ ในที่เดียว – Globish
- 12 tense ในภาษาอังกฤษ: โครงสร้าง หลักการใช้ และสัญญาณการรับรู้
- สรุป Tense ทั้ง 12 ใช้ยังไง โครงสร้างประโยคของแต่ละ … – Sanook
- หลักการใช้ 12 Tense อย่างละเอียด พร้อมโครงสร้าง tense ที่สรุป …
- สรุป Tense ภาษาอังกฤษทั้ง 12 Tenses – Medium
- สรุป 12 tense เข้าใจง่าย จำง่าย พร้อมตัวอย่างประโยค
- สรุป 12 Tenses ฉบับรวบรัด! จำง่าย! เข้าใจทันทีแม้ไม่มีพื้นฐาน
ดูเพิ่มเติม: https://lasbeautyvn.com/category/digital-studios