กฎ การ เติม S Es คํา นาม
การใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องและเป็นภาษาไทยแท้จริงหลายครั้ง เราต้องรู้กฎว่าด้วยการเติม s es ในคำนามหรือ “กฎกว้าง ๆ” เพื่อให้คำนามของเราสอดคล้องกับไวยากรณ์ภาษาไทยอย่างถูกต้อง
กฎการเติม s หรือ es ในคำนามส่วนช่องนามสามัญ
ในคำนามส่วนช่องนามสามัญที่ลงท้ายด้วยสระเสียงอักษรใด ๆ หรือพยัญชนะที่ไม่ต้องการเพิ่มเสียง z, จะเติม s เข้าไปแทนที่
ตัวอย่างเช่น
คำนาม + s
บัดนี้ + s = บัดนี้
ความรู้ + s = ความรู้
กฎการเติม s หรือ es ในคำนามหลายชนิด
หากคำนามลงท้ายด้วยสระเสียงอักษร i, u, e, o และ article จะต้องเติม es เข้าไปหลัง s
ตัวอย่างเช่น
เพื่อน + es = เพื่อนเพื่อน
เตา + es = เตาเตา
งาน + es = งานงาน
เรื่อง + es = เรื่องเรื่อง
การเติม s หรือ es ในคำนามที่ลงท้ายด้วย -s, -ss, -sh, -x, -o
ในคำนามที่ลงท้ายด้วย -s, -ss, -sh, -x, -o จะเติม es เข้าไปหลัง s
ตัวอย่างเช่น
ความปลอดภัย + es = ความปลอดภัยความปลอดภัย
หน้าที่ครู + es = หน้าที่ครูหน้าที่ครู
การเดินทาง + es = การเดินทางการเดินทาง
การเติม s หรือ es ในคำนามที่ลงท้ายด้วย -y
ในคำนามที่ลงท้ายด้วย -y และตัวสระหน้า y เป็นสระเสียงต่อเนื่อง จะเติม s เข้าไปหลัง y
ตัวอย่างเช่น
นก + s = นกนก
ฟาร์ม + s = ฟาร์มฟาร์ม
ช่าง + s = ช่างช่าง
แต่หากคำนามลงท้ายด้วย -y และตัวสระหน้า y เป็นสระเสียงแยกต่างหาก จะเติม es เข้าไป
ตัวอย่างเช่น
ดิกชันนารี + es = ดิกชันนารีดิกชันนารี
ทางเท้า + es = ทางเท้าทางเท้า
การเติม s หรือ es ในคำนามที่ลงท้ายด้วย -f, -fe
ในคำนามที่มีลักษณะลงท้ายด้วย -f, -fe จะเติม s เข้าไป แต่ในบางกรณีก็ต้องเปลี่ยน f เป็น v แล้วเติม es เข้าไปแทนที่
ตัวอย่างเช่น
หมา + s = หมาหมา
เสื้อ + s = เสื้อเสื้อ
ชีวิต + s = ชีวิตชีวิต
แต่หากคำนามลงท้ายด้วย -f, -fe และก่อน f เป็นสระเสียง i จะต้องเปลี่ยน f เป็น v แล้วเติม es เข้าไปแทนที่
ตัวอย่างเช่น
ไฟ + es = ไฟไฟ
กลวิธี + es = กลวิธีกลวิธี
รูปแบบการเติม s หรือ es ในคำนามกลุ่มพิเศษ
ในบางกรณี คำนามอาจมีรูปแบบเฉพาะที่ต้องเติม s หรือ es แตกต่างออกไป
ตัวอย่างเช่น
ผู้ว่า + s = ผู้ว่าผู้ว่า (เพราะมีการเติมเสียง z)
ยานพาหนะ + s = ยานพาหนะยานพาหนะ (เพราะมีการเติมเสียง z)
การเติม s หรือ es ในคำนามที่เป็นนามสมมุติ
ในคำนามที่เป็นนามสมมุติมักจะต้องใช้กับกริยาในเชิงหลักและก้อนกรอบของประโยค ดังนั้น เรามักทิ้ง s หรือ es เมื่อใช้กับคำผู้เกรงในปลายประโยค
ตัวอย่างเช่น
หนังสือเรียน + s = หนังสือเรียนหนังสือเรียน
กาแฟที่ฉันชอบ + s = กาแฟที่ฉันชอบกาแฟที่ฉันชอบ
การเติม s หรือ es ในคำนามที่มีลักษณะเปลี่ยนแปลงด้วยการเติม
ในบางกรณี การเติม s หรือ es ในคำนามอาจมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของคำ
ตัวอย่างเช่น
คน + s = คนอกคนใน
มด + s = มดเดินมดนอน
การเติม s es ในประโยค
การใช้คำนามที่ถูกต้องในประโยคเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเขียนและการสื่อสารในทุก ๆ ภาษา การเติม s es ในคำนามเป็นสิ่งที่ควรถูกต้องและถูกต้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประโยค
ตัวอย่างเช่น
เขามีเพื่อนหลายคน
หนังสือเพื่อการศึกษามีประโยชน์
คณะกรรมาธิการรายงานความเสี่ยง
แบบฝึกหัด การเติม s es คํานาม พร้อมเฉลย
1. เด็ก + s
เธอสวย + s
หมา + s
ความภักดี + s
เฉลย: เด็กเด็ก, เธอสวยสวย, หมาหมา, ความภักดีความภักดี
2. สายฟ้า + s
หิมะ + s
กล้องถ่าย + s
กระเป๋าเสื้อผ้า + s
เฉลย: สายฟ้าสายฟ้า, หิมะหิมะ, กล้องถ่ายกล้องถ่าย, กระเป๋าเสื้อผ้ากระเป๋าเสื้อผ้า
3. กาแฟ + s
ความชอบ + s
กระปุก + s
ปากกา + s
เฉลย: กาแฟกาแฟ, ความชอบความชอบ, กระปุกกระปุก, ปากกาปากกา
4. สัตว์ป่า + s
กล้วย + s
ผักกาด + s
หนอนม้วน + s
เฉลย: สัตว์ป่าสัตว์ป่า, กล้วยกล้วย, ผักกาดผักกาด, หนอนม้วนหนอนม้วน
5. นักเรียน + s
เชอร์สูตร + s
กางเกงยีนส์ + s
สายพันธุ์ + s
เฉลย: นักเรียนนักเรียน, เชอร์สูตรเชอร์สูตร, กางเกงยีนส์กางเกงยีนส์, สายพันธุ์สายพันธุ์
การเติม s es คํานาม แบบฝึกหัด
1. สร้อย + es
เครื่องราง + es
กายสิทธิ์ + es
เฉลย: สร้อยสร้อย, เครื่องรางเครื่องราง, กายสิทธิ์กายสิทธิ์
2. อาหาร + es
ลูกบอล + es
เทศกาล + es
เฉลย: อาหารอาหาร, ลูกบอลลูกบอล, เทศกาลเทศกาล
3. สถานที่ + es
รถไฟ + es
เฮดแวร์ + es
เฉลย: สถานที่สถานที่, รถไฟรถไฟ, เฮดแวร์เฮดแวร์
4. หัวหน้า + es
อาคาร + es
ช่องทาง + es
เฉลย: หัวหน้าหัวหน้า, อาคารอาคาร, ช่องทางช่องทาง
5. ปฏิทิน + es
ไฟฟ้า + es
ทางลัด + es
เฉลย: ปฏิทินปฏิทิน, ไฟฟ้าไฟฟ้า, ทางลัดทางลัด
คำนามเติม s ตอนไหน
การตัดสินใจเติม s เข้าไป
วิธีเติม S, Es สำหรับคำนามและคำกริยา
คำสำคัญที่ผู้ใช้ค้นหา: กฎ การ เติม s es คํา นาม การเติม s es ในประโยค, แบบฝึกหัด การเติม s es คํานาม พร้อมเฉลย, การเติม s es คํานาม แบบฝึกหัด, คํานามเติม s ตอนไหน, หลักการเติม es, Radio เติม s หรือ es, หลักการเติม s es หลังคํากริยา, การเติม s es ในประโยค present simple tense
รูปภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ กฎ การ เติม s es คํา นาม
หมวดหมู่: Top 56 กฎ การ เติม S Es คํา นาม
กฎการเติม S Es มีอะไรบ้าง
ในภาษาอังกฤษมีกฎการใช้ ‘s’ และ ‘es’ เพื่อเติมลงไปในคำนามหรือคำกริยาเพื่อแสดงการเปลี่ยนแปลงในจำนวน คำต่าง ๆ ที่ต้องการใช้กฎนี้มีลักษณะต่าง ๆ ซึ่งต้องรู้จักและเข้าใจคำนำหน้าที่มาก่อน และต้องผูกพันคำนาม หรือคำกริยาในประโยคอย่างถูกต้อง
กฎการเติม ‘s’
กฎการเติม ‘s’ เข้าไปในคำนาม หรือ ‘nouns’ ที่เป็นคำนามเอกพจน์ หรือ ‘Singular nouns’ เพื่อแสดงว่ามีมากกว่า หรือมีจำนวนมากกว่าหนึ่ง โดยทั่วไปแล้วกฎการเติม ‘s’ มีรูปแบบอยู่ 3 รูปแบบคือ
1. เพิ่ม ‘s’ เข้าไปที่สุดท้ายของคำ เช่น cat -> cats, dog -> dogs, book -> books
2. เพิ่ม ‘es’ เข้าไปเมื่อคำลงท้ายด้วยตัว ‘s’, ‘x’, ‘sh’, ‘ch’, ‘o’ เช่น bus -> buses, box -> boxes, dish -> dishes, church -> churches, tomato -> tomatoes
**หมายเหตุ: รูปท่าที่ 2 นี้มีข้อมูลส่วนเกินมาก่อนคำสุดท้ายของคำ ถ้าเป็นคำที่ลงท้ายด้วย ‘s’, ‘x’, ‘sh’, ‘ch’ จะไม่ต้องนับส่วนที่โดดยากลงไป เช่น kiss -> kisses, fix -> fixes, wish -> wishes, watch -> watches
3. เพิ่ม ‘es’ เข้าไปเมื่อคำลงท้ายด้วย ‘y’ และตัวก่อนเป็นประเภท ‘consonant’ เช่น baby -> babies, city -> cities
4. โดยเพิ่ม ‘s’ เข้าไปเมื่อคำลงท้ายด้วย ‘y’ และตัวก่อนเป็นประเภท ‘vowel’ เช่น boy -> boys, day -> days
ดังนั้น เราก็สามารถใช้กฎการเติม ‘s’ ได้ง่าย ๆ เพื่อเปลี่ยนคำนามเอกพจน์ให้มีจำนวนมากกว่าหนึ่ง
กฎการเติม ‘es’
กฎการเติม ‘es’ เข้าไปในคำนาม หรือ ‘nouns’ ที่เป็นคำนามเอกพจน์ หรือ ‘Singular nouns’ เพื่อแสดงว่ามีจำนวนมากกว่าหนึ่ง ดังนั้น เราสามารถใช้กฎการเติม ‘es’ ได้ตามรูปแบบต่าง ๆ ดังต่อไปนี้:
1. เพิ่ม ‘es’ เมื่อมีระยะเวลาสั้นประมาณอีก ผ่านไปหลังจากหมายเลขหรือตัวอักษรดิ่งท้าย, ‘s’, ‘x’, ‘sh’, ‘ch’ เช่น ชื่อลุง “Mr. Joneses” ต้องการนับว่ามี ‘es’ เป็นซ้อมประมาณภายใน 2 ปีประก็ตาม แต่หากผ่านแล้วกว่า 2 ปี (ผ่านไป 3-4 ปี หรือมากกว่านั้น) ก็จะใช้ “Mr. Jones” เชื่อมักจะเป็น “Jones” เพื่อทำให้เสียงดูคล้อย ๆ กับระยะเวลาใช้งาน
2. เพิ่ม ‘es’ เข้าไปเมื่อคำลงท้ายด้วยตัว ‘o’ เช่น potato -> potatoes, hero -> heroes
3. เพิ่ม ‘es’ เข้าไปเมื่อคำลงท้ายด้วย ‘y’ และตัวอักษรข้างหน้าเป็นประเภท ‘consonant’ เช่น lady -> ladies
4. โดยทั่วไปแล้ว เพิ่ม ‘es’ เมื่อคำลงท้ายด้วย ‘y’ และตัวอักษรข้างหน้าเป็นประเภท ‘vowel’ เช่น toy -> toys, boy -> boys
แนวทางการใช้กฎการเติม ‘s’ และ ‘es’
เมื่อทราบกฎการเติม ‘s’ และ ‘es’ นี้ เราสามารถใช้ในประโยคต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องดังนี้
1. My sister has two cats. (พี่สาวของฉันมีแมวสองตัว)
2. The baby’s toys are colorful. (ของเล่นของทารกสีสันสวยงาม)
3. There are many churches in the city. (ในเมืองนี้มีโบสถ์มากมาย)
4. John’s cars are parked in the driveway. (รถของจอห์นหยุดจอดอยู่บริเวณทางเข้ารถ)
5. The students are writing their exams. (นักเรียนกำลังเตรียมเขียนใบสอบของตนเอง)
6. The kids are playing with their toys. (เด็กๆ กำลังเล่นกับของเล่นของตนเอง)
การใช้กฎเติม ‘s’ และ ‘es’ นี้จะทำให้เราเข้าใจและใช้งานภาษาอังกฤษในประโยคได้อย่างถูกต้อง
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
1. จำเป็นต้องใช้กฎการเติม ‘s’ และ ‘es’ ในประโยคทุกครั้งหรือไม่?
– ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้กฎการเติม ‘s’ และ ‘es’ ในทุกๆ ประโยค เป็นเพียงเครื่องมือในการแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของจำนวน คำนามหรือคำกริยา ดังนั้นใช้เฉพาะในกรณีที่ต้องการแสดงถึงจำนวนมากกว่าหนึ่งเท่านั้น
2. วิธีการเลือกระหว่างใช้ ‘s’ และ ‘es’ ในการเติมในคำใหน?
– วิธีการเลือกระหว่างใช้ ‘s’ และ ‘es’ ในการเติมขึ้นอยู่กับคำนามหรือคำกริยาที่คุณใช้ โดยต้องดูว่าตัวอักษรหรือสำเนียงของคำ เช่น ถ้าคำลงท้ายด้วยตัวอักษร ‘o’ ก็ใช้ ‘es’ เช่น tomatoes หรือ heroes
3. มีกฎการเติมอื่น ๆ ที่ควรรู้เกี่ยวกับ ‘s’ และ ‘es’ หรือไม่?
– นอกจากกฎการเติม ‘s’ และ ‘es’ ยังมีกฎอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การใช้ ‘s’ เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ (possessive ‘s’) เช่น John’s car (รถของจอห์น) รวมทั้งกฎในการเติม ‘s’ เข้าไปเพื่อแสดงความสัมพันธ์กับกริยาที่ใช้กับคำนาม (verb-agreement) เช่น She walks, He runs
อย่างไรก็ตามกฎการเติม ‘s’ และ ‘es’ เป็นสิ่งที่สำคัญที่ช่วยให้เข้าใจและใช้งานภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้องและมีความเป็นระเบียบ ดังนั้นให้เรานำกฎเหล่านี้มาใช้ในการเรียนรู้และปฏิบัติตลอดเวลา
คํานามที่เติม S มีอะไรบ้าง
คำสุดท้ายในภาษาไทยที่มีการเติม “s” เป็นที่นิยมใช้กันมากที่สุดเป็นคำที่มีสามแบบหลัก คือ 1) คำนามหลายจำนวน (plural nouns) 2) คำนามที่เขียนซ้ำซ้อน (repeated nouns) และ 3) คำพหูพจน์ (possessive nouns) คำเหล่านี้มีความสำคัญและมีประโยชน์ในการใช้งานภาษาไทย เราจะได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแต่ละแบบในบทความนี้
1) คำนามหลายจำนวน (plural nouns)
คำนามหลายจำนวนในภาษาไทยบางครั้งจะมีการเติม “s” ที่จุดปลายคำเดี่ยว เพื่อแสดงว่ามีการเพิ่มจำนวนของสิ่งนั้นๆ เช่น
– หมา (dog) เมื่อต้องการพูดถึงหลายตัว จะเติม “s” เข้าไปหลังคำว่า หมา จึงกลายเป็น หมาสิบตัว (ten dogs)
– เมือง (city) เมื่อต้องการพูดถึงหลายเมือง จะเติม “s” เข้าไปหลังคำว่า เมือง จึงกลายเป็น เมืองสิบor เมืองสิบเมือง (ten cities)
2) คำนามที่เขียนซ้ำซ้อน (repeated nouns)
คำนามที่เติม “s” ในภาษาไทยบางครั้งขึ้นกับความจำเป็น เพื่อแสดงกระบวนการหรือลักษณะที่เกิดขึ้นซ้ำ หรือเพื่อให้ผู้พูดเน้นความสำคัญของสิ่งนั้นๆ เช่น
– น้ำ (water) เมื่อเติม “s” ต่อท้ายเป็น น้ำมั่ว จะหมายถึงน้ำที่เกิดขึ้นซ้ำๆ หรือเพิ่มขึ้นมากขึ้นจากปกติ
– ใจ (heart) เมื่อเติม “s” ต่อท้ายเป็น ใจสาน จะหมายถึงความรักหรือความห่วงใยที่มีอยู่ภายในใจ
3) คำพหูพจน์ (possessive nouns)
คำพหูพจน์ในภาษาไทยถูกใช้เพื่ออธิบายว่าสิ่งใดเป็นของของสิ่งอื่น เป็นคำอธิบายความเชื่อมโยงระหว่างคำนามกับความสัมพันธ์กัน เช่น
– บ้าน (house) เมื่อเติม “s” ต่อท้ายเป็น บ้านของฉัน หมายถึงบ้านที่เป็นของผู้พูด
– ลาย (pattern) เมื่อเติม “s” ต่อท้ายเป็น ลายของเธอ หมายถึงลายที่เป็นของคนอื่น
นอกจากคำกริยาและคำว่าจี้ (repeated nouns) ภาษาไทยไม่มีกฎอื่นๆ เพิ่มเติมว่าคำสุดท้ายในภาษาไทยจะต้องเติม “s” หรือไม่ วิธีการแปลงคำนามเป็นชื่อส่วนที่ครอบคลุมความหมายดังกล่าวเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาตามเนื้อหาและความหมายของประโยคโดยรวม
FAQs (คำถามที่พบบ่อย)
คำนามหรือชื่อส่วนที่เติม “s” ข้างท้ายมักพบบ่อยแค่ไหนในภาษาไทย?
การเติม “s” ในคำนามที่จุดปลายคำนั้นไม่ได้เป็นความจำเป็นในภาษาไทย ดังนั้นคำที่เห็นการเติม “s” ในภาษาไทยมักจะพบในบางกลุ่มคำ เช่น คำนามหลายจำนวน คำนามที่เขียนซ้ำซ้อน และคำพหูพจน์
2) คำพหูพจน์มีความสำคัญอย่างไรในภาษาไทย?
คำพหูพจน์ช่วยอธิบายความสัมพันธ์กับคำนามและช่วยเสริมความหมายของประโยคให้ชัดเจนขึ้น แสดงทั้งเจตนารมณ์ ความรู้สึก และความเป็นเจ้าของ
3) สามารถเติม “s” ในคำนามอื่นๆในภาษาไทยได้หรือไม่?
ในภาษาไทยเราไม่ได้ใช้กฎหรือกลไกที่เรียกว่า “ตัวกำหนดคำนามหลายจำนวน” เช่น ในภาษาอังกฤษ เราไม่ต้องเติม “s” ซึ่งเป็นกฎที่เรียกกัน “plural form” ในภาษาไทย เราจะพูดถึงหลายหนังสือโดยการเพิ่มคำนามหลังคำว่า “หนังสือ” แทนที่จะเติม “s” ในคำนามที่เขียนแบบเดียวกับคำนามต้นฉบับ
เช่น รถเมล์สองคัน (two buses) โดยการเพิ่มคำนามหลังคำว่า “รถเมล์” หรือ มือสอง (both hands) โดยการเพิ่มคำสรรพนามหลังคำว่า “มือ” เป็นต้น
คำสุดท้ายที่เติม “s” ในภาษาไทยไม่เป็นกฎที่เราต้องทำตามอย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตาม เราสามารถใช้คำพหูพจน์ในภาษาไทยเพื่อเสริมความหมายของประโยคหรืออธิบายความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ อย่างที่ได้กล่าวมาแล้ว
ดูเพิ่มเติมที่นี่: lasbeautyvn.com
การเติม S Es ในประโยค
มาเริ่มต้นกันเลยดีกว่า ที่นิยาม “s” หรือ “es” ในภาษาอังกฤษ การเติม “s” หรือ “es” เข้าไปในกริยาเป็นการแสดงถึงกริยาที่มีหลักและประธานในประโยคมากกว่าหนึ่งที คุณลักษณะนี้ทำให้กริยาแสดงความหมายของการพูดถึงบุคคลหลายคนหรือสิ่งของหลายชิ้น ตัวอย่างเช่น
– She writes a letter. (เธอเขียนจดหมาย คำกริยา “writes” ใช้กับคำนามเพียงคำเดียว “She”)
– They write letters. (พวกเขาเขียนจดหมาย คำกริยา “write” ใช้กับคำนามที่หลายคำ “They”)
กริยาเอกพหูพจน์มักใช้เข้ากับคำประธานในกรณีที่เป็นบุคลากรชื่อเพียงคนเดียว หรือเนื่องจากประธานเป็นเพียงคำเดียว ตัวอย่างเช่น
– Tom works in an office. (ทอมทำงานในสำนักงาน คำกริยา “works” ใช้กับคำนามที่เป็นบุคคลเดียว “Tom”)
– My brother is a doctor. (พี่ชายของฉันเป็นหมอ คำกริยา “is” ใช้กับคำนามที่เป็นบุคคลเดียว “brother”)
ในกรณีของประธานที่มีหลายคำ และใช้กับกริยาหนึ่งคำเท่านั้น ความเป็นจริงแล้ว “s” หรือ “es” ช่วยให้เราเข้าใจว่าคำกริยามีหลักประธานมากกว่าหนึ่งชิ้น ตัวอย่างเช่น
– The cats fight. (แมวต่อสู้กัน คำกริยา “fight” ใช้กับคำนามที่กระพันเล็กน้อย “cats”)
– The cat fights. (แมวต่อสู้ คำกริยา “fights” ใช้กับคำนามที่กระพันเดียว “cat”)
นอกเสียจากเรื่องการใช้ “s” หรือ “es” เพื่อแสดงหลักพหูพจน์แล้ว เรายังมีบทแนะนำในการเติม “s” หรือ “es” ในกรณีพิเศษ คุณลักษณะเหล่านี้อาจมาจากกฎของภาษาอังกฤษ และต้องใช้ในกรณีที่เฉพาะเท่านั้น เช่น
1. เติม “es” เมื่อกริยามีหลักพหูพจน์ที่เป็น “sh”, “ch”, “x”, “z”, หรือ “s”
– He washes his car. (เขาล้างรถยนต์ของเขา คำกริยา “washes” เป็นการเติม “es” เนื่องจากมีหลักพหูพจน์ที่เป็น “sh”)
– The bus passes by. (รถเมล์ผ่านไป คำกริยา “passes” เป็นการเติม “es” เนื่องจากมีหลักพหูพจน์ที่เป็น “s”)
2. เติม “s” เมื่อกริยามีหลักพหูพจน์ที่เป็นสเสอ, เสียง “f”, “fe” หรือ “ff”
– He plays golf on Sundays. (เขาเล่นกอล์ฟในวันอาทิตย์ คำกริยา “plays” เป็นการเติม “s” เนื่องจากมีหลักพหูพจน์ที่เป็นสเสอ)
3. เติม “es” เมื่อกริยามีหลักพหูพจน์ที่เป็น “y” และคำนามตัวทữเป็นตัวสกิง
– The baby cries loudly. (ทารกร้องไห้อย่างดัง คำกริยา “cries” เป็นการเติม “es” เนื่องจากมีหลักพหูพจน์ที่เป็น “y” และคำนามตัวทッ้ดเป็นตัวสกิง)
อย่างไรก็ตาม คุณควรทราบว่าภาษาอังกฤษยังมีพิเศษอยู่มากมายที่คุณควรศึกษาเพิ่มเติม เพื่อเข้าใจและใช้งานภาษาได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น
แน่นอนว่ามีคำถามบางส่วนที่ผู้เรียนคงสงสัยเกี่ยวกับการเติม “s” หรือ “es” ในประโยค ดังนั้นเราได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเรื่องนี้ในส่วนอื่น ๆ ของบทความนี้ เพื่อตอบคำถามของคุณ
คำถามที่ 1: เราต้องการการติดต่อกันอย่างถูกต้องระหว่างกริยากับคำนาม เราควรทำอย่างไร?
คำตอบ: เมื่อต้องการให้กริยามีหลักพหูพจน์ที่มากกว่าหนึ่งคำ เราต้องเติม “s” หรือ “es” เข้าไปในกริยา โดยมิใช้กับคำนาม
คำถามที่ 2: ด้วยเงื่อนไขที่ไม่ค่อยเหมือนเท่าไหร่ ผู้เรียนสามารถเติม “s” หรือ “es” ที่กริยาได้ในบางกรณีหรือไม่?
คำตอบ: ใช่ มีบางกรณีที่เริ่มต้นที่ “s” หรือ “es” มาแปะกับกริยาในประโยค อย่างไรก็ตาม นี่เป็นกรณีพิเศษเท่านั้นและต้องใช้ในกรณีที่เฉพาะเท่านั้น
คำถามที่ 3: ในกรณีที่มีกริยาที่ไม่ถูกต้องในประโยค ควรแก้ไขอย่างไร?
คำตอบ: หากคุณตระหนักว่าได้เติม “s” หรือ “es” ผิดพลาดในการใช้งาน ให้คุณแก้ไขด้วยการลบ “s” หรือ “es” ออกจากคำกริยา
คำถามที่ 4: การใช้ “s” หรือ “es” ในกริยาในภาษาไทยเหมือนกันในทุกสถานการณ์หรือไม่?
คำตอบ: ไม่เหมือนกัน เนื่องจากภาษาไทยไม่มีการเติม “s” หรือ “es” ในรูปกาลเติม
คำถามที่ 5: การใช้ “s” หรือ “es” ทำให้เราเข้าใจได้ว่ามีหลักพหูพจน์ในประโยคมากกว่าหนึ่งด้วยตัวเองหรือไม่?
คำตอบ: ใช่ การใช้ “s” หรือ “es” ในกริยาช่วยให้เราเข้าใจว่ามีหลักพหูพจน์มากกว่าหนึ่งชิ้นในประโยค
ในสรุป การเติม “s” หรือ “es” ในกริยาเป็นประโยชน์อย่างมากในการให้ความหมายและการใช้ภาษาที่ถูกต้องในภาษาอังกฤษ โดยใช้ให้คำแค่ “s” หรือ “es” ในกรณีที่มีหลักพหูพจน์ที่เป็นบุคคลหรือสิ่งของหลายชิ้น และตรงตามกฎที่ใช้เฉพาะในกฎของภาษาอังกฤษ รวมทั้งประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการใช้ “s” หรือ “es” ในกรณีพิเศษบางอย่าง คำแนะนำเหล่านี้ควรช่วยให้คุณเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับการเติม “s” หรือ “es” ในประโยคในภาษาอังกฤษ
แบบฝึกหัด การเติม S Es คํานาม พร้อมเฉลย
การเติม s es เป็นหัวข้อที่สำคัญในการศึกษาภาษาอังกฤษเบื้องต้น เพราะเป็นการใช้คำนามในประโยคให้ถูกต้องตามกฎหมายของภาษาอังกฤษ เรียนรู้และฝึกกันเป็นประจำจะช่วยให้มั่นใจและเก่งกว่าในการใช้ภาษาอังกฤษทั้งในชีวิตประจำวันและในการสื่อสารทางธุรกิจ
โดยทั่วไปแล้ว เราจะใช้การเติม s หรือ es ต่อท้ายคำนามเมื่อมีเงื่อนไขต่อไปนี้:
1. คำนามในรูปเดียวที่ไม่มีการเติม -s, -sh, -ch, -x, -o จะต้องเติม -es ทุกครั้ง เช่น box – boxes, watch – watches
2. คำนามที่ลงท้ายด้วย -ss, -z, -x, -o ต้องเติม -es เช่น class – classes, dish – dishes
3. คำนามที่ลงท้ายด้วย -y และเป็นสระปิด (a, e, i, o, u) จะต้องเปลี่ยน -y เป็น -ies เช่น baby – babies, city – cities
4. คำนามที่ลงท้ายด้วย -y แต่เป็นสระผันอื่น (วรรณยุกต์, ร, ล, ว, ณ) จะต้องเติม -s เช่น boy – boys, day – days, key – keys
5. คำนามที่ลงท้ายด้วย -fe, -f จะต้องเปลี่ยน -f เป็น -ves เช่น knife – knives, leaf – leaves
6. คำนามที่ลงท้ายด้วย -man จะต้องเปลี่ยน -man เป็น -men เช่น man – men, woman – women
7. คำนามอื่นๆ ที่ไม่อยู่ในกฎที่กล่าวมา จะต้องเติม -s เพียงแค่นั้น เช่น cat – cats, book – books
ตัวอย่างการเติม s es คำนาม:
1. child – children
2. tomato – tomatoes
3. bus – buses
4. pencil – pencils
5. fox – foxes
6. hero – heroes
7. mango – mangoes
8. tooth – teeth
9. woman – women
10. leaf – leaves
11. city – cities
12. mouse – mice
13. deer – deer
14. box – boxes
15. key – keys
แบบฝึกหัด:
1. Choose the correct plural form of the noun:
a. potato – potatos / potatoes
b. table – tables / tablees
c. dog – dogs / doges
2. Fill in the blank with the correct plural form of the noun:
a. I have two ______. (cat)
b. She bought five ______. (book)
c. The teacher gave us three ______. (exercise)
3. Choose the correct plural form of the noun:
a. baby – babies / babys
b. knife – knifees / knives
c. glass – glasses / glass
4. Fill in the blank with the correct plural form of the noun:
a. Can you pass me those ______? (box)
b. The ______ are playing in the park. (child)
c. She has three ______ in her garden. (tomato)
5. Choose the correct plural form of the noun:
a. tooth – toothes / teeths
b. fish – fishs / fishies
c. lady – ladys / ladies
เฉลย:
1. Choose the correct plural form of the noun:
a. potato – potatoes
b. table – tables
c. dog – dogs
2. Fill in the blank with the correct plural form of the noun:
a. I have two cats.
b. She bought five books.
c. The teacher gave us three exercises.
3. Choose the correct plural form of the noun:
a. baby – babies
b. knife – knives
c. glass – glasses
4. Fill in the blank with the correct plural form of the noun:
a. Can you pass me those boxes?
b. The children are playing in the park.
c. She has three tomatoes in her garden.
5. Choose the correct plural form of the noun:
a. tooth – teeth
b. fish – fish
c. lady – ladies
FAQs:
Q: การเติม s es คำนามมีกฎอะไรบ้าง?
A: การเติม s es คำนามมีกฎหลายตัว เช่น ถ้าคำนามไม่มีการเติม -s, -sh, -ch, -x, -o จะต้องเติม -es ทุกครั้ง เป็นต้น
Q: คำว่า “man” ในรูปพหูพจน์เป็นอย่างไร?
A: คำว่า “man” ในรูปพหูพจน์เป็น “men”
Q: ทำไมคำว่า “baby” เป็น “babies” แต่คำว่า “day” เป็น “days”?
A: เพราะว่าคำว่า “baby” ลงท้ายด้วย -y และเป็นสระผันเป็น -ies ตามกฎ แต่คำว่า “day” ลงท้ายด้วย -y แต่ไม่เป็นสระผันเพราะสระตัวที่สองเป็น “a” ทำให้ต้องเติม -s เป็นต้น
Q: ต้องเติม -es หรือ -s ต่อท้ายคำนามที่ไม่คล้ายกันได้อย่างไร?
A: คุณสามารถต้องเติม -es หรือ -s ต่อท้ายคำนามที่ไม่คล้ายกันได้ตามกฎที่กล่าวมา หากคำนามมีเงื่อนไขที่ตรงกับกฎใดกฎหนึ่ง แต่ถ้าไม่ตรงกับกฎใดเลยจะต้องเติม -s ที่จบคำนามเลย
การเติม S Es คํานาม แบบฝึกหัด
การใช้ท่านพยายามเรียงคำให้ถูกต้อง เป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาทักษะการใช้ภาษาภาษาอังกฤษ การเติม s หรือ es ลงท้ายคำนามคือหนึ่งในหลักการพื้นฐานที่ผู้เรียนควรจะเข้าใจและปฏิบัติตาม เพื่อให้สามารถใช้ภาษาอังกฤษในทั้งการอ่าน การเขียนและการสื่อสารได้อย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ
การเติม s หรือ es จะมีกฎเบื้องต้นที่ควรจะทราบ โดยส่วนใหญ่รูปร่างและความหมายของคำในด้านหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแค่เพิ่ม s หรือ es ลงท้ายคำเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากผู้เรียนต้องการความรู้ที่ลึกซึ้งกว่า เราจึงมีแบบฝึกหัดเพื่อช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจและฝึกการใช้งานกฎในการเติม s es ลงท้ายคำนาม
ก่อนที่เราจะฝึกการใช้กฎในการเติม s es คำนาม แบบฝึกหัด เราควรทำความเข้าใจกฎเบื้องต้นก่อน ตามที่ได้กล่าวมา หลังจากเท่านั้นเราจึงสามารถทำหน้าที่ฝึกการเติม s es คำนามได้
กฎในการเติม s es คำนามแบบฝึกหัด สามารถอธิบายได้ตามรายการดังนี้:
1. กฎธรรมชาติของภาษาอังกฤษ
– ในภาษาอังกฤษ โดยทั่วไป การใช้ s หรือ es ลงท้ายคำนามเป็นรูปธรรมชาติที่เกิดขึ้นในภาษา โดยไม่จำเป็นต้องมีกฎเฉพาะในการเติม s es แต่ถ้าเพื่อเพิ่มความเข้าใจในการใช้ภาษาเราสามารถใช้กฎที่เกี่ยวข้องได้
– อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีกฎหลากหลาย แต่ย่อมมีข้อยกเว้น ดังนั้น การฝึกสร้างสรรค์การใช้ภาษาเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้เรียนเก่งในการใช้อัตราส่วนที่ถูกต้อง
2. การเติม s หรือ es ลงท้ายคำนามที่ลงท้ายด้วยตัวอักษร y
– เมื่อคำนามลงท้ายด้วยตัวอักษร y ซึ่งประกอบด้วยเสียง a, o และ u นั้น คำนามต้องเติม es ลงท้ายเพื่อให้ทำให้เสียงปรากฏขึ้น
– ตัวอย่าง:
– คำนามที่ลงท้ายด้วยเสียง a → add s: banana (กล้วย), camera (กล้อง), panda (แพนด้า)
– คำนามที่ลงท้ายด้วยเสียง o → add s: tomato (มะเขือเทศ), potato (มันฝรั่ง)
– คำนามที่ลงท้ายด้วยเสียง u → add s: computer (คอมพิวเตอร์)
3. การเติม s หรือ es ลงท้ายคำนามที่ลงท้ายด้วยตัวอักษร o
– สามารถเติมเฉพาะ s ลงท้ายคำนามที่มาจากภาษาอื่น ๆ ได้ เช่น radio (วิทยุ), zoo (สวนสัตว์), photo (รูปภาพ), video (วิดีโอ)
– อย่างไรก็ตาม คำนามบางคำที่ลงท้ายด้วย o ต้นจำเป็นต้องเติม es ลงท้าย เพราะคำของภาษาอื่นที่มาจากการยืมคำส่วนใหญ่จะเขียนเป็น:
– คำนามที่ลงท้ายด้วย o และมีเสียงสระต่ำกว่าสามมาตราแรก → add es: tomato (มะเขือเทศ), potato (มันฝรั่ง)
– คำนามที่ลงท้ายด้วย o และมีเสียงสระสูงกว่าสามมาตราแรก → add s: photo (รูปภาพ), video (วิดีโอ)
4. การเติม s หรือ es ลงท้ายคำนามที่ลงท้ายด้วยตัวอักษร x, ch, sh, ss
– ใส่ es ขณะที่เราต้องเติม s ลงท้ายคำนามที่ลงท้ายด้วยตัวอักษร x, ch, sh, ss เป็นเสียงที่คล้ายกัน
– ตัวอย่าง:
– คำนามที่ลงท้ายด้วย x → add es: box (กล่อง), fox (หมาป่า) แต่เสียงเป็น /z/
– คำนามที่ลงท้ายด้วย ch, sh → add es: church (โบสถ์), watch (นาฬิกา) แต่เสียงประกอบด้วย /ɪz/
– คำนามที่ลงท้ายด้วย ss → add es: class (ชั้งเรียน), glass (แก้ว)
5. การเติม s หรือ es ลงท้ายคำนามที่ลงท้ายด้วยตัวอักษร f หรือ fe
– ในกรณีที่คำนามลงท้ายด้วยตัวอักษร f หรือ fe จำเป็นต้องเปลี่ยน f เป็น v แล้วเติม es ลงท้ายคำนามเพื่อให้ทำให้เสียงของคำนามรุนแรงขึ้น
– ตัวอย่าง:
– คำนามที่ลงท้ายด้วย f → change f to v and add es: calf (ลูกวัว), leaf (ใบไม้)
– คำนามที่ลงท้ายด้วย fe → change fe to v and add s: knife (มีด), life (ชีวิต)
FAQs เกี่ยวกับการเติม s es คำนาม แบบฝึกหัด:
Q: เราต้องเคลื่อนที่เสียงเพื่อเติม s es ที่ลงท้ายคำนามหรือไม่?
A: ไม่จำเป็นในส่วนมาก แต่มีกฎบางข้อที่ต้องแปลงรูปเสียงด้วย เช่น การเติม es ลงท้าย Krauzer (คราวเซอร์) เสียงและเครื่องหมายตอักษร ด้วยเสียงเต็ม
Q: พยามอะไรบ้างที่จะเปลี่ยนเสียงของคำได้หลังเติม s es ที่ลงท้ายคำนาม?
A: เราต้องเปลี่ยนเอกสารในบางกรณี เลยทางที่ไม่ได้เบี่ยงกฏของภาษาอังกฤษ
Q: การเติม s es คำนามสามารถนำไปใช้กับอนุมานอื่น ๆ ได้หรือไม่?
A: ใช่ สามารถนำเอกสารการเติม s es คำนามไปใช้ในการเติมกรรม รูปกริยาสามช่องกิ่ง ที่มีหลายรูปร่าง
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยเสริมสร้างความเข้าใจในการใช้กฎในการเติม s es คำนามของคุณ เมื่อมีการปฏิบัติตามกฎที่ถูกต้อง คุณสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้องและมั่นใจ
มี 45 ภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ กฎ การ เติม s es คํา นาม.
ลิงค์บทความ: กฎ การ เติม s es คํา นาม.
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโพสต์หัวข้อนี้ กฎ การ เติม s es คํา นาม.
- วิธีเปลี่ยนคำนามเอกพจน์เป็นคำนามพหูพจน์ การเติม s es ในภาษา …
- หลักการเติม s es คํานาม กฎการเติม s เพื่อเปลี่ยนเอกพจน์ เป็น …
- หลักการเติม s และ es หลังคำนาม พร้อมตัวอย่าง | Meowdemy
- หลักการเติม s และ es หลังกริยา – Engduo Thailand
- Present Simple Tense – For you English Insight
- หลักการเติม s หรือ es เปลี่ยน เอกพจน์ ให้เป็น พหูพจน์ ไวยากรณ์ …
- Present Simple Tense – For you English Insight
- หลักการเติม s และ es หลังคำนาม พร้อมตัวอย่าง | Meowdemy
- หลักการเติม s และ es หลังกริยา – Engduo Thailand
- Grammar: หลักการใช้ Present Simple Tense : เรื่องจริงในชีวิตประจำวัน
- คำนามภาษาอังกฤษ เติม s, es ดูยังไง? – eng a wink
- คํานามเอกพจน์และคำนามพหูพจน์ | EF | ประเทศไทย
- วิธีการเปลี่ยนนามเอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์ [Singular and Plural Nouns]
ดูเพิ่มเติม: lasbeautyvn.com/category/digital-studios