การใช้ Past Continuous: อธิบายการใช้เต็มประโยค

การใช้ Past Continuous ในภาษาไทย

Past Continuous เป็น tense หนึ่งในภาษาอังกฤษที่ใช้ในการอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต เราจะเห็นความแตกต่างระหว่าง Past Continuous กับ Past Simple ดังนี้

เมื่อใช้ Past Simple คำกริยาจะถูกเปลี่ยนแปลงเพียงตัวเดียว แต่ในรูป Past Continuous คำกริยาจะถูกเปลี่ยนแปลงทั้งตัวและกิริยาช่วย เช่น

I was eating dinner at 6 p.m. yesterday. (Past Continuous)
I ate dinner at 6 p.m. yesterday. (Past Simple)

การสร้าง Past Continuous Tense

ในการสร้าง Past Continuous Tense ในภาษาไทย จะต้องใช้คำกริยาช่วยคือ “กำลัง” พร้อมกับกริยา “อยู่” หรือ “เป็น” ตามด้วยคำกริยาหลักที่ใช้ในอดีตแบบ continuous form นั่นคือ “กำลัง” + “อยู่, เป็น” + “V-ing” เช่น

I was watching TV last night. (ฉันกำลังดูทีวีเมื่อคืน)
She was sleeping when the phone rang. (เธอกำลังนอนเมื่อโทรศัพท์ติดเสียง)

วิธีการใช้ Past Continuous Tense ในการอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต

Past Continuous Tense ถูกใช้เมื่อเราต้องการอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและยังคงเกิดต่อเนื่องกันอยู่ หรือในคำอื่น ๆ เรียกได้ว่า “เกิดขึ้นพร้อมกันในอดีต” โดยบางครั้งคำกริยา “อำลึงเปลี่ยนเป็นing” มักเป็นต้นของประโยค เช่น

I was walking in the park when it started raining. (ฉันกำลังเดินในสวนเมื่อฝนตก)
They were having dinner while I was studying. (พวกเขากำลังกินข้าวในขณะที่ฉันกำลังเรียน)

การใช้ Past Continuous Tense เพื่อเปรียบเทียบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกันในอดีต

Past Continuous Tense ยังสามารถใช้ในการเปรียบเทียบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกันในอดีต ด้วยการใช้ ‘while/when + Past Continuous’ เมื่อเราต้องการพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันเดียวกันหรือต่อเนื่องกันในตอนเดียวกัน เช่น

She was dancing while her friends were singing. (เธอกำลังเต้นรำในขณะที่เพื่อนๆ เธอกำลังร้องเพลง)
I was cooking dinner while my husband was washing the dishes. (ฉันกำลังทำอาหารในขณะที่สามีฉันกำลังล้างจาน)

การใช้ Past Continuous Tense เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่ยังไม่สมบูรณ์ในอดีต

Past Continuous Tense ยังสามารถใช้ในการอธิบายเหตุการณ์ที่ยังไม่สมบูรณ์และยังเกิดขึ้นในอดีต โดยจะใช้คำอื่น ๆ เพิ่มเติมและบอกระยะเวลาที่เหตุการณ์ต้องสิ้นสุด เช่น

I was living in Bangkok from 2015 to 2020. (ฉันอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ตั้งแต่ปี 2015 ถึง 2020)
They were studying English for two hours yesterday. (พวกเขากำลังเรียนภาษาอังกฤษเป็นเวลาสองชั่วโมงเมื่อวานนี้)

การใช้ Past Continuous Tense เพื่อเล่าเรื่องราวในอดีต

Past Continuous Tense ยังสามารถใช้เพื่อเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตอีกด้วย ซึ่งเราจะใช้กริยาหลักเป็นกริยาช่วยเพื่อพูดถึงเหตุการณ์หลักที่เกิดขึ้นในอดีต และใช้กริยาหลักว่า “กำลัง” มาดำเนินการ เช่น

I was walking in the park when I saw a dog chasing a cat. (ฉันกำลังเดินในสวนเมื่อฉันเห็นหมาตามล่าแมว)
She was reading a book while she was waiting for her friend. (เธอกำลังอ่านหนังสือในขณะที่เธอรอเพื่อนของเธอ)

การใช้ Past Continuous Tense เพื่อหาสาเหตุและผลในอดีต

Past Continuous Tense ยังสามารถใช้ในการพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและสาเหตุหรือผลที่ที่สิ่งหนึ่งมีต่อสิ่งหนึ่งได้อีกด้วย เช่น

I was running late for work, so I missed the bus. (ฉันมีเวลาสายในการไปทำงานดังนั้นฉันพล่ามาหากับรถเมล์)
He was studying hard for the exam, so he got a high score. (เขาเรียนอย่างหนักเพื่อให้ได้คะแนนสูงในข้อสอบ)

การใช้ Past Continuous Tense ในการพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและที่ยังคงเกิดอยู่ในปัจจุบัน

อีกทั้ง Past Continuous Tense ยังสามารถใช้ในการพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและขณะเดียวกันยังคงเกิดอยู่ในปัจจุบันได้ เราจะใช้ Past Continuous Tense สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและยังเป็นของปัจจุบันเพื่อให้ชัดเจน เช่น

I was waiting for you at the cafe yesterday and I am still waiting for you now. (ฉันรอคุณที่ร้านกาแฟเมื่อวานนี้และฉันยังคงรอคุณอยู่ตอนนี้)
They were playing basketball earlier this morning and they are still playing now. (พวกเขากำลังเล่นบาสเกตบอลตอนเช้า และพวกเขายังคงเล่นอยู่ตอนนี้)

Past Continuous Tense ตัวอย่างประโยค:
1. He was singing a song while I was playing the guitar.
2. They were watching a movie when the power went out.
3. She was dancing in the rain last night.
4. I was cooking dinner when the phone rang.
5. They were swimming in the pool while it was raining.
6. We were walking in the park when we saw a rainbow.
7. He was studying for the test all night.
8. She was talking on the phone when her mother walked in.
9. They were running late for the meeting, so they took a taxi.
10. I was listening to music while I was cleaning the house.
11. He was reading a book while waiting for the bus.
12. She was painting a picture when the doorbell rang.
13. They were playing soccer in the park yesterday.
14. We were having a picnic when it started raining.
15. He was driving to work when he got a flat tire.
16. She was shopping at the mall when she saw her friend.
17. They were talking and laughing at the party last night.
18. I was studying at the library when I met my classmate.
19. He was playing the piano while she was singing.
20. She was sleeping when her alarm clock went off.

Past Perfect เป็น tense หนึ่งในภาษาอังกฤษที่ใช้ในการอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเหตุการณ์ที่เกิดในอดีต เป็นการใช้ “had + V3” หรือ “had + been + V-ing” เช่น

I had seen that movie before. (ฉันเคยดูหนังเรื่องนั้นมาก่อน)
They had been traveling for six hours when they arrived. (พวกเขาเดินทางมาแล้วหกชั่วโมงเมื่อถึง)

Past Perfect Continuous เป็น tense ที่ใช้ในการอธิบายเหตุการณ์ที่มีการเกิดขึ้นเป็นเวลานานและเสร็จสิ้นในกระทู้เวลาในอดีต เราสามารถใช้ “had been + V-ing” เพื่อสร้าง Past Perfect Continuous เช่น

I had been waiting for you for two hours before you arrived. (ฉันรอคุณมาสองชั่วโมงก่อนที่คุณจะมาถึง)
They had been working on the project for a month before it was completed. (พวกเขาทำงานโครงการนั้นเป็นเวลาหนึ่งเดือนก่อนที่จะเสร็จสมบูรณ์)

Past Perfect Tense ตัวอย่างประโยคการใช้ past continuous:
1. I had been studying English for three years before I moved to the United States.
2. She had been working as a nurse before she became a doctor.
3. They had been living in that house for ten years before they decided to sell it.
4. He had been playing the guitar for two hours before his fingers started to hurt.
5. We had been planning the trip for months before we finally went.
6. She had been saving money for a car before she bought one.
7. They had been dating for five years before they got married.
8. He had been practicing the piano for hours before his concert.
9. We had been waiting for the bus for thirty minutes before it finally arrived.
10. She had been cooking dinner for an hour before her guests arrived.
11. They had been working on the project for weeks before it was finished.
12. He had been reading the book for days before he reached the last chapter.
13. We had been studying for the test for weeks before we took it.
14. She had been working at the company for years before she got promoted.
15. They had been living in the city for months before they moved to the countryside.
16. He had been traveling the world for years before he settled down.
17. We had been saving money for a vacation for months before we went.
18. She had been waiting for the train for twenty minutes before it arrived.
19. They had been dating for months before they broke up.
20. He had been walking for hours before he realized he was lost.

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Past Continuous Tense:

1. Past Continuous คืออะไร?
Past Continuous เป็น tense ที่ใช้ในการอ

Past Continuous ใช้ยังไง? เป็นหนึ่งใน tense ในภาษาอังกฤษที่ใช้ในการแสดงถึงเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตที่เป็นตอนกำลังดำเนินอยู่ หรือการเปรียบเทียบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมๆกันในอดีต

เพื่อให้เข้าใจและใช้ Past Continuous ในภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้อง จำเป็นต้องทราบกฎการใช้และความหมายของ Past Continuous ให้เข้าใจดี ซึ่งจะกล่าวถึงในขั้นตอนดังต่อไปนี้

1. กฎการใช้ Past Continuous
Past Continuous ใช้ในการแสดงถึงเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตที่เป็นตอนกำลังดำเนินอยู่ โดยมักใช้ร่วมกับกริยาช่วย “was” หรือ “were” และกริยาที่มี -ing ประกอบ

ตัวอย่างประโยคที่ใช้ Past Continuous:
– I was studying when he called me. (ฉันกำลังเรียนตอนที่เขาโทรหาฉัน)
– They were playing football when it started to rain. (พวกเขากำลังเล่นฟุตบอลตอนที่ฝนตก)

2. วลีที่ใช้ร่วมกับ Past Continuous

2.1. Time expressions (วลีหรือคำบอกเวลา)
Past Continuous สามารถใช้ร่วมกับนานาชนิดของ time expressions เพื่อระบุช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์
– at 8 o’clock last night (เมื่อเวลา 20:00 คืนวันก่อน)
– at this time yesterday (เวลานี้วันก่อน)
– all day (ทั้งวัน)
– while (ขณะที่)
– when (เมื่อ)

ตัวอย่างประโยคที่ใช้ร่วมกับ time expressions:
– He was reading a book at 8 o’clock last night. (เขากำลังอ่านหนังสือเวลา 8 โมงคืนวันก่อน)
– I was sleeping when the phone rang. (ฉันกำลังหลับตอนเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น)
– They were eating dinner when the power went out. (พวกเขากำลังทานอาหารเย็นตอนไฟดับ)

2.2. Action in progress (การกระทำที่กำลังเกิดขึ้น)
Past Continuous สามารถใช้ในกรณีที่ต้องการเล่าเรื่องราวหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตที่เป็นตอนกำลังดำเนินอยู่ เพื่อให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านเข้าใจว่าเหตุการณ์เหล่านั้นกำลังเกิดขึ้นในเวลาใด

ตัวอย่างประโยคที่ใช้เพื่อเล่าเรื่องราว:
– They were dancing and singing all night. (พวกเขาเต้นและร้องเพลงตลอดราตรี)
– I was cooking dinner when she arrived home. (ฉันกำลังทำอาหารเย็นตอนที่เธอถึงบ้าน)
– He was working on the project while his colleagues were relaxing. (เขากำลังทำงานโครงการในขณะที่เพื่อนร่วมงานกำลังพักผ่อน)

3. การเปรียบเทียบเหตุการณ์ที่เกิดต่อเนื่องกันในอดีต

ในบางครั้ง เราอาจต้องใช้ Past Continuous เพื่อเปรียบเทียบเหตุการณ์ที่เกิดพร้อมๆกันในอดีต โดยลักษณะเหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นในตอนกำลังดำเนินอยู่

ตัวอย่างประโยคที่ใช้ในการเปรียบเทียบ:
– She was singing while he was playing the guitar. (เธอร้องเพลงในขณะที่เขาเล่นกีตาร์)
– They were dancing while the band was performing on the stage. (พวกเขาเต้นในขณะที่วงดนตรีกำลังแสดงบนเวที)
– I was writing an email while she was taking a shower. (ฉันเขียนอีเมล์ในขณะที่เธอกำลังอาบน้ำ)

นอกจากกฏพื้นฐานดังกล่าว ยังมี FAQs (Frequently Asked Questions) ที่มักถูกพูดถึงบ่อยๆเกี่ยวกับ Past Continuous ดังนี้

FAQs

1. ทำไมต้องใช้กริยาช่วย “was” และ “were” กับกริยาที่มี -ing ใน Past Continuous?
การใช้เสียงกายอื่นๆ เช่น กริยาช่วย “was” และ “were” เป็นวิธีหนึ่งในการแบ่งเสียงเสียงกายของภาษาอังกฤษ ซึ่งช่วยแยกเวลาอดีตและอนาคตของการกระทำให้เป็นรูปแบบที่ชัดเจน

2. อะไรคือความแตกต่างระหว่าง Past Continuous และ Past Simple?
Past Continuous เน้นการที่เปิดเผยว่าเหตุการณ์หรือสถานการณ์นั้นกำลังเกิดขึ้นในเวลาใดของอดีต ในขณะที่ Past Simple เน้นการเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตแบบสั้นๆโดยไม่มีการเน้นเวลา

3. อะไรคือคำศัพท์ที่ใช้ร่วมกับ Past Continuous บ่อยที่สุด?
คำศัพท์ที่ใช้ร่วมกับ Past Continuous บ่อยที่สุดคือ “while”, “when”, “as”, “as long as”, “at that time” เป็นต้น

4. เมื่อต้องการใช้ Past Continuous และ Past Simple พร้อมกันควรทำอย่างไร?
ในกรณีที่ต้องการใช้ Past Continuous และ Past Simple พร้อมกัน เราสามารถใช้ Past Continuous เพื่อเล่าเรื่องราวหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันในอดีต ในขณะที่ Past Simple ใช้ในเหตุการณ์ที่เป็นหลักหรือเป็นแบบสั้นๆ โดยอาจใช้คำคำถามเพื่อช่วยในการกระทำนี้

ในสรุป Past Continuous ใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตที่เป็นตอนกำลังดำเนินอยู่ หรือการเปรียบเทียบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมๆกันในอดีต สำหรับคำถามหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับ Past Continuous สามารถตรวจสอบในส่วนของ FAQs เพิ่มเติมได้เลย

Past Progressive ใช้กับเหตุการณ์อะไร: สำหรับคนที่มีความรู้เกี่ยวกับภาษาอังกฤษอยู่แล้ว กระบวนการ Past Progressive (หรือ Progressive Past Tense) อาจจะไม่ให้กังวลมากนัก เนื่องจากมันเป็นเจ้าของกลุ่มของกรรมที่สามารถใช้ได้กับเหตุการณ์หลากหลาย ทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและหลายสถานการณ์ที่สมควรนำมาใช้กับกรรมบางประเภท บทความนี้จะทำการอธิบายประการให้เข้าใจในกระบวนการนี้ รวมถึงการนำมาใช้กับเหตุการณ์อะไรบ้าง

บทสนทนาตัวอย่าง:

โรเบิร์ต: “เธอทำอะไรอยู่เมื่อคืนเสียงดังเกินไปแบบนี้?”
เอเลน: “ผมกำลังฟังดนตรีเพลงไทย”
โรเบิร์ต: “ตอนที่เราเข้ามาในห้องนี่เสียงดังยังหายใจไม่เข้า”
เอเลน: “ผมกำลังทำอาหารตอนนั้น”

ในสนทนาดังกล่าว เราสามารถใช้ Past Progressive ในการอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต โดยใช้กรรมในอดีตเป็นตัวเชื่อมกับ Past Progressive เพื่อดึงความสนใจที่เป็นตัวเองในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสมาชิกเดียวกันในขณะนั้น

Past Progressive ใช้กับเหตุการณ์อย่างไร?

Past Progressive เป็นกระบวนการที่ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าปัจจุบันและยังไม่ได้สิ้นสุด เป็นกรรมที่ใช้ในอดีตกำลังเกิดขึ้นเมื่อเหตุการณ์อื่นกำลังเกิดขึ้นในอดีต หรือคำอธิบายเหตุการณ์หรือสถานการณ์ในอดีตที่เราต้องการเน้น

เช่น:
– เธอกำลังงดงามอ่านหนังสืออยู่เมื่อเข้ามาในห้อง
– พ่อกำลังแกว่งสายแข็งลงไปในน้ำตอนที่เจ้าชายเก็บการชกอยู่ โปรดระวัง!
– เรากำลังล้างจานเมื่อเพื่อนเข้ามาแจ้งเราให้รับอาหาร
– ผู้ชายนั้นกำลังร้องเพลงในที่ร้างเมื่อคนอื่นเดินผ่านมา
– ฉันกำลังขู่ฆ่าเบ็ดเตล็ดตอนที่เพื่อนดันประตูเข้ามา

การใช้ Past Progressive สร้างความรู้สึกของเวลา

Past Progressive ยังสามารถใช้เพื่อแสดงความรู้สึกเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต โดยใช้คำอธิบายเพื่อระบายแต่ละช่วงเวลา

เช่น:
– เต็มตึกเป็นไฟเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้น
– ฉันรับรู้ว่ามีคนกำลังตามหาฉันในขณะเปิดโทรทัศน์
– ตอนที่เกาะอยู่บนเกาะ ฉันกำลังมองเห็นฟ้าใสและทะเลสาบระบายอย่างสวยงาม
– ตอนที่เรากำลังเดินทางออกนอกเมือง เราได้เห็นดาวตก

FAQs

1. Past Progressive แตกต่างจาก Past Simple อย่างไร?
Past Progressive ใช้เมื่อเราต้องการเน้นการกระทำหรือเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต โดยใช้กรรมที่ใช้อยู่ในอดีตเป็นตัวเชื่อมกับ Past Progressive ซึ่งต่างจาก Past Simple ที่ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงในอดีต

2. เราใช้ Past Progressive กับการกระทำใดบ้าง?
Past Progressive สามารถใช้กับการกระทำหรือเหตุการณ์ใดก็ได้ที่กำลังเกิดขึ้นในอดีตและยังไม่สิ้นสุด เช่น การฟังเพลง การทำอาหาร การทำงานบ้าน เล่นเกม และอื่น ๆ

3. ใช้กริยาใดกับ Past Progressive?
ในการสร้าง Past Progressive ใช้กริยา “to be” ในรูป Past Tense ตามด้วยกริยาแบบ -ing ของกริยาหลัก เช่น “was watching,” “were eating,” “was running” เป็นต้น

4. หากเราต้องการเน้นกรรมในอดีตควรใช้ข้อความอะไร?
เราสามารถใช้เครื่องหมายคำถาม “What were you doing…?” และตามด้วยกรรมที่ใช้ในอดีตแล้วเสริมด้วย Past Progressive เพื่อเน้นกรรมในอดีต เช่น “What were you doing when I called?”

5. มีวลีการใช้ Past Progressive ที่น่าจับตามองไหม?
ในประโยค “I was sleeping when it started raining,” การใช้ “when” เพื่อระบุขณะที่เหตุการณ์เกิดขึ้นเป็นวลีที่น่าจับตามอง ซึ่งใช้เป็นกรรมเชื่อมระหว่างกรรมที่เกิดขึ้นในอดีตและเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต ตามด้วย Past Progressive

สรุป

Past Progressive ใช้เพื่อกำหนดเหตุการณ์หรือกระทำที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต โดยใช้กรรมที่ใช้อยู่ในอดีตเป็นตัวเชื่อมกับ Past Progressive เพื่อเน้นกรรมหรือกระทำนั้น นอกจากนี้ เรายังสามารถใช้ Past Progressive เพื่อแสดงความรู้สึกหรือวลีระบายเวลาในกระบวนการที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต

สุดท้ายก็อย่าลืมว่า Past Progressive สามารถใช้กับเหตุการณ์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลง การทำอาหาร การเล่นเกม หรือเหตุการณ์ใด ๆ ที่เกิดขึ้นในอดีตและยังไม่สิ้นสุด

ตัวอย่างประโยคใน Past Continuous Tense

Past Continuous Tense เป็น tense ที่ใช้ในภาษาอังกฤษเพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตที่กำลังเกิดขึ้นอยู่เป็นเวลา บทความนี้จะนำเสนอตัวอย่างประโยคที่ใช้ Past Continuous Tense ในภาษาไทยเพื่อให้คุณทราบถึงรูปแบบที่เกิดขึ้นในการส่งเสริมการเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ Tense ที่ต่างๆในอนาคต

1. เรากำลังดูหนังเมื่อฉันโทรมา
(We were watching a movie when I called)

ในประโยคนี้ “We were watching a movie” เป็น Past Continuous Tense ที่บอกเหตุการณ์ที่กำลังดูหนังในอดีต เมื่อ “I called” ก็เกิดเหตุการณ์ของการโทรศัพท์ขึ้น

2. พ่อกับแม่กำลังทำอาหารเมื่อฟ้าเป็นเป็นสีเทา
(My parents were cooking when the sky turned gray)

ประโยคนี้เราใช้ Past Continuous Tense ใน “My parents were cooking” เพื่ออธิบายเหตุการณ์ของการทำอาหารที่กำลังเกิดขึ้นในอดีตในขณะที่ “the sky turned gray” กลายมาเป็นสีเทา

3. เพื่อนของฉันกำลังอ่านหนังสือเมื่อฉันเห็นเขา
(My friend was reading a book when I saw him)

ในประโยคนี้ “My friend was reading a book” เป็น Past Continuous Tense ที่บอกเหตุการณ์ของเพื่อนที่กำลังอ่านหนังสือเมื่อ “I saw him”

4. เกมยูเอสซีกำลังจบตอนที่ฉันเข้ามาเล่น
(The USC game was ending when I joined)

ในประโยคนี้ “The USC game was ending” เป็น Past Continuous Tense ที่บอกเหตุการณ์ของเกมที่กำลังจะจบลงเมื่อ “I joined”

5. เด็กๆกำลังเล่นในสวนเพื่องสาธารณะเมื่อฝนตก
(The children were playing in the park when it started raining)

ในประโยคนี้ “The children were playing in the park” เป็น Past Continuous Tense ที่บอกเหตุการณ์ของเด็กๆที่กำลังเล่นในสวนเพื่องสาธารณะในขณะที่ “it started raining” เริ่มต้นมีฝนตก

6. ผู้ชายนั่งอ่านหนังสือขณะที่รถไฟถ่างจอด
(The man was reading a book when the train stopped)

ในประโยคนี้ “The man was reading a book” เป็น Past Continuous Tense ที่บอกเหตุการณ์ของผู้ชายที่กำลังอ่านหนังสือเมื่อ “the train stopped” หยุด

FAQs เกี่ยวกับ Past Continuous Tense

1. เมื่อควรใช้ Past Continuous Tense?

Past Continuous Tense สามารถใช้เมื่อต้องการอธิบายเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอดีตในขณะที่เหตุการณ์อื่นๆเกิดขึ้นพร้อมกันหรือหลังเหตุการณ์บางอย่างในอดีต

2. ความแตกต่างระหว่าง Past Continuous Tense และ Past Simple Tense คืออะไร?

Past Continuous Tense ใช้เมื่อเราต้องการแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอดีตที่กำลังเกิดขึ้น ในขณะที่ Past Simple Tense ใช้ในการอธิบายเหตุการณ์หรือสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตแต่ไม่จำเป็นต้องให้รายละเอียดอื่นๆ

3. การเติมคำกริยา “be” ไปด้วยตัวกริยาที่ตามมา นั่นคืออะไร?

ใน Past Continuous Tense เราต้องการเติมคำกริยา “be” ไปกับกริยาที่ตามมา เช่น “was” หรือ “were” เพื่อเป็นตัวช่วยในการสร้างกลุ่มกริยาช่วย ซึ่งแสดงถึงการกระทำหรือการเกิดขึ้นในอดีตที่กำลังเกิดขึ้น

4. สีเขียวและหมางเขียวต่างกันอย่างไรในการใช้ Past Continuous Tense?

สีเขียวใน Past Continuous Tense เป็นกริยาช่วยที่เอาไว้ใช้กับกริยาพวกที่ไม่ใช่กริยาที่เปลี่ยนรูปตามหลักทั่วไปนั่นคือกริยาช่วย be (am, is, are) ส่วนหมางเขียวใช้กับกริยาหนึ่งคำเท่านั้น

5. มีกี่ประเภทของประโยคใน Past Continuous Tense?

ใน Past Continuous Tense มี 2 ประเภทของประโยค นั่นคือ Positive Sentence เช่น “She was singing” และNegative Sentence เช่น “He was not driving”

หวังว่าตัวอย่างประโยคที่ให้มาจะช่วยให้คุณเข้าใจและสามารถใช้ Past Continuous Tense ในการสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้องและสะดวกสบาย

รู้จักกับ Past Continuous ในภาษาไทย

Past Continuous เป็นอีกหนึ่งตัวแปรในการใช้งานกริยาของภาษาไทยที่มีความสำคัญสำหรับการเล่าเรื่องราวในอดีต ให้ความหมายในขณะที่เรากำลังทำอะไรพอจะเกิดเหตุการณ์สำคัญที่เราพูดเสร็จสิ้น หรือเรื่องราวนั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นในอดีตอยู่ด้วย ในบทความนี้จะกล่าวถึงการใช้งาน Past Continuous ในภาษาไทยอย่างละเอียดเพื่อให้ทุกคนเข้าใจและใช้งานสร้างประโยชน์ได้อย่างถูกต้อง

การสร้างคำอธิบาย Past Continuous ในภาษาไทยมักจะใช้กริยา “กำลัง” ร่วมกับกริยาหลักในอดีต เช่น กำลังทำ, กำลังไป, กำลังกิน เป็นต้น ตัวอย่างของประโยค Past Continuous ในภาษาไทยคือ “เมื่อวานนี้ฉันกำลังทำการบ้านอยู่” ซึ่งคำว่า “กำลัง” ในประโยคนี้คือการบ่งบอกว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ในขณะที่เหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น เช่นการทำการบ้านในวันเมื่อวานนี้

Past Continuous ในภาษาไทยมีหลายรูปแบบเพื่อใช้ในกรณีต่างๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับเหตุการณ์และตำแหน่งของกริยาหลักในประโยค ในกรณีที่กริยาหลักอยู่ในรูปของ “ทำ” หรือ “ไป” กริยาขยาย “กำลัง” จะมาตามหลังก่อนในลักษณะ “กำลังทำ” หรือ “กำลังไป” เช่น “เมื่อวานนี้ฉันกำลังทำการบ้านอยู่” หรือ “คุณกำลังไปตลาดอยู่ใช่ไหม”

อีกกรณีหนึ่งที่ใช้ Past Continuous ในภาษาไทยคือในกรณีที่เราต้องการเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต โดยเราจะใช้ประโยคจำนวน 2 ประโยค เช่น “เมื่อวานนี้มีฝนตก” และ “ฉันกำลังเดินอยู่นอกบ้าน” หากต้องการรวมเรื่องราวเหล่านี้เข้าด้วยกัน เราจะใช้หน้าที่สร้างกริยาขยาย “กำลัง” ในกริยาหลักทั้งสองประโยค เช่น “เมื่อวานนี้มีฝนตกในขณะที่ฉันกำลังเดินอยู่นอกบ้าน”

นอกเหนือจากการใช้ Past Continuous ในกรณีเล่าเรื่องราว เรายังสามารถใช้มันในการสอบถามเกี่ยวกับประวัติที่เกิดขึ้นอยู่กับคู่สนทนาได้อีกด้วย ด้วยคำถามทีมีลักษณะเริ่มต้นด้วยคำถามที่ใช้ “สู้ “- แสดงถึงเหตุการณ์เฉพาะที่เกิดขึ้นในอดีต เช่น “คุณกำลังกินอะไรอยู่เมื่อวานนี้?” หรือ “เมื่อวานนี้คุณกำลังทำอะไรอยู่?”

คำถามที่มักจะถามเกี่ยวกับ Past Continuous ในภาษาไทยได้แก่:
1. สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการใช้งาน Past Continuous ในภาษาไทยคืออะไร?
Past Continuous ใช้สร้างคำอธิบายเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นเมื่อคุณกำลังทำอะไรที่ขณะเดียวกัน หรือเมื่อเราต้องการเปรียบเทียบเหตุการณ์สองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ต้องใช้กริยาหลักในรูปของ “ทำ” หรือ “ไป” + กริยาขยาย “กำลัง” ตามหลัง

2. เราใช้ Past Continuous เมื่อไหร่?
เราใช้ Past Continuous เมื่อต้องการเล่าเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกันกับเหตุการณ์สำคัญต่างๆ หรือเมื่อเราต้องการเปรียบเทียบเหตุการณ์สองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต

3. ต้องใช้คำว่า “กำลัง” ทุกๆ ครั้งที่ใช้ Past Continuous ในภาษาไทยหรือไม่?
ไม่จำเป็นต้องใช้คำว่า “กำลัง” ทุกครั้ง เราสามารถใช้กริยาขยาย “กำลัง” เพื่อเน้นประโยคยิ่งขึ้น แต่หากทำเช่นนี้เราอาจต้องเปลี่ยนคำเป็น “กำลัง” ให้เหมาะสมกับบทสนทนา

4. วิธีใช้ Past Continuous ในภาษาไทยเหมือนหรือต่างจากในภาษาอังกฤษอย่างไร?
Past Continuous ใช้ในลักษณะที่คล้ายกันในภาษาอังกฤษ แต่มีคำว่า “กำลัง” ร่วมกับกริยาหลัก เพื่อระบุเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต

เมื่อได้อธิบาย Past Continuousในภาษาไทยอย่างละเอียด เราก็สามารถใช้งานได้อย่างถูกต้องและแม่นยำเมื่อเล่าเรื่องราวในอดีตอย่างสมบูรณ์ อย่าลืมที่จะฝึกฝนการใช้งานนี้ในการเขียนและสนทนาเพื่อนเพื่อให้เป็นเสมือนสื่อกลางในการเล่าเรื่องราวของเราเอง

มี 28 ภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ การใช้ past continuous.