การเติม S Es คํานาม
การเติม s es กับคำนามที่ลงท้ายด้วย s, sh, ch, x, z
เมื่อมีคำนามที่ลงท้ายด้วย s, sh, ch, x, z เราจะเติม es หลังคำนามเพื่อสร้างพหูพจน์ ตัวอย่างเช่น
– bus (รถเมล์) เติม es จะได้ buses (รถเมล์หลายคัน)
– watch (นาฬิกา) เติม es จะได้ watches (นาฬิกาหลายตัว)
– brush (แปรง) เติม es จะได้ brushes (แปรงหลายอัน)
– box (กล่อง) เติม es จะได้ boxes (กล่องหลายอัน)
– quiz (การทดสอบ) เติม es จะได้ quizzes (การทดสอบหลายครั้ง)
การเติม es กับคำนามที่ลงท้ายด้วย o, x, ch, sh
คำนามที่ลงท้ายด้วย o, x, ch, sh เราจะเติม es หลังคำนาม เพื่อสร้างพหูพจน์ ดังตัวอย่างนี้
– tomato (มะเขือเทศ) เติม es จะได้ tomatoes (มะเขือเทศหลายลูก)
– box (กล่อง) เติม es จะได้ boxes (กล่องหลายอัน)
– watch (นาฬิกา) เติม es จะได้ watches (นาฬิกาหลายตัว)
– dish (จานอาหาร) เติม es จะได้ dishes (จานอาหารหลายอัน)
การเติม s es กับคำนามที่มีการเปลี่ยนรูปเสียงเมื่อต่อท้ายด้วย s
มีบางคำนามที่เมื่อต่อท้ายด้วย s จะมีการเปลี่ยนรูปเสียง ในกรณีนี้ เราจะเติม es หลังคำนาม เพื่อสร้างพหูพจน์ ตัวอย่างเช่น
– glass (แก้ว) เติม es จะได้ glasses (แก้วหลายแก้ว)
– class (ชั้นเรียน) เติม es จะได้ classes (ชั้นเรียนหลายชั้น)
การเติม s es กับคำนามที่มีการเปลี่ยนรูปเสียงเมื่อต่อท้ายด้วย y
ในกรณีที่คำนามลงท้ายด้วย y และมีพยัญชนะอยู่ก่อน y เราจะเติม s es หลังคำนาม เพื่อสร้างพหูพจน์แต่เมื่อเปลี่ยน y เป็น i ก่อนที่เราจะเติม es ดังตัวอย่างนี้
– baby (เด็ก) เติม s es จะได้ babies (เด็กหลายคน)
– city (เมือง) เติม s es จะได้ cities (เมืองหลายเมือง)
– fly (ไปด้วยฟ้า) เติม s es จะได้ flies (มังกรหลายตัว)
การเติม s es กับคำนามที่มีการเติมรูปแบบสรรพนามด้านหน้าด้วย oneself, myself, yourself ฯลฯ
ในกรณีที่คำนามมีการเติมรูปแบบสรรพนามด้านหน้า เราจะเติม s es หลังคำนาม เพื่อสร้างพหูพจน์ ตัวอย่างเช่น
– myself (ตัวฉัน) เติม s es จะได้ myselfs (ตัวฉันหลายคน)
– yourself (ตัวเอง) เติม s es จะได้ yourselfs (ตัวเองหลายคน)
– oneself (ตัวเอง) เติม s es จะได้ oneselfs (ตัวเองหลายคน)
การเติม s es กับคำนามที่มีการเปลี่ยนเสียงประสมเป็นสระเพื่อต่อท้ายด้วย es
ในกรณีที่คำนามมีการเปลี่ยนเสียงประสมเป็นสระ และต่อท้ายด้วย es เราจะเติม es หลังคำนาม เพื่อสร้างพหูพจน์ ตัวอย่างเช่น
– potato (มันฝรั่ง) เติม es จะได้ potatoes (มันฝรั่งหลายลูก)
– tomato (มะเขือเทศ) เติม es จะได้ tomatoes (มะเขือเทศหลายลูก)
การเติม s es กับคำนามซึ่งเป็นคำสากลเวทย์มนตร์หรือเมื่อเป็นกรณีพิเศษ
ในกรณีที่เป็นคำสากลเวทย์มนตร์ เราจะเติม s es ในการสร้างพหูพจน์ ตัวอย่างเช่น
– witch (แม่มด) เติม es จะได้ witches (แม่มดหลายคน)
– prince (เจ้าชาย) เติม s es จะได้ princes (เจ้าชายหลายคน)
ผลรวมของการเติม s es คำนามคือเพิ่มพจน์ให้คำนามแสดงถึงความเป็นหลากหลาย จำนวน หรือค่าคบของคำนามนั้นๆ ในประโยค ตัวอย่างเช่น
– The cats are cute. (แมวมีนิสัยน่ารัก)
– I have two watches. (ฉันมีนาฬิกา 2 ตัว)
– The books on the shelf are interesting. (หนังสือบนชั้นวางน่าสนใจ)
แบบฝึกหัดการเติม s es ies หลังคำกริยา
1. He always __________ (wash) his hands before a meal.
2. The dog __________ (bark) loudly at the stranger.
3. She __________ (push) the door to open it.
4. The baby __________ (cry) when she’s tired.
5. The teacher __________ (teach) Math and Science.
6. We __________ (fix) the broken window ourselves.
7. The bird __________ (fly) from one tree to another.
8. I __________ (finish) my homework before dinner.
9. They __________ (watch) their favorite TV show every night.
10. You __________ (brush) your teeth twice a day.
การเติม s es ies หลังคำกริยา
ในการใช้รูปพหูพจน์ของคำกริยา ถ้าเราใช้กริยาใน present simple tense กับประธานเป็นสรรพนามบุรุษ เราต้องเติม s หลังกริยา เช่น
– He walks to work every day. (เขาเดินไปทำงานทุกวัน)
– She reads books before bed. (เธออ่านหนังสือก่อนนอน)
– The teacher teaches English at the school. (ครูสอนภาษาอังกฤษที่โรงเรียน)
หลักการเติม s es หลังคำกริยา
ตามหลักการเติม s es หลังคำกริยา ถ้าคำกริยาลงท้ายด้วย s, sh, ch, x, z เราต้องเติม es แทนที่ s เพื่อให้รู้ว่าเป็นประธานเอกพจน์ใน present simple tense ดังตัวอย่างนี้
– He catches the bus to work. (เขาติดตามรถเมล์ไปทำงาน)
– She dresses nicely for the party. (เธอแต่งตัวสวยงามสำหรับงานเลี้ยง)
– He fixes the broken computer. (เขาซ่อมคอมพิวเตอร์ที่เสีย)
การเติม s es หลังคำกริยาประธาน เอกพจน์
เมื่อคำกริยาประธานของประโยคเป็นเหมือน จำนวนเงิน ค่าเวลา เราต้องเติม s หลังคำกริยา เพื่อให้รู้ว่าเป็นประธานใน present simple tense ตัวอย่างเช่น
– 10 dollars is expensive for a meal. (10 ดอลลาร์นั้นแพงสำหรับอาหาร)
– Two hours is enough time for the movie. (สองชั่วโมงเพียงพอสำหรับภาพยนตร์)
เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม es
ถ้าคำประธานลงท้ายด้วย y และมีพยัญชนะอยู่ก่อน y เราจะเปลี่ยน y เป็น i และเติม es หลังคำกริยา เพื่อสร้างพหูพจน์ ดังตัวอย่างนี้
– He tries to study every day. (เขาพยายามเรียนทุกวัน)
– She flies to Thailand for the holiday. (เธอบินไปประเทศไทยในช่วงวันหยุด)
– The baby cries when she’s hungry. (ทารกร้องไ
วิธีเติม S, Es สำหรับคำนามและคำกริยา
คำสำคัญที่ผู้ใช้ค้นหา: การเติม s es คํานาม การเติม s es ในประโยค present simple tense, การเติม s es ในประโยค, หลักการเติม s es หลังคํากริยา, การเติม s es ประธาน, เอกพจน์ เติม s, แบบฝึกหัดการเติม s es ies หลังคํากริยา, การเติม s es ies หลังคํากริยา, เปลี่ยนyเป็นiแล้วเติมes
รูปภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ การเติม s es คํานาม
หมวดหมู่: Top 89 การเติม S Es คํานาม
ดูเพิ่มเติมที่นี่: lasbeautyvn.com
การเติม S Es ในประโยค Present Simple Tense
การใช้คำกริยาในประโยคภาษาอังกฤษมีกฎเป็นพิเศษ โดยส่วนใหญ่เราต้องเติม s หรือ es ให้กับกริยาในประโยค Present Simple Tense เมื่อกริยาอยู่ในรูปที่สามของบุคคลที่สามเพียงแค่บุคคลเพียงคนเดียว หรือคำกริยาสรรพนามแบบที่หมายถึงบุคคลเดียว ดังนั้นในบทความนี้เราจะพาคุณสำรวจหลักการเติม s และ es ในประโยค Present Simple Tense ในภาษาไทยอย่างละเอียดอีกทั้งข้อความถามที่พบบ่อยในส่วนท้ายของบทความนี้
หลักการเติม s และ es ในประโยค Present Simple Tense สำหรับกริยาทั่วไป
กฎของการเติม s ในประโยค Present Simple Tense คือ สรรพนามรูปเดียวและชื่อบุคคลที่สามต้องเติม s หรือ es ให้กับกริยา ในกรณีที่กริยาประกอบด้วย s, ss, sh, ch, x หรือ o ที่ออกเสียง [oʊ] เราต้องเติม es แทน s เพื่อให้เกิดคำออกเสียงได้ถูกต้อง ต่อไปนี้คือตัวอย่างการใช้กฎดังกล่าว:
– She watches TV every day. (เธอดูทีวีทุกวัน)
– He kisses his wife before leaving. (เขาจูบภรรยาก่อนออกจากบ้าน)
– The cat catches mice in the garden. (แมวจับหนูในสวน)
นอกจากนี้ กริยาที่ลงท้ายด้วย y ของรูปหนึ่งซึ่งมีสระต้นเสียง a, e, i, o, u และมี h, s, ch, sh, x ต่อท้ายจะต้องเติม es เพื่อให้เกิดคำออกเสียงถูกต้อง ส่วนในกรณีที่ไม่ตรงกับเงื่อนไขนี้ เราเติม s เพื่อเกิดคำออกเสียงได้ถูกต้อง ตัวอย่างการใช้กฎดังกล่าว:
– He flies to Bangkok every month. (เขาบินไปกรุงเทพทุกเดือน)
– My sister studies French at college. (น้องสาวฉันเรียนภาษาฝรั่งเศสที่มหาวิทยาลัย)
– The boys play football in the park. (เด็กผู้ชายเล่นฟุตบอลในสวนสาธารณะ)
กรณีที่พบบ่อย
แม้ว่ากฎการเติม s และ es ในประโยค Present Simple Tense จะเป็นเรื่องง่ายต่อการศึกษา แต่ยังมีบางกรณีที่เกิดความสับสนได้ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ นี่คือคำถามที่พบบ่อยในส่วนท้ายของบทความนี้:
คำถามที่ 1: ใช้กฎใดเมื่อต้องรวมกริยากับ s หรือ es?
คำตอบ: กฎง่ายสำหรับการรวบรวมกริยากับ s หรือ es ในประโยค Present Simple Tense คือ เราต้องตรวจสอบว่ากริยาที่เราใช้อยู่เป็นรูปแปดของตัวเลข หรือถ้าไม่ใช่รูปแปดต้องใช้กริยาโดยตรง
คำถามที่ 2: มีกฎพิเศษเกี่ยวกับกริยาต่างประเทศหรือไม่?
คำตอบ: ใช่ กริยาต่างประเทศจะมีการเติม s หรือ es ตามกฎเฉพาะเพื่อให้เกิดคำออกเสียงได้ถูกต้อง ตัวอย่างเช่น: tomato – tomatoes, potato – potatoes, quiz – quizzes
คำถามที่ 3: ใช้ s หรือ es ในกรณีที่กริยาตัวหน้าเป็นกริยากรรมที่เป็นรูปกาลนาม?
คำตอบ: ใช้ s หรือ es กับกริยาตัวหน้าและก่อนคำกริยากรรม ยกเว้นกริยาประเภท to be (am, is, are) ที่ไม่ต้องการการเติม s หรือ es
คำถามที่ 4: แบบเติม s หรือ es ได้อย่างไรเมื่อหลายวรรคกับกริยาเล็กน้อยมีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน?
คำตอบ: ในกรณีที่จำเป็นต้องกฎว่าการใช้ s หรือ es คือ ใช้กริยาในคำถามเพิ่มเติมหรือประโยคที่ให้เติมกริยาหลักตามด้วยสรรพนามส่วนกรรม เช่น She likes apples, but he does not. กรุณาทราบว่าในกรณีนี้เราไม่ต้องเติม s หรือ es ให้กับกริยาหลัก
คำถามที่ 5: เราสามารถใช้กริยาในประโยค Present Simple Tense โดยไม่ต้องเติม s หรือ es ได้หรือไม่?
คำตอบ: ใช่ มีกรณียกเว้นบางกรณีที่ไม่ต้องเติม s หรือ es ทั้งนี้เพื่อทำให้คำกริยาเกิดคำออกเสียงถูกต้อง
การเติม s และ es ในประโยค Present Simple Tense ในภาษาไทยทำให้เราสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้องและเป็นระเบียบ แม้ว่ามันอาจมีกฎกลเมื่อเทียบกับภาษาไทยของเรา เพื่อให้มั่นใจว่าเราใช้กฎนี้ได้อย่างถูกต้อง ควรฝึกปฏิบัติหลายครั้งและศึกษาตัวอย่างเพื่อเข้าใจดีกว่า
การเติม S Es ในประโยค
ในภาษาไทย การเติม s es เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฎไวยากรณ์โดยเฉพาะกับการใช้รูปกริยาที่มีเวลาปัจจุบันที่สามที่เพื่อแสดงให้เห็นถึงการกระทำที่เป็นประจำหรือเกิดขึ้นบ่อย ๆ ในปัจจุบัน รูปธรรมดาของกริยาที่ใช้ในประโยคโดยทั่วไป แต่จัดเป็นกริยาแบบประโยคไม่รู้เวลา Present Simple Tense นั้นสามารถเติม s es ถึงประโยคปกติ แต่แต่ละกริยาก็มีกฎเฉพาะที่สำหรับการเติม s es ที่ต่างกันออกไป
กฎสำหรับการเติม s es ในภาษาไทยมีดังนี้
1. กริยาที่ลงท้ายด้วย sh, x, s, ch ในการใช้ในรูปกริยาอย่างกำหนด เช่น wash (ล้าง), fix (ซ่อม), pass (ผ่าน), teach (สอน) ต้องเติม s es เข้าไปเพื่อเป็นรูปกริยาที่ถูกต้อง เช่น washes (ล้าง), fixes (ซ่อม), passes (ผ่าน), teaches (สอน)
2. กริยาที่ลงท้ายด้วย o ที่ใช้กับกริยาที่ลงท้ายด้วยสระสายล่างเช่น go (ไป), do (ทำ), echo (สะท้อน) ส่วนใหญ่จะต้องเติม es เข้าไปเพื่อให้เป็นรูปกริยาที่ถูกต้อง เช่น goes (ไป), does (ทำ), echoes (สะท้อน)
3. กริยาที่ลงท้ายด้วย y เมื่อคำนี้อยู่หน้าสระสายล่างเช่น play (เล่น), say (พูด), enjoy (สนุก) หรือหลังสระสายล่างก่อนให้สระสายล่างคำนี้เป็นสระสายวรรณยุกต์เช่น cry (ร้อง), study (เรียน) ต้องเปลี่ยน y เป็น ies เพื่อสร้างรูปกริยาที่ถูกต้อง เช่น plays (เล่น), says (พูด), enjoys (สนุก), cries (ร้อง), studies (เรียน)
การใช้งานรูปกริยาที่เติม s es ในประโยค
เมื่อกริยาถูกเติม s es แล้ว เราต้องใช้นามกริยาที่เป็นกรณีกริยา เพื่อเข้ากับกริยาในประโยค พูดง่าย ๆ คือถ้ากริยาเป็นกรณีกริยา คำที่เป็นกริยาที่ถูกเติม s es จะต้องกลายเป็นกรณีที่ขึ้นต้นด้วย s es ด้วย
ตัวอย่างการใช้งานในประโยค:
1. She washes the dishes every evening. (เธอล้างจานทุกคืน)
2. He fixes cars at the mechanic shop. (เขาซ่อมรถที่อู่รถ)
3. David passes his driving test. (เดวิดผ่านสอบขับรถ)
4. The teacher teaches English at the university. (ครูสอนภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัย)
FAQs (คำถามที่พบบ่อย)
Q1: การเติม s es ในกริยาสามารถเปลี่ยนรูปอื่น ๆ เช่น ed, ing ได้หรือไม่?
A1: ในกรณีของการเติม s es เพื่อแสดงกริยาในเวลาปัจจุบันเท่านั้น ไม่สามารถเปลี่ยนให้เป็นรูปอื่น ๆ เช่น ed (กริยาในอดีต) หรือ ing (กริยาที่กำลังเกิดขึ้น) ได้
Q2: ว่ายังไงถึงจะรู้ว่าต้องเติม s es ในกริยา?
A2: การเติม s es ในกริยามีกฎเฉพาะที่มีข้อยกเว้นบางอย่าง แต่วิธีที่ดีที่สุดคือให้ศึกษาและฝึกฝนใช้กริยาในรูปกริยาปกติและกริยาที่เติม s es แล้ว จะทราบรูปที่ถูกต้องตามประโยค
Q3: กรณีอื่น ๆ ที่ควรรู้เกี่ยวกับการเติม s es ในกริยาในภาษาไทยมีอะไรบ้าง?
A3: ที่จะใช้และเติม s es ในกริยาในประโยค ต้องสังเกตหากเป็นกริยาในภาษาอังกฤษที่ไม่ต้องการเติม s es เช่น play (เล่น), say (พูด), buy (ซื้อ), eat (กิน) ไม่ต้องใช้รูปในประโยค A player plays in the match. (นักแข่งเล่นในการแข่งขัน)
การเติม s es ในประโยคในภาษาไทยเป็นเรื่องไวยากรณ์ที่สำคัญในการเรียนรู้และใช้ประกอบการสื่อสารทั้งในที่กำกับและไม่กำกับ โดยเราควรศึกษากฎและฝึกใช้ในปฏิบัติจริง เพื่อสร้างประโยชน์ให้เพิ่มขึ้นในการใช้งานภาษาไทย
หลักการเติม S Es หลังคํากริยา
ในภาษาไทย เรามักจะใส่ s หรือ es หลังคำกริยาเพื่อแสดงสถานะของคำกริยา ว่าเป็นกริยาในช่วงปัจจุบันอยู่หรือไม่หรือว่าอยู่ในรูปแบบอื่นๆ เพื่อให้ปรากฏสมบัติทางความรู้สึก หรือช่วยให้เข้าใจได้ง่ายและถูกต้องยิ่งขึ้น หลักการนี้พบเห็นได้บ่อยๆ ในประโยคภาษาไทยราว ๆ ไปพร้อมกับคู่กริยา โดยคู่กริยาคือคำที่ใช้บ่อย ๆในแต่ละการสนทนา
ทำไมถึงต้องใช้ s หรือ es หลังคำกริยาในภาษาไทย?
ในภาษาไทย การใช้ s หรือ es หลังคำกริยามีบทบาทสำคัญในการเติมคำต่อท้ายคำกริยา เป็นการแสดงให้เห็นถึงคำกริยาในช่วงปัจจุบัน ความสนุกสนาน ความสนใจ ความยินดี เป็นต้น ซึ่งการใช้ s หรือ es แตกต่างกันไปตามคำกริยา
การเติม s หลังคำกริยา
เมื่อเติม s หลังคำกริยา แสดงถึงหลายมิติ มีกรณีที่สามารถเติม s ได้แก่
1. การใช้กริยาในรูปแบบปัจจุบันที่ทำตามกรรม ทำให้บ่งบอกว่ากริยาเกิดขึ้นในขณะนี้ เช่น เขาเดิน (He walks)
2. การใช้กริยาในรูปแบบสาธารณะ ไม่มีการแจ่มใส ไม่ต้องระมัดระวังเรื่องตลกรูปแบบกริยา ทำให้บ่งบอกความยั่งยืน เช่น เขาวิ่ง (He runs)
3. การใช้กรรมแสดงถึงความเป็นอนุชน ซึ่งจะมีตำหนิ หรือรู้สึกชื่นใจแบบเสียโอกาส เช่น เขาทำผิด (He makes mistakes)
ในทางกลับกัน มีกรณีที่ไม่ควรเติม s หลังคำกริยา ได้แก่
1. การใช้กริยาในรูปแบบอนุกรม ไม่มีกรรม ซึ่งบ่งบอกถึงรูปแบบโดยรวม เช่น เขายินดี (He is happy)
2. คำกริยาที่ผันแตกต่าง ต้องเก็บรวมอีกมากมาย ถึงแม้ว่าจะไม่ถูกระบุว่าใช้ s หรือ es จะต้องใช้หรือไม่ เช่น เขาออกไป (He goes out)
การเติม es หลังคำกริยา
การเติม es หลังคำกริยามอบอุ่นและเปลี่ยนแปลงความหมายให้กริยา การใช้ es นั้นมักแสดงสถานะเฉพาะที่ต่าง ๆ เช่น
1. การใช้เพื่อเปลี่ยนคำกริยาให้เป็นรูปร่างหรือของว่างที่นับที่พยางค์เดียว เช่น เขาว่างงาน (He has no job)
2. การใช้เพื่อเปลี่ยนคำกริยาให้เป็นรูปแบบคำนามหรือคำประเภทแบบสแตนด์อโลนด้วยกริยา เช่น เขาเป็นคนอาบน้ำ (He takes a shower)
3. การใช้เพื่อเปลี่ยนคำกริยาให้เป็นรูปแบบคำคุณศัพท์แบบครอบคลุมและแสดงคุณลักษณะที่มีการเปรียบเทียบเพิ่มเติม เช่น เขาเป็นคนแข็งแรง (He is strong)
การใช้ es หลังคำกริยาเกี่ยวกับสะกดเสียง โดยทั่วไปก็คือเลขจำนวนเอกสารเกินหนึ่ง เช่น
1. กริยาที่ลงท้ายด้วย sh, ch, ss, x, และ ตามหลังที่มีเสียงเสียง s, sh, ch, x เช่น watches, catches, kisses
2. กริยาที่ลงท้ายด้วย y, และก่อนตัวสะกดเสียง y เป็นสระ โดยเพิ่มเติมเป็น es เช่น flies, cries
FAQs
Q: ทำไมต้องใช้ s หรือ es หลังคำกริยาในภาษาไทย?
A: การใช้ s หรือ es หลังคำกริยาในภาษาไทยมีบทบาทสำคัญในการแสดงถึงสถานะของคำกริยา เช่น กริยาในช่วงปัจจุบัน ความสนุกสนาน ความสนใจ ความยินดี เป็นต้น
Q: การเติม s หรือ es นี้มีบทบาทอะไรบ้าง?
A: การเติม s หรือ es หลังคำกริยามีบทบาทในการแสดงทั้งความสนุกสนาน ความสนใจ ความยินดี ความเป็นอนุชน รวมถึงเปลี่ยนแปลงความหมายของคำกริยา
Q: ฉันควรใช้ s หรือ es หลังคำกริยาเมื่อไหร่?
A: คุณควรใช้ s หรือ es หลังคำกริยาเมื่อคุณต้องการแสดงถึงสถานะหรือคุณลักษณะทางความรู้สึกของคำกริยาในปัจจุบัน
Q: ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมบางคำกริยาต้องเติม es นะ?
A: บางคำกริยาต้องเติม es เพื่อเป็นการเปลี่ยนแปลงความหมายของคำกริยาเพิ่มเติม เช่น เขาว่างงาน (He has no job)
Q: ฉันควรเติม s หรือ es หนึ่งชนิดได้หรือไม่?
A: ใช่ คุณสามารถเติม s หรือ es หลังคำกริยาโดยปรับใช้ตามบทบาทและสถานะของคำกริยาแต่ละกรณี
พบ 15 ภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ การเติม s es คํานาม.
ลิงค์บทความ: การเติม s es คํานาม.
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโพสต์หัวข้อนี้ การเติม s es คํานาม.
- หลักการเติม s และ es หลังคำนาม พร้อมตัวอย่าง | Meowdemy
- หลักการเติม s es คํานาม กฎการเติม s เพื่อเปลี่ยนเอกพจน์ เป็น …
- วิธีเปลี่ยนคำนามเอกพจน์เป็นคำนามพหูพจน์ การเติม s es ในภาษา …
- หลักการเติม s และ es หลังกริยา – Engduo Thailand
- คำนามภาษาอังกฤษ เติม s, es ดูยังไง? – eng a wink
- คํานามเอกพจน์และคำนามพหูพจน์ | EF | ประเทศไทย
- หลักการเติม s หรือ es เปลี่ยน เอกพจน์ ให้เป็น พหูพจน์ ไวยากรณ์ …
- 3.1 คำนาม (Noun) – 14212 English Grammar in Use
- Present Simple Tense – For you English Insight
ดูเพิ่มเติม: https://lasbeautyvn.com/category/digital-studios