Top 22 การใช้ Present Perfect Continuous Update

การใช้ Present Perfect Continuous Tense เป็นหนึ่งในรูปของ Tenses ในภาษาอังกฤษที่เอื้อต่อการอธิบายอนาคตที่เกี่ยวกับเหตุการณ์หรือสภาวะที่เริ่มขึ้นในอดีตและยังคงต่อเนื่องอยู่ในปัจจุบัน ในบทความนี้เราจะศึกษาเกี่ยวกับวิธีการใช้ Present Perfect Continuous Tense ในภาษาไทย รวมถึงตัวอย่างประโยคและคำถามที่เกี่ยวข้องกับ Tenses นี้

Present Perfect Continuous Tense ใช้ในกรณีที่เราต้องการพูดถึงเหตุการณ์เรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ไม่กำหนดได้ โดยเน้นไปที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาเร็ว เมื่อเราพูดถึงมันและยังคงต่อเนื่องอยู่ในปัจจุบัน เช่น “I have been studying all night” (ฉันเรียนมาตลอดคืน) ในประโยคนี้ เราจะเน้นที่การเรียนรู้ที่เกิดขึ้นมาตลอดคืนซึ่งยังคงเรียนอยู่ในปัจจุบัน

ตัวอย่างประโยค Present Perfect Continuous Tense:
– I have been running for two hours. (ฉันได้วิ่งมาแล้วสองชั่วโมง)
– She has been working on the project since yesterday. (เธอได้ทำงานโครงการตั้งแต่เมื่อวานนี้)
– They have been waiting for the bus since morning. (พวกเขาได้รอรถเมล์ตั้งแต่เช้า)

โครงสร้างประโยค Present Perfect Continuous Tense จะประกอบด้วย:
– Subject + have/has + been + Ving (Verb + ing) + Object

การใช้ Present Perfect Continuous Tense ยังเหมาะสำหรับอธิบายระยะเวลาที่เราเริ่มเรียนรู้หรือทำอะไรบางอย่างเช่น “I have been learning French for six months” (ฉันเรียนภาษาฝรั่งเศสมาเป็นเวลาหกเดือนแล้ว) เน้นไปที่เริ่มขึ้นในอดีตและยังคงต่อเนื่องในปัจจุบัน

ตัวอย่างประโยค Present Perfect Continuous Tense:
– She has been studying English for three years. (เธอได้เรียนภาษาอังกฤษมาสามปี)
– He has been playing the piano since he was a child. (เขาเริ่มเล่นเปียโนตั้งแต่เขาเป็นเด็ก)

เรายังสามารถใช้ Present Perfect Continuous Tense เพื่ออธิบายความรู้สึกหรือสภาวะทางจิตใจที่เกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ เช่น “I have been feeling tired lately” (ผมรู้สึกเหนื่อยล่าสุด) ในประโยคนี้ เรากล่าวถึงสภาวะทางจิตใจที่ผ่านมาเร็ว ๆ นี้ และยังคงเกิดขึ้นอยู่ในขณะปัจจุบัน

ตัวอย่างประโยค Present Perfect Continuous Tense:
– They have been feeling happy since they met. (พวกเขารู้สึกมีความสุขตั้งแต่พวกเขาพบกัน)
– We have been worrying about you all day. (เรากังวลเกี่ยวกับคุณตลอดวัน)

Present Perfect Continuous Tense ยังสามารถใช้อธิบายการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ไม่กำหนดได้ เช่น “The city has been growing rapidly in the last decade” (เมืองได้เติบโตอย่างรวดเร็วใน 10 ปีที่ผ่านมา) ในประโยคนี้ เรากล่าวถึงการเติบโตที่เกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็วในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาและยังคงต่อเนื่องอยู่ในปัจจุบัน

ตัวอย่างประโยค Present Perfect Continuous Tense:
– She has been living in New York for five years. (เธอได้อาศัยอยู่ในนิวยอร์กมาห้าปี)
– They have been working on this project since January. (พวกเขากำลังทำงานโครงการนี้ตั้งแต่มกราคม)

Present Perfect Continuous Tense ยังเหมาะสำหรับอธิบายการกระทำที่เกิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงปัจจุบัน เพื่อให้ความรู้สึกว่ายังคงเกิดขึ้นในขณะพูดถึง เช่น “She has been painting all day” (เธอได้ทำการระบายสีจากตอนเช้าจนถึงตอนนี้) ในประโยคนี้ เรากล่าวถึงการระบายสีที่เรียกเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนเช้าและยังคงเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน

ตัวอย่างประโยค Present Perfect Continuous Tense:
– He has been studying for his exams all night. (เขาเรียนเตรียมการสอบมาตลอดคืน)
– We have been waiting for you since morning. (เราได้รอคุณตั้งแต่เช้า)

Present Perfect Continuous Tense ยังเหมาะสำหรับอธิบายการกระทำที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ หรือเป็นประจำ และยังคงต่อเนื่องในปัจจุบัน เช่น “He has been smoking since he was a teenager” (เขาสูบบุหรี่ตั้งแต่เขาเป็นเด็กผู้ชาย) ในประโยคนี้ เรากล่าวถึงการสูบบุหรี่ที่เป็นประจำเกี่ยวกับเ

ประโยคปัจจุบันเสริมคงที่ (Present Perfect Continuous) เป็นหนึ่งในกริยาอีกแบบหนึ่งที่นิยมใช้ในภาษาอังกฤษ เราใช้กริยาช่วย “have/has been” ร่วมกับกริยาดั้งเดิมแล้วตามด้วย “-ing” เช่น “I have been studying” หรือ “She has been working.” ในภาษาไทย ประโยคปัจจุบันเสริมคงที่แสดงถึงเหตุการณ์หรือกระบวนการที่เริ่มขึ้นเมื่อตอนใดก่อนหน้านี้ และยังคงอยู่ในปัจจุบันเป็นเวลานาน ซึ่งตัวอย่างประโยคหลายรูปแบบจะมอบความหมายที่ชัดเจนขึ้นให้เราเข้าใจและใช้ประโยคได้อย่างถูกต้อง

1. I have been waiting for my friend for two hours.
ผมรอเพื่อนมาสองชั่วโมงแล้ว
ในประโยคนี้ การใช้ประโยคปัจจุบันเสริมคงที่เน้นสถานะการรอเพื่อนในช่วงเวลานาน และยังคงรอได้อีก เพื่อนยังไม่มาถึง

2. He has been practicing the piano all afternoon.
เขาซ้อมเปียโนตั้งแต่บ่าย
ในกรณีนี้ประโยคนั้นแสดงถึงการทำกิจกรรมในช่วงเวลาหนึ่ง และยังคงทำต่อไป

3. They have been living in London since 2010.
พวกเขาอาศัยอยู่ในลอนดอนตั้งแต่ปี 2010
ประโยคนี้เน้นยานพาหนะในบางขณะที่ยังคงอยู่ในลอนดอนตั้งแต่ปี 2010

4. We have been watching the movie for two hours.
เราดูภาพยนตร์มาสองชั่วโมงแล้ว
ในประโยคแสดงถึงเวลาในการดูภาพยนตร์ที่ยาวนานและยังคงดูต่อไป

5. She has been studying English for many years.
เธอศึกษาภาษาอังกฤษมาหลายปีแล้ว
ในประโยคนี้การใช้ประโยคปัจจุบันเสริมคงที่เน้นการเรียนรู้ที่ยาวนานและยังคงศึกษาอยู่ในปัจจุบัน

คำถามที่พบบ่อย (FAQs) เกี่ยวกับประโยคปัจจุบันเสริมคงที่

คำถามที่ 1: แตกต่างกันอย่างไรระหว่างประโยคปัจจุบันเสริมคงที่ (present perfect continuous) กับ ประโยคปัจจุบันเสริมพื้นฐาน (present perfect) ?

ประโยคปัจจุบันเสริมคงที่ใช้เมื่อต้องการให้ความชัดเจนเกี่ยวกับกระบวนการที่เริ่มขึ้นในช่วงเวลาผ่านมาและยังคงดำเนินไปอยู่ในปัจจุบัน ว่าคนหรือสิ่งของไหนทำอะไรก่อนหน้านี้ และยังคงทำอยู่ในตอนนี้ เช่น “He has been playing soccer since 6 a.m.” (เขาเล่นฟุตบอลตั้งแต่เวลา 6 โมงเช้า) ในขณะเดียวกัน ประโยคปัจจุบันเสริมพื้นฐานใช้เมื่อต้องการให้ความสำคัญกับข้อมูลเกี่ยวกับสถานะหรือประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต แต่ไม่ได้อธิบายถึงช่วงเวลาที่เกิดขึ้น เช่น “She has learned German.” (เธอเรียนรู้ภาษาเยอรมัน)

คำถามที่ 2: เราจะใช้ประโยคปัจจุบันเสริมคงที่อย่างไรในภาษาไทย?

ในภาษาไทย หากเราต้องการแสดงถึงกระบวนการหรือสถานะที่มีการเกิดขึ้นเมื่อตอนใดก่อนหน้านี้ และยังคงมีอยู่ในปัจจุบันเราสามารถใช้คำเริ่มต้นเป็น “ได้” หรือ “ยังคง” ตามด้วยกริยา “อยู่” ร่วมกับ “-อยู่อย่างต่อเนื่อง” เช่น “เขาอยู่ที่บ้าน” หรือ “ฉันอยู่ในห้องนอน” ซึ่งผลลัพธ์ของประโยคจะเป็นอย่างไร จะขึ้นอยู่กับความหมายของคำตามความสนใจของเจ้าของประโยค

คำถามที่ 3: ทำไมถึงต้องใช้ประโยคปัจจุบันเสริมคงที่ แทนที่จะใช้ประโยคปัจจุบันเสริมพื้นฐาน?

การใช้ประโยคปัจจุบันเสริมคงที่ ช่วยให้เราสามารถประกาศถึงภาวะหรือสถานการณ์ที่ยาวนานและยังคงมีอยู่ในปัจจุบันได้อย่างชัดเจน โดยไม่จำเป็นต้องระบุ Ex: “I have been waiting for the bus for an hour.” (ฉันยังคงรอรถเมล์มาหนึ่งชั่วโมงแล้ว) หากเราใช้ประโยคปัจจุบันเสริมธรรมดา ความหมายจะไม่คล่องตัวและไม่เพียงพอ เช่น “I have waited for the bus for an hour.” (ฉันรอรถเมล์มาหนึ่งชั่วโมงแล้ว) ซึ่งอาจเกิดความสับสนว่าฉันรอมาแล้วผ่านได้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงเมื่อไหร่

ในสรุป ประโยคปัจจุบันเสริมคงที่เป็นกริยาที่มีความหมายที่ชัดเจนในการอธิบายเหตุการณ์หรือกระบวนการที่เกิดขึ้นในอดีตและยังคงดำเนินไปในปัจจุบัน โดยคำตัวอย่างที่กล่าวถึงไปจะช่วยให้เข้าใจการใช้งานของประโยคในรูปแบบต่างๆ และมีคำตอบสำหรับคำถามที่พบบ่อย เพื่อให้การใช้งานประโยคปัจจุบันเสริมคงที่นั้นสอดคล้องกับความหมายและไวยากรณ์ของภาษาอังกฤษ

โครงสร้างประโยค Present Perfect Continuous Tense ในภาษาไทย

ในการศึกษาภาษาอังกฤษ, การเข้าใจและการใช้ประโยคให้ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก และในประเภทประโยคที่ใช้ในภาษาอังกฤษนั้นค่อนข้างมีมากมาย ซึ่งอาจทำให้การเรียนรู้ได้ยุ่งยากบ้างได้ว่า, แต่ประโยคที่เราจะพูดถึงในบทความนี้คือ “Present Perfect Continuous Tense” ซึ่งในภาษาไทยถูกเรียกว่า “โครงสร้างประโยคสมบูรณ์ปัจจุบันถึงไม่สิ้นสุด” ในบทความนี้เราจะมาเรียนรู้เพิ่มเติมเกียวกับโครงสร้างและการใช้งานของประโยคปัจจุบันแบบไม่สิ้นสุดนี้ในภาษาไทย

โครงสร้างของประโยค Present Perfect Continuous Tense แสดงถึงกระบวนการที่เริ่มขึ้นในอดีตและยังคงต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน โดยเน้นเวลาที่ผ่านมาและการกระทำที่ยังคงเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน โครงสร้างของประโยคปัจจุบันแบบไม่สิ้นสุดนี้สามารถเขียนได้ตามรูปนี้:

Subject + has/have + been + verb-ing + time expression

ในบรรยายบอกถึงโครงสร้างของประโยคแบบ Present Perfect Continuous Tense ดังตัวอย่าง:

I have been working on this project for three weeks.
(ผมกำลังทำงานโครงการนี้มาสามสัปดาห์แล้ว)

She has been studying English for two years.
(เธอเรียนภาษาอังกฤษมาสองปีแล้ว)

We have been waiting for the bus for thirty minutes.
(เรารอรถเมล์มาสิบสามสิบนาทีแล้ว)

การใช้ Present Perfect Continuous Tense นั้นมักถูกใช้ในบริบทที่เน้นเวลาที่ผ่านมาและกิจกรรมในปัจจุบันที่ยังคงเกิดขึ้นอยู่ โดยบ่งบอกถึงประสบการณ์หรือการกระทำที่ผ่านมาในบ่วงบริเวณตั้งแต่ช่วงเวลาที่ระบุไปจนถึงปัจจุบัน

นอกจากนี้ ก็สามารถใช้ Present Perfect Continuous Tense เมื่อต้องการจับคู่กับเจ้าของประโยคที่เป็นกริยาช่วย เช่น:

She has been cooking dinner all evening.
(เธอทำใช้บุญเลี้ยงเมื่อเย็นมาทั้งหมด)

I have been repairing the car since this morning.
(ผมซ่อมรถตั้งแต่ตอนเช้า)

ลักษณะของประโยคนี้ให้เราเห็นถึงระยะเวลา การกระทำที่เกิดขึ้นได้ยาวนานหรือเวลาว่างที่ระบุแอบแสดงถึงการกระทำที่มีความต่อเนื่อง, ผลลัพธ์ และความสัมพันธ์กับปัจจัยต่าง ๆ อย่างรุนแรง

นอกจากประโยคได้กล่าวถึงอดีตแล้ว โครงสร้างที่ยังคงอยู่ต่อไปในปัจจุบันส่วนตัวเราต้องมีความสัมพันธ์อยู่กับประโยดโดยตรงหรือแสดงถึงผลสำเร็จ นึกว่าเรามีเศษผลลัพธ์ของกระบวนการอะไรสักอย่างชัดเจน เพื่อประกอบการใช้ Present Perfect Continuous นี้

ตัวอย่างประโยคเพิ่มเติมในการใช้ Present Perfect Continuous Tense:

She has been running, that’s why she’s sweating.
(เธอกำลังวิ่ง ดังนั้นเธอเหงื่อออกมา)

They have been arguing about the project for hours.
(พวกเขาอาจถึงกันเชียวโต๊ะหลังจากในโครงการนี้มาสักชั่วโมงแล้ว)

I have been feeling tired recently.
(ผมรู้สึกเหนื่อยมากๆ ในเร็วๆ นี้)

การใช้ Present Perfect Continuous Tense ในภาษาไทย

ตอนนี้เราได้เรียนรู้ถึงโครงสร้างและประโยคขำงประโยคปัจจุบันแบบไม่สิ้นสุด มาดูการใช้ของโครงสร้างนี้ในประโยคในภาษาไทยบ้าง

เพื่ออธิบายโครงสร้างนี้อย่างมีความมั่นใจ, ลองพิจารณาตัวอย่างนี้:

ตัวอย่างประโยค:
เรามีการจับมือกันเป็นทีมทำงานที่ผ่านมา เราได้เริ่มโครงสร้างไปจนถึงปัจจุบัน

ในภาษาไทยเราสามารถใช้ Present Perfect Continuous Tense ตามตัวอย่างนี้ก็คือ:
เราได้ทำงานด้วยกันมาในทีมนี้

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

1. ความแตกต่างระหว่าง Present Perfect Continuous Tense และ Present Perfect Tense คืออะไร?

ก่อนอื่น, Present Perfect Continuous Tense และ Present Perfect Tense เป็นทั้งคู่ประโยคสำคัญที่ใช้ในการอธิบายเหตุการณ์หรือสถานการณ์ในอดีตหรือที่จากอดีตและยังคงเชื่อมต่อกับปัจจุบัน ความแตกต่างระหว่างทั้งสองคือ Present Perfect Continuous Tense เน้นการกระทำและเวลาที่เราทำกิจกรรมนั้นหลายครั้งเป็นเวลานาน ๆ ในขณะที่ Present Perfect Tense เน้นผลและผลกระทบของกระบวนการบางอย่างในอดีต

ตัวอย่าง:

Present Perfect Continuous Tense: I have been studying English for two hours. (ผมเรียนภาษาอังกฤษมาสองชั่วโมงแล้ว)

Present Perfect Tense: I have studied English for two hours. (ผมเรียนภาษาอังกฤษมาสองชั่วโมงแล้ว)

2. ผลลัพธ์ของการใช้ Present Perfect Continuous Tense คืออะไร?

ผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้ Present Perfect Continuous Tense คือการบ่งบอกถึงการกระทำที่ไม่สิ้นสุดในอดีตและยังคงเกิดขึ้นในปัจจุบัน ด้วยการใช้กริยาช่วย “has/have been” ที่อ้างถึงการกระทำที่ยังคงต่อเนื่องอยู่ นอกจากนี้ยังแสดงถึงระยะเวลาที่กระทำนี้เกิดขึ้น ซึ่งสามารถบ่งบอกถึงความยาวหรือความสัมพันธ์กับปัจจัยอื่น ๆ ได้

3. ในบางกรณี Present Perfect Tense และ Present Perfect Continuous Tense สามารถใช้แทนกันได้หรือไม่?

ใช่, มีบางกรณีที่ Present Perfect Tense และ Present Perfect Continuous Tense สามารถใช้แทนกันได้ แต่ควรระมัดระวังในการใช้เนื่องจากความแตกต่างระหว่างทั้งสอง ต้องคำนึงถึงความหมายและบริบทของประโยคที่มีการใช้ การเปลี่ยนแปลงประโยคอาจส่งผลลัพธ์ให้มีความแตกต่างกันออกไป

4. ประโยคสามารถมีเวลาที่ยืดหยุ่นในการใช้ Present Perfect Continuous Tense หรือไม่?

ใช่, Present Perfect Continuous Tense เป็นบุคลากระยะเวลาที่ยืดหยุ่นมาก แต่จำเป็นต้องแสดงถึงเวลาการกระทำที่ยาวนานหรือการเกิดผลมากขึ้น เช่น ระยะเวลา, จำนวนปีหรือเดือน สำหรับผู้ที่ต้องการบ่งบอกถึงเวลาที่ค่อนข้างสูง จำเป็นต้องใช้เวลาที่มากกว่า 2 ชั่วโมงจึงจะเห็นความสอดคล้องกับระยะเวลาในการใช้งาน Present Perfect Continuous Tense ดังนั้นควรใช้ตรงตามบริบทและความหมายที่ต้องการนำเสนอ

จบ

เพียงนี้คือบทความที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้างประโยค Present Perfect Continuous Tense ในภาษาไทย โครงสร้างนี้สามารถใช้ในการอธิบายกระบวนการในอดีต โดยให้ความสำคัญกับเวลาที่ผ่านมาและการกระทำที่ยังคงเกิดขึ้นในปัจจุบัน หากคุณพยายามปรับใช้และฝึกฝนการใช้ไว้อย่างเหมาะสม คุณจะสามารถใช้ Present Perfect Continuous Tense ให้ถูกต้องและได้ผลลัพธ์ที่ดี

พบ 34 ภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ การใช้ present perfect continuous.