กริยา เติม S
ชนิดของกริยาที่ใช้เติมในภาษาไทยคือ กริยาที่ลงท้ายด้วยเสียงเสียง ก ง จ ด บม น ม ลต ฟ หรือ ร สะกอมด้วยพยัญชนะ ยกเว้นกริยาที่ลงท้ายด้วยสระเสียง อย่างยกตัวอย่างเช่น “เขียน”, “พูด”, “นอน”, “ชัก”, “เฝ้า”, “ให้” ฯลฯ
กฏการเติมกริยาในภาษาไทยมีดังนี้:
1. กริยาที่ลงท้ายด้วยเสียง ก ง จ ด บม น ม ลต ฟ หรือ ร สะกอมด้วยพยัญชนะคันหน้า และ คันท้าย ไม่เติม s
2. กริยาที่ลงท้ายด้วยเสียง ก ง จ ด บม น ม ลต ฟ หรือ ร สะกอมด้วยสระเสียงอื่น ๆ หรือ สระไม่มีก็ไม่เติม s
3. กริยาที่ลงท้ายด้วยสระเสียง “เอ” “โอ” “อะ” “ุ” หรือ “เอะ” ไม่เติม s เว้นแต่กริยาที่ขึ้นต้นด้วย พยัญชนะ ด ม สะสม หรือ “ฟ”
4. กริยาที่ลงท้ายด้วยสระเสียงเดี่ยวหรือสระเสียงสองตัวที่เป็นตัวสะกดอะไรก็เติม s เสมอ เช่น “วิ่ง”, “อ่าน”
การเติมกริยาที่มารับได้หรือไม่มารับได้ขึ้นอยู่กับการใช้สระที่เป็นตัวสะกดในคำซึ่งอยู่ก่อนกริยา ถ้าสระเสียงอยู่ก่อนกริยาเป็น “อะ” “อัด” “อิ” “อี” “อึ” “อื” “อุ” “อู” หรือ “เออ” แล้วกริยาเติม s หรือ es เสียงสระจะเป็น อะ
การใช้คำวิเศษณ์เพื่อเติมกริยาในภาษาไทยเป็นเรื่องที่เรานิยมใช้กันมากขึ้น โดยคำวิเศษณ์ที่ใช้เติมกริยามีดังนี้:
1. ในกรณีที่ประธานเอกพจน์เป็นบุคคลสัญญาณ ใช้คำวิเศษณ์ “เขา” เพื่อแสดงพหูพจน์ของกริยา เช่น “เขาวิ่ง”
2. ในกรณีที่ประธานเอกพจน์เป็นคนที่ถูกพูดถึง เราใช้คำวิเศษณ์ “เรา” เพื่อแสดงการกระทำของเราโดยตรง เช่น “เราเขียน”
3. ในกรณีที่ประธานเอกพจน์เป็นคู่สามีภรรยา เราใช้คำวิเศษณ์ “เขา” เพื่อแสดงการกระทำของคู่สามีภรรยา เช่น “พวกเขานอน”
ความเชื่อผิดที่เกี่ยวข้องกับการเติมกริยาในภาษาไทยคือความจำเป็นที่จะต้องเติม s หรือ es เข้าไปในคำกริยา เพื่อทำให้ประโยคดูเป็นกริยาหนึ่งแบบ ิ”เอาเขาเลือนทีละนิดให้ตาย” นี่จะมีความหมายว่า เรากำลังทำให้เขาตายทีละนิด แต่ถ้าเราเติม s หรือ es เข้าไป ดังรูปแบบต่อไปนี้ “เอาเขาเลือนทีละนิดให้ตายส์” เราก็จะได้ประโยคที่ไม่ได้มีความหมายเดิม ซึ่งเราอาจจะต้องใช้บริหารที่สุด รวมทั้งน้ำตาลมือและความโกงให้มาด้วย สำหรับความเชื่อที่ผิดเรื่องการเติมกริยาในภาษาไทย
การใช้กริยาเติม s หรือ es ในประโยคก็จะขึ้นอยู่กับประธานในประโยคนั้น ถ้าประธานเป็นหนึ่งก้อน จะเติม s หรือ es หลังกริยา ถ้าประธานเป็นกรกิก้อน(กริยาช่วย) จะไม่ต้องเติม s หรือ es เช่น “She loves to sing.” “They love to sing.” แต่ถ้าประธานเป็นคำที่เป็นกริยาช่วย จะต้องเติม s หลังกริยา เช่น “She flies.” “He goes.”
นอกจากนี้ยังมีกรณีที่การเติม s หรือ es ในคำนามกริยา เพื่อแสดงพหูพจน์ของคำนามเอกพจน์ในภาษาอังกฤษด้วย เช่น “books” แต่ในภาษาไทย ไม่มีการใช้เงื่อนไขนี้ซึ่งใช้ได้ทุกคำกริยา
ในสรุป การเติมกริยาเป็นเรื่องที่สำคัญในภาษาไทยเนื่องจากจะช่วยให้เราสื่อสารได้อย่างชัดเจนและถูกต้อง ดังนั้นการเรียนรู้เกี่ยวกับกฏและลักษณะของการเติมกริยาเป็นสิ่งสำคัญในการประกอบประโยคและสื่อสารในภาษาไทย
ติวสอบ Toeic ก่อนสอบต้องรู้ วิธีเติม S ตัดช้อยส์ได้เพียบ!
คำสำคัญที่ผู้ใช้ค้นหา: กริยา เติม s ประธานเอกพจน์ กริยาเติมs, หลักการเติม s, เอกพจน์ เติม s, การเติม s es ies หลังคํากริยา, การเติม s es ในประโยค, การเติม s es ประธาน, Fly เติม s หรือ es, การเติม s es คํานาม
รูปภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ กริยา เติม s
หมวดหมู่: Top 90 กริยา เติม S
กริยาเติม S ใช้ยังไง
กริยาเติม S เป็นหนึ่งในการใช้เติมที่ใช้กับเนื้อหาที่กำหนดเอง มันทำให้เกิดข้อแตกต่างระหว่างกริยาที่ใช้กับรูปนามที่เป็นพหูพจน์และรุ่นเก่าของกริยาเติมทั่วไป ในภาษาไทย กริยาเติม S เป็นหน่วยการเติมที่ทำให้ข้างหลังของประโยคเป็นกริยาที่มีลักษณะของกิริยาติดไปเพื่อแสดงเวลาและปริมาณ กริยาที่เติม S อาจมีลักษณะพหูพจน์และนามกรรมในรูปที่เปรียบกัน เช่น I have a car (ฉันมีรถ) และ They have cars (พวกเขามีรถ)
ในการใช้เติม S จะต้องใช้รูปกริยาที่สามส่วนบนรูปศักราชสิบเอก กิริยาช่องที่ 3 (third person singular) ซึ่งเลขาภาษาอังกฤษจะมีลักษณะเป็นกริยาเติม -s หรือ -es เพื่อบ่งบอกว่ากริยาเป็นกรรมส่วนกรรมหนึ่งเดียว กริยาในกริยาเติม S จะเปลี่ยนแปลงตามคนที่สามเพื่อแสดงว่าเขา หรือ เธอ หรือ มัน มีคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกับเนื้อหาดังกล่าว
การเติมกริยาเติม S นั้นมีกฎกลุ่มเล็ก ๆ ที่คุณต้องรู้ กฎที่สำคัญที่สุดคือกริยาจะต้องตรงกับนามกรรมของกริยานั้น หากนามกรรมเป็นหนึ่งเดียว หรือกริยาเป็นคำนามที่เป็นพหูพจน์ กริยาที่เติม S จะไม่ต้องเติม แต่ถ้านามกรรมมีส่วนอื่นที่อ้างถึงคนกรรมหรือสิ่งกรรมอื่น ๆ ในประโยค เราต้องเติม S ที่ปลายกริยา เช่น She eats an apple (เธอกินแอปเปิ้ล) และ He eats apples (เขากินแอปเปิ้ล)
การใช้รูปกริยาที่เติม S นั้นมีความหลากหลายมาก ๆ และกว้างไกล สำหรับคำกริยาที่ลงท้ายด้วย sh, ch, s, x, และ o ถ้าหากกิริยาเติม S ทุกกรรม รูปอังกฤษของคำนามและรูปอังกฤษของคำกริยาเป็นตัวอักษรใหญ่ เราสามารถเติมกริยาด้วย S เดียวกันเหมือนปกติ เช่น I wash his clothes (ฉันล้างเสื้อผ้าของเขา)
ในกรณีที่กริยาลงท้ายด้วย o และหลักการทำกริยาเติม S คือเติมเสียงเตียนเป็น es แทนสามรูปที่นามกรรมใด ๆ ที่เราพบเกี่ยวข้อง เช่น She goes to school (เธอไปโรงเรียน) และ He does his homework (เขาทำการบ้านของเขา)
นอกจากนี้ยังมีกฎอื่น ๆ ที่มีส่วนเวียนว่าการเติมกริยาเติม S จะมีการปรากฏในอากาศในบางกรณีเพียงแค่การเปลี่ยนความหมายของคำ เช่น She flies a kite (เธอปั่นว่าว) แต่ It flies to the sky (มันบินไปที่ท้องฟ้า)
กริยาเติม S ใช้สำหรับอะไรบ้าง?
การใช้กริยาเติม S มีอยู่ในหลายกรณี มักใช้เบื้องต้นในการพูดถึงกิริยาที่เกี่ยวข้องกับคนที่สามที่ต่าง ๆ กัน สถานการณ์ที่ทั่วไปที่จะใช้กริยาเติม S คือเวลาพูดถึงคนที่สามในชีวิตประจำวัน ซึ่งคำกริยาในรูปแบบ S จะอยู่ในกริยาติดซ้ายของประโยค เช่น She goes to work every day (เธอไปทำงานทุกวัน)
กฎการใช้กริยาเติม S นี้ยังสามารถใช้ในกรณีที่เราพูดถึงสิ่งของหรือสถานที่ที่ไม่ได้เป็นคน หรือสิ่งของหรือสถานที่ที่เป็นประโยคประธาน การใช้คำสรรพนาในกรณีดังกล่าวเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย เช่น The dog barks loudly (สุนัขเห่าเสียงดัง) และ The computer works perfectly (คอมพิวเตอร์ทำงานได้อย่างสมบูรณ์)
ต้องการทราบเพิ่มเติมเกี่ยวกับกริยาเติม S?
Q: จำเป็นจะต้องใช้กริยาเติม S ในทุกกรณีหรือไม่?
A: ไม่จำเป็นต้องใช้กริยาเติม S ในทุกกรณี การใช้กริยาเติม S เป็นเพียงคำช่วยในการเฝ้าเมื่อเราพูดถึงคนที่สามในรูปพหูพจน์และคำนามประสาน หากเราพูดถึงคนที่หนึ่งเราก็ไม่ต้องเติม S
Q: ทำไมกริยาบางตัวถึงมีรูปเติม S ในสองรูป?
A: รูปเติม S ในสองรูปนี้ เช่น reads, thinks เป็นกริยาแบบพิเศษที่แสดงความสำคัญหรือความบังเอิญของกริยา และมักใช้เวลาแปลงความคิด หรือสังเกตว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร
Q: คำต่อไปนี้เป็นกริยาเติม S หรือไม่? “watches”
A: ใช่, “watches” คือกริยาเติม S ในรูปของคำกริยานามกรรม “watch” ซึ่งหมายถึงการดู เจาะลึก หรือสังเกตอย่างรอบคอบ
กริยาเติม S เป็นกลุ่มการใช้เติมที่สำคัญในการเน้นการแสดงเวลาและปริมาณในประโยคภาษาอังกฤษ การเติม S จะมีความเกี่ยวพันกับนามกรรมหรือรูปอังกฤษของคำกริยา ข้อกำหนดในการวางใช้และการเปลี่ยนรูปกริยาหลากหลาย ดังนั้นการเรียนรู้การใช้กริยาเติม S จำเป็นเพื่อเพิ่มความคล่องแคล่วในการสื่อสารในภาษาอังกฤษ
กริยาเอกพจน์เติมSไหม
กริยาเอกพจน์เติมsไหม เป็นการเติมsหรือes เข้าไปในกริยาเอกพจน์ (verb base form) เพื่อแสดงให้เห็นถึงกริยาในรูปของบุคคลที่สาม (third person singular) ใน Present Simple Tense ในภาษาอังกฤษ
การใช้ กริยาเอกพจน์เติมsไหมในประโยคช่วยให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านรู้ว่ากริยาเอกพจน์กำลังพูดถึงบุคคลในกลุ่มข้อความที่เจอรูปปัจจุบัน (เช่น he, she, it) โดยในกรณีที่กริยาอยู่ในรูปปัจจุบันและกริยาเอกพจน์เป็นบุคคลในกลุ่มข้อความ ยกตัวอย่างเช่น:
– She love(s) chocolate. (เธอรักช็อกโกแลต)
– It eat(s) the food. (มันกินอาหาร)
– He go(es) to school. (เขารับรองที่โรงเรียน)
เราสามารถสรุปกฎในการเติมsหรือesในกริยาเอกพจน์ในรูปของบุคคลที่สามได้ดังนี้:
1. เติมs ให้กริยาเอกพจน์ที่มีกลุ่มข้อความอันเป็นจริงและกริยาหลักไม่มีผู้เอกพจน์ในกลุ่มข้อความเป็น third person singular (he, she, it)
2. เติมes ให้กริยาเอกพจน์ที่มีกลุ่มข้อความอันเป็นจริงและกริยาหลักลงท้ายด้วย s, ss, sh, ch, x หรือ z
3. ไม่เติมsหรือes ให้กริยาเอกพจน์ที่มีกลุ่มข้อความอันเป็นจริงแต่กริยาหลักลงท้ายด้วย s, ss, sh, ch, x หรือ z
เพื่อให้เข้าใจเพิ่มเติมว่า ทำไมเราถึงต้องเติมs หรือes ในกริยาเอกพจน์ในตำแหน่ง third person singular เราจะศึกษาเหตุผลทางไวยากรณ์ที่มาช่วยอธิบายเช่นนี้:
ในภาษาอังกฤษ Present Simple Tense จะเป็นเหมือนช่วงลําดับเวลา โดยกริยาในรูปปัจจุบันจะถือว่าเป็นกริยาที่ทำซ้ําแซําอยู่เสมอ ส่วนกริยาในรูปของบุคคลที่สามจะถือว่าเป็นเป้าหมายสุดท้ายของกริยา ซึ่งอาจเห็นได้ว่ากริยาในรูปทั่วไปอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ถูกต้องกับกริยาในรูปของบุคคลที่สาม
วิธีการใช้ กริยาเอกพจน์เติมsไหม มาสร้างประโยคเชิงตัวอย่าง:
– She always eat(s) breakfast in the morning. (เธอรับประทานอาหารเช้าทุกเช้า)
– It usually take(s) me half an hour to get to work. (มันล้มเลวใช้เวลาในการเดินทางไปทํางานของฉันประมาณครึ่งชั่วโมง)
– The dog bark(s) at strangers. (สุนัขเห่าต่อคนแปลกหน้า)
– My dad work(s) as a doctor. (พ่อฉันทํางานเป็นหมอ)
กริยาเอกพจน์เติมsไหม อาจได้รับความสนใจจากผู้เรียนหรือผู้พูดภาษาอังกฤษที่ต้องการเรียนรู้วิธีการใช้งานอย่างถูกต้องและอย่างถ่อว่านั้น ดังนั้น ข้อถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกริยาเอกพจน์เติมsไหมได้แก่:
คำถามที่ 1: ทำไมเราถึงต้องเติมsหรือesในกริยาเอกพจน์ในตำแหน่ง third person singular?
การตอบ: เราต้องเติมsหรือesในกริยาเอกพจน์เมื่อกล่าวถึงบุคคลในกลุ่มข้อความที่สามใน Present Simple Tense เพราะเราต้องแสดงให้เห็นถึงการใช้งานรูปของบุคคลในกลุ่มข้อความที่สามในขณะที่กริยาอยู่ในรูปปัจจุบัน
คำถามที่ 2: ตัวอย่างประโยคที่ใช้กริยาเอกพจน์เติมsไหมคืออะไรบ้าง?
การตอบ: มีตัวอย่างประโยคที่ใช้กริยาเอกพจน์เติมsไหม ได้แก่ “She loves to sing.” (เธอรักที่จะร้องเพลง) และ “It rains heavily.” (ฝนตกหนัก)
คำถามที่ 3: มีกฎอะไรบ้างในการเติมsหรือesในกริยาเอกพจน์?
การตอบ: ตามกฎพื้นฐานในการเติมsหรือesในกริยาเอกพจน์ เราจะเติมsให้กริยาเอกพจน์ที่มีกลุ่มข้อความเป็นจริงและกริยาหลักไม่มีบุคคลในกลุ่มข้อความเป็น third person singular เช่น “She cooks delicious food.” (เธอทำอาหารอร่อย) และเติมesให้กริยาเอกพจน์ที่มีกลุ่มข้อความเป็นจริง และกริยาหลักลงท้ายด้วย s, ss, sh, ch, x หรือ z เช่น “He watches movies every evening.” (เขาดูหนังทุกค่ำ)
คำถามที่ 4: มีกรณีที่ไม่ต้องเติมsหรือesในกริยาเอกพจน์ไหม?
การตอบ: ใช่, มีกรณีบางกรณีที่ไม่ต้องเติมsหรือesในกริยาเอกพจน์ ในกรณีที่กริยาหลักลงท้ายด้วย s, ss, sh, ch, x หรือ z ตัวอย่างเช่น “They wash their dishes after dinner.” (พวกเขาล้างจานหลังย่างอาหาร) หรือ “We kiss each other goodbye.” (เราจูบกันลาก่อน)
คำถามที่ 5: ออริจินอล ใช้ในรูปประมาณเท่าใดในกริยาเอกพจน์เติมsไหม?
การตอบ: ใช้ในกริยาเอกพจน์เติมsไหมในรูปประมาณคลาสสิคมาก โดยใช้กฎเช่นตัวอย่างเดียวกัน “He does exercise regularly.” (เขาออกกำลังกายอย่างเสมอ)
กริยาเอกพจน์เติมsไหม เป็นการเติมsหรือes เข้าไปในกริยาเอกพจน์ (verb base form) เพื่อแสดงให้เห็นถึงกริยาในรูปของบุคคลที่สาม (third person singular) ใน Present Simple Tense ในภาษาอังกฤษ โดยมีกฎในการเติมsหรือesในกริยาเอกพจน์เพื่อให้เข้าศึกษากับกริยาในรูปของบุคคลที่สาม การเรียนรู้และเข้าใจวิธีการใช้งานที่ถูกต้องของกริยาเหล่านี้จะช่วยให้ผู้พูดหรือผู้เรียนมีทักษะในการสื่อสารภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ดูเพิ่มเติมที่นี่: lasbeautyvn.com
ประธานเอกพจน์ กริยาเติมS
ในภาษาไทยที่มีตัวอักษร “สระเอส” เราได้ใช้ประธานเอกพจน์กริยาเติม S (Noun Classifier) เพื่อตัดสินใจถึงลักษณะของของสิ่งและสมบัติเฉพาะที่กริยากำลังพูดถึง พวกเขาถูกใช้ในหลายสถานการณ์และมีกฎเกณฑ์บางอย่างที่ต้องปฏิบัติตาม ในบทความนี้เราจะศึกษาการใช้งานและกฎเกณฑ์ของประธานเอกพจน์กริยาเติม S ในภาษาไทยอย่างละเอียดเพื่อให้คุณเข้าใจและใช้งานได้ถูกต้อง
การใช้งานของประธานเอกพจน์กริยาเติม S
ประธานเอกพจน์กริยาเติม S มีบทบาทสำคัญในการกำหนดลักษณะหรือลักษณะเฉพาะของสิ่งต่าง ๆ เมื่อเราพูดถึงการกระทำของกริยาเติม S ในประโยค ประธานเอกพจน์กริยาเติม S จะทำหน้าที่เป็นตัวกรองแบ่งแยกสิ่งนั้นออกจากสิ่งอื่น ๆ ในประโยค
ตัวอย่างเช่น:
1. แก่นแก้ว สูบบุหรี่
ในประโยคข้างต้น ประธานเอกพจน์คือ “แก่นแก้ว” ซึ่งเป็นประธานเอกพจน์กริยาเติม S ของกริยา “สูบ” มันช่วยแยกแยะสิ่งนี้ออกจากสิ่งอื่น ๆ ที่อาจมีในประโยค
ประธานเอกพจน์กริยาเติม S สามารถใช้กับประโยคกริยาเติมใด ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น กริยาที่ใช้กับเฉพาะนิยาม (stative verbs) เช่น “ชอบ” หรือ กริยาที่ใช้แสดงกระบวนการ (dynamic verbs) เช่น “เดิน”
พูดง่าย ๆ ประธานเอกพจน์กริยาเติม S มีวัตถุประสงค์ที่จะทำให้เราเข้าใจถึงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับกริยานั้น ๆ ในประโยค
กฎเกณฑ์ในการใช้งานประธานเอกพจน์กริยาเติม S
มีกฎเกณฑ์บางอย่างที่เราควรปฏิบัติตามเมื่อต้องการใช้ประธานเอกพจน์กริยาเติม S ในประโยค ดังต่อไปนี้:
1. การใช้คำนามที่หลงเหลือจำนวน (ห์)
เราใช้คำนามที่อ้างอิงถึงสิ่งที่ไม่สามารถนับได้ ที่ขึ้นด้วยพยม. เช่น “น้ำ” โดยเพิ่มตัวสระเอส (ซึ่งก็คือ ประธานเอกพจน์กริยาเติม S) นำหน้าอักษรห์เพื่อกำหนดลักษณะของน้ำ
ตัวอย่าง:
– น้ำส้ม
– น้ำกระเจี๊ยบ
2. การใช้คำนามอันรู้จัก (อ.ห.+นย.)
เราใช้คำนามอันรู้จักเพื่อให้คำกำกับประเภทลักษณะของสิ่งหนึ่ง ๆ. เมื่อใช้ประธานเอกพจน์กริยาเติม S
ตัวอย่าง:
– ลูกค้าชาวต่างชาติ (คำกำกับประเภทของลูกค้า)
– นักเรียนคนใหม่ (คำกำกับประเภทของนักเรียน)
3. การใช้คำนามที่เป็นคำกริยา (น.หาง.)
คำนามที่เป็นคำกริยาสามารถใช้เป็นประธานเอกพจน์กริยาเติม S เพื่อกำหนดลักษณะและประเภทของการกระทำของกริยานั้น
ตัวอย่าง:
– อาหารเช้า (การกระทำของกริยา “กิน” ในช่วงเช้า)
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
1. ประธานเอกพจน์กริยาเติม S มีประโยชน์อย่างไร?
การใช้ประธานเอกพจน์กริยาเติม S ช่วยให้เราเข้าใจถึงลักษณะหรือคุณสมบัตินั้น ๆ ของสิ่งต่าง ๆ ที่คำกริยากำลังพูดถึงในประโยค เช่น สัตว์ป่า เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือสิ่งที่อยู่ในกล่อง
2. การใช้ประธานเอกพจน์กริยาเติม S มีกฎเกณฑ์อะไรบ้าง?
มีกฎเกณฑ์บางอย่างที่ควรปฏิบัติตามเมื่อใช้ประธานเอกพจน์กริยาเติม S ในประโยค เช่น การใช้คำนามที่หลงเหลือจำนวน เพิ่มให้สระเอสนำหน้าคำนาม หรือการใช้คำนามอันรู้จักเพื่อให้คำกำกับประเภทลักษณะของสิ่งนั้น ๆ
3. ประธานเอกพจน์กริยาเติม S สามารถใช้กับกริยาใดได้บ้าง?
ประธานเอกพจน์กริยาเติม S สามารถใช้กับกริยาใด ๆ ได้ไม่ว่าจะเป็น กริยาที่ใช้กับเฉพาะนิยาม (stative verbs) เช่น “ชอบ” หรือ กริยาที่ใช้แสดงกระบวนการ (dynamic verbs) เช่น “เดิน”
หลักการเติม S
การใช้คำ ณ เวลาปัจจุบันในภาษาไทยล้วนแล้วแต่เพียงเพื่อให้คำเหล่านั้นตรงไปตรงมากับเอกลักษณ์ของภาษา แม้ว่าว่าจะมีกฎและหลักการทหารมากนักจะช่วยเสริมสร้างความถูกต้องให้กับประโยคและประโยคใหญ่ของภาษาไทย
หลักการเติม “s” เป็นหลักการหนึ่งที่ใช้เพิ่มความทันสมัยให้กับภาษาไทย โดยใช้ “s” ในการเติมและปรับปรุงกลไกการเขียนคำให้ถูกต้องตามหลักการเสียงภาษาไทย หลักการเติม “s” สามารถใช้ร่วมกับคำกริยา คำนาม คำสรรพนาม คำบุพบท และคำวิเศษณ์ได้ตามบทบาทของคำนั้น ๆ
หลักการเติม “s” จะต้องปฏิบัติตามกฏเคลื่อนเสียงของภาษาไทยให้ตรงกับสัญลักษณ์เสียงที่แสดงในการออกเสียงของภาษา และสำคัญต่อไปคือการมีลักษณะที่เหมือนกันระหว่างเสียงที่มาก่อน “s” และเสียงหลัง “s” ทำให้ถูกต้องตามหลักภาษาไทย
การใช้ “s” ในประโยคมีหลายสาเหตุและความสำคัญ เช่น เพื่อประสานกับคำหน้า ให้ความสำคัญกับคำหน้า หรือแต่งคำบุพบทเพื่อให้ประโยคสมบูรณ์ตามกฎวิเศษณ์ กฎวิเศษณ์ความสมบูรณ์นี้เกี่ยวข้องกับคำนามที่อยู่ในที่หนึ่งกับคำกริยาที่อยู่ในที่หนึ่ง เช่น อาจาดไข่กับอาจารย์โทมัส
จงเรียงลำดับคำต่อไปนี้เพื่อให้แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างคำพวกนี้เป็นที่ถูกต้องตามหลักภาษาไทย
อาจาดขายหมีทอดและนั่งรถที่บริษัทนี้
ถ้าคุณไปเล่นกอล์ฟใช้ไม้กอล์ฟนี้ดีกว่า
แม่ฉันไปกินอาหารเช้าที่โรงแรมนี้ส่วนพ่อฉันก็ไปเล่นไอศกรีมกับเพื่อน
FAQs เกี่ยวกับการเติม “s” ในภาษาไทย
1. เมื่อไหร่จะต้องใช้ “s” เพื่อเติมในคำ?
การเติม “s” ในคำภาษาไทยจะถูกใช้ในที่ต่าง ๆ ตามหลักภาษาไทย โดยทางที่ยอมรับหลาย ๆ คำคือคำบุพบทที่เติม “s” เพื่อให้ประโยคสมบูรณ์ตามกฏวิเศษณ์
2. ทำไมเราต้องใช้ “s” เพื่อเติมอยู่บ้าง?
การใช้ “s” เพื่อเติมในคำทำให้ประโยคสมบูรณ์ตามกฏวิเศษณ์ภาษาไทย และช่วยให้คำที่ใส่ “s” มีความสะเพร่าเป็นภาษาไทยมากขึ้น
3. หลักการเติม “s” ในภาษาไทยตีความหมายว่าอะไร?
หลักการเติม “s” ในภาษาไทยแสดงถึงการประสานกันระหว่างคำคุณศัพท์และคำ นามเพื่อให้ประโยคเป็นไปตามกฏวิเศษณ์
4. การใช้ “s” มีข้อยกเว้นหรือไม่?
ในบางกรณีมีคำยกเว้นหรือสถานการณ์โดยเฉพาะที่ไม่ต้องใช้ “s” เพื่อเติม เช่น กฎวิเศษณ์ในการใช้คำนั้น ๆ
5. มีคำหลายประเภทที่ใช้ “s” เพื่อเติมได้หรือไม่?
ใช่ การใช้ “s” เพื่อเติมได้กับหลายประเภทของคำ เช่น กริยา นาม สรรพนาม คำบุพบท และคำวิเศษณ์
6. การใช้ “s” ในคำที่มีชื่อส่วนตัวนั้นมีหลายแบบหรือไม่?
ใช่ การใช้ “s” เพื่อเติมในคำที่มีชื่อส่วนตัวมีหลายแบบ และแต่ละแบบมีความแตกต่างกันตามกฏและหลักเสียงของภาษาไทย
มี 19 ภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ กริยา เติม s.
ลิงค์บทความ: กริยา เติม s.
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโพสต์หัวข้อนี้ กริยา เติม s.
- หลักการเติม s และ es หลังกริยา – Engduo Thailand
- Present Simple Tense – For you English Insight
- การเติม s es ที่คำกริยา present simple tense มีหลักการที่ต้องจดจำ …
- Grammar: สรุป! หลักการเติม s/es และ –ing ที่คำกริยา
- หลักการเติม s และ es หลังกริยา – Engduo Thailand
- Grammar: หลักการใช้ Present Simple Tense : เรื่องจริงในชีวิตประจำวัน
- ทำไมคำกริยาต้องเติม ” s ” หรือ ” es ” – English for You
- หลักการเติม s หรือ es – NECTEC
- หลักการเติม s และ es หลังคำกริยา พร้อมตัวอย่าง – Meowdemy
- หลักการเติม s es ที่คำกริยา ในภาษาอังกฤษ – GrammarLearn
- การเติม s es ท้ายคำกริยา – tonamorn.com
ดูเพิ่มเติม: lasbeautyvn.com/category/digital-studios