การใช้ Have To
“Have to” เป็นวลีที่ใช้ในภาษาอังกฤษเพื่อแสดงความจำเป็นหรือข้อกำหนดในประโยค วลีนี้สามารถทำหน้าที่เหมือนกับคำกริยาประเภทแท็กประสงค์หรือโครงสร้างคำพาร์ทิเซปในภาษาไทย ซึ่งใช้ในการบอกเงื่อนไขในกริยา เช่น “ฉันต้องทำงานเสมอ” หรือ “เขาต้องไปรับคนที่สนามบิน” วลี “have to” นับว่าเป็นวลีที่ใช้บ่อยมากในประโยคภาษาอังกฤษประจำวัน เพราะสามารถใช้ในการแสดงคำแนะนำหรือข้อตั้งใจ มีการตัดสินใจที่แน่วแน่ และเปรียบเทียบกับคำ “must” ในการใช้ความจำเป็นในประโยค
1. การใช้ “have to” เพื่อแสดงความจำเป็นหรือข้อกำหนดในประโยค
“Have to” เป็นวลีที่ใช้ในการแสดงความจำเป็นหรือข้อกำหนดในประโยค โดยมักใช้กับกริยาซึ่งไม่ได้รับ “to” หลังจากนั้น เช่น “I have to work every day” (ฉันต้องทำงานทุกวัน), “You have to submit your assignment on time” (คุณต้องส่งงานตรงเวลา), “We have to wear a uniform at school” (เราต้องใส่ชุดเครื่องแบบที่โรงเรียน)
2. การใช้ “have to” เพื่อแสดงคำแนะนำหรือข้อตั้งใจในประโยค
“Have to” ยังสามารถใช้ในการแสดงคำแนะนำหรือข้อตั้งใจในประโยค โดยอาจใช้แบบกระทั่งหรือแบบตอบรับ เช่น “You have to study harder if you want to pass the exam” (คุณต้องเรียนหนักขึ้นถ้าคุณต้องการผ่านสอบ), “I have to stop eating junk food and start eating healthier” (ฉันต้องหยุดทานอาหารจังหวะและเริ่มทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ)
3. การใช้ “have to” เพื่อแสดงการตัดสินใจที่แน่วแน่ในประโยค
“Have to” ยังสามารถใช้ในการแสดงการตัดสินใจที่แน่วแน่ในประโยค เช่น “They have to go to the meeting tomorrow” (พวกเขาต้องไปประชุมพรุ่งนี้), “She has to make a decision by the end of the week” (เธอต้องตัดสินใจภายในสัปดาห์นี้), “He has to choose between two job offers” (เขาต้องเลือกจากสองข้อเสนองาน)
4. การเปรียบเทียบ “have to” กับ “must” ในประโยคภาษาอังกฤษ
“Have to” และ “must” เป็นคำที่ใช้เพื่อแสดงคำบังคับหรือความจำเป็นในประโยค แต่มีความแตกต่างบางประการ
– “Have to” ใช้เมื่อมีกฎหรือข้อกำหนดภายนอกที่กำหนดให้ทำบางสิ่ง หรือสิ่งที่จำเป็นต้องทำตาม เช่น “I have to go to work” (ฉันต้องไปทำงาน), “You have to wear a seatbelt in the car” (คุณต้องแต่งนิ่งอยู่ในรถ)
– “Must” ใช้เมื่อมีการตัดสินใจหรือการห้ามทำบางสิ่งตามที่คนพูดกำหนด เช่น “You must be careful when crossing the road” (คุณต้องระมัดระวังเมื่อข้ามถนน), “We must finish this project by tomorrow” (เราต้องสำเร็จโครงการนี้ภายในวันพรุ่งนี้)
5. การใช้ “have to” ในประโยคกรรมวิธีในการสื่อสารและการเรียนการสอน
เมื่อใช้ “have to” ในประโยคกรรมวิธีในการสื่อสารหรือการเรียนการสอน ต้องระวังกับการใช้แบบไม่ถูกต้องที่อาจเป็นผลกระทบต่อความหมายของประโยคได้ เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน เราจะมาดูตัวอย่างการใช้ “have to” ในบทบาทต่างๆ ในการสื่อสารและการเรียนการสอน
– การใช้ “have to” เพื่อแสดงการต้องทำสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคต เช่น “I have to attend a meeting tomorrow” (ฉันต้องไปประชุมพรุ่งนี้)
– การใช้ “have to” เพื่อแสดงการบังคับทำบางสิ่งเมื่อรู้ว่าของมั่นคงเป็นไปไม่ได้ เช่น “You have to eat your vegetables” (คุณต้องทานผัก), “He has to pay the bill himself” (เขาต้องจ่ายเงินค่าใช้จ่ายเอง)
– การใช้ “have to” เพื่อแสดงข้อกำหนดในการสอบ เช่น “You have to complete the test within the given time limit” (คุณต้องทำแบบทดสอบให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนด)
FAQs:
1. การใช้ “have to” ในประโยคภาษาอังกฤษเป็นอย่างไร?
การใช้ “have to” ในประโยคภาษาอังกฤษเป็นการแสดงความจำเป็นหรือข้อกำหนดในประโยค โดยใช้เมื่อต้องการจะบอกว่ามีข้อกำหนดหรือเงื่อนไขให้ทำบางสิ่ง หรือเป็นผลกระทบจากอื่น ๆ ที่ทำให้ต้องทำบางสิ่งนั้นเป็นบทบังคับ
2. การใช้ “have to” และ “must” ควรใช้ต่างกันอย่างไร?
“Have to” และ “must” เป็นคำที่ใช้ในการแสดงความจำเป็นหรือความเป็นเงื่อนไขในประโยค โดย “have to” มักใช้เมื่อมีกฎหรือข้อกำหนดภายนอกที่บังคับให้ทำบางสิ่ง ในขณะที่ “must” มักใช้เมื่อมีการตัดสินใจหรือการห้ามทำบางสิ่งตามที่คนพูดกำหนด
3. “Don’t have to” ใช้ยังไงในประโยคภาษาอังกฤษ?
“Don’t have to” เป็นรูปปฏิเสธของ “have to” ที่ใช้ในประโยคเพื่อแสดงว่าไม่ต้องทำบางสิ่ง หรือว่าไม่เป็นเรื่องบังคับในขณะที่ “have to” จะแสดงความเป็นบังคับ
4. การใช้ “mustn’t” เมื่อใดและในกรณีใด?
“Mustn’t” เป็นรูปปฏิเสธของ “must” ที่ใช้ในการแสดงคำห้ามทำบางสิ่ง หรือกฎหมายที่ต้องปฏิบัติตาม
5. การใช้ “must have” เมื่อใดและในกรณีใด?
“Must have” เป็นการใช้ “must” ในส่วนของกริยาซึ่งเป็นแสดงสิ่งที่เป็นเรื่องแน่ใจและเกิดขึ้นในอดีต
6. “Must have” และ “have to” คืออะไร?
“Must have” และ “have to” เป็นวลีที่ใช้ในภาษาอังกฤษเพื่อแสดงความจำเป็นหรือข้อกำหนดในประโยค แต่ “must have” นั้นใช้ในกริยาที่เกิดขึ้นในอดีต ส่วน “have to” ใช้ในกริยาประจำที่จำเป็นต้องบอกว่าต้องทำบางสิ่ง
7. “Have to” สามารถใช้ในประโยคคำถามได้หรือไม่?
ใช่ สามารถใช้ “have to” ในประโยคคำถามเพื่อสอบถามว่ามีข้อกำหนดต่างๆ หรือการบังคับใดๆ ที่บังคับให้ทำอยู่หรือไม่
วิชาภาษาอังกฤษ ชั้น ม.4 เรื่อง การใช้ Have To
คำสำคัญที่ผู้ใช้ค้นหา: การใช้ have to have to ตัวอย่างประโยค, don’t have to ใช้ยังไง, must be การใช้, ประโยค mustn’t, must have การใช้, Must have คือ, have to ประโยคคําถาม, การใช้ mustn’t
รูปภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ การใช้ have to
หมวดหมู่: Top 22 การใช้ Have To
ดูเพิ่มเติมที่นี่: lasbeautyvn.com
Have To ตัวอย่างประโยค
Creating effective example sentences is a skill that requires a good understanding of the language and its grammatical rules. A well-crafted example sentence should be concise, clear, and relevant to the word or structure being taught. It should showcase the word in a natural context and demonstrate its usage in everyday communication.
When creating example sentences, it is crucial to consider the target audience’s level of proficiency. For beginners, it is advisable to use simple sentences with commonly used words and basic grammatical structures. As learners progress, the complexity of the sentences can be increased gradually, incorporating more challenging vocabulary and advanced grammar.
For instance, let’s take the word รถ (rot) meaning “car” in Thai. An example sentence for beginners could be:
ฉันเห็นรถใหม่ที่ห้างสรรพสินค้า (Chan hen rot mai tee hang sanapsin-kha) – I saw a new car at the shopping mall.
In this example, the sentence structure follows a basic subject-verb-object pattern, and the sentence provides context by mentioning the location of the car.
As learners progress, more complex example sentences can be introduced. For intermediate learners, an example sentence could be:
ฉันต้องการดูรถสปอร์ตใหม่ที่เปิดตัวคืนนี้ (Chan dtong-gaan du rot sport mai tee pert dtua-kuen-nee) – I want to see the new sports car that will be launched tonight.
In this sentence, we introduce more advanced vocabulary (สปอร์ต sport) and incorporate the future tense (เปิดตัวคืนนี้ will be launched tonight). This example sentence allows learners to understand how to use different sentence structures and verb tenses effectively.
Example sentences are not only beneficial for learners but also for teachers. In a classroom setting, teachers often use example sentences to clarify meanings, reinforce grammar rules, and encourage students to practice their speaking and writing skills. Furthermore, example sentences provide a context-based approach to learning, which aids in better retention and comprehension of the material.
Additionally, dictionaries and language learning resources play a crucial role in providing a wide range of example sentences for different usage scenarios. Advanced learners can benefit from using these resources to expand their vocabulary and deepen their understanding of various grammatical structures.
Frequently Asked Questions (FAQs):
Q1. Where can I find example sentences for Thai words or grammatical structures?
A1. There are various resources available, including Thai-English dictionaries, language learning websites, and textbooks that provide example sentences. Online platforms like Lingoes or Thai learning forums can also be helpful in finding example sentences created by language enthusiasts.
Q2. How can I ensure that my example sentences are correct?
A2. It is recommended to consult reliable language references or have native speakers review your sentences to ensure accuracy. Language exchange with native speakers or language tutors can also provide valuable feedback on your example sentences.
Q3. Can I create my own example sentences?
A3. Absolutely! Creating your own example sentences can be a beneficial exercise in consolidating your understanding of the language. It allows you to personalize the sentences to suit your learning objectives and interests.
Q4. How many example sentences should I learn per day?
A4. The number of example sentences you should learn per day depends on your learning pace and commitment. Starting with a few sentences per day and gradually increasing the number as you gain confidence is generally a good approach. Quality should be prioritized over quantity to ensure proper understanding and retention.
Q5. Should I memorize example sentences word-for-word?
A5. Instead of memorizing example sentences word-for-word, focus on understanding the underlying structure and meaning. Analyze the sentence components, observe their usage patterns, and apply those patterns to create your own sentences. This approach helps to develop a deeper understanding of the language and promotes effective communication.
In conclusion, ตัวอย่างประโยค (tua yang prayo) plays a crucial role in language learning. Effective example sentences provide learners with valuable context, demonstrate correct usage, and enhance their overall understanding of the language. Creating and practicing example sentences also allow learners to personalize their learning experience and develop their communication skills. So, grab your favorite Thai learning materials and start exploring the fascinating world of example sentences!
Don’T Have To ใช้ยังไง
ในภาษาไทยเรามักจะใช้คำว่า “ยังไง” เพื่อถามถึงวิธีการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือหาทางออกในสถานการณ์ที่ไม่แน่ใจ และส่วนใหญ่เราใช้คำนี้ในบทสนทนาประจำวันเช่นกัน เพื่อให้ได้คำตอบหรือวิธีการที่เหมาะสมกับสถานการณ์นั้นๆ
ไม่ว่าจะเป็นคำถามที่เกี่ยวกับงานหรือการเรียน เราสามารถใช้คำว่า “ยังไง” เพื่อหาทางออกหรือวิธีการที่ดีที่สุดให้ได้ สำหรับตัวอย่างเช่น “วิธีการเตรียมตัวในการสัมภาษณ์มีอะไรบ้าง ไม่จำเป็นต้อง ใช้ยังไง?” หรือ “ทำอย่างไรให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการเรียนหรือทำงาน ไม่จำเป็นต้อง ใช้ยังไง?”
แต่การใช้คำว่า “ยังไง” ไม่ใช่ว่าจะใช้ได้ทั้งหมด หากเราต้องการแสดงความเฉลียวฉลาดหรือได้รับการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องหนึ่งๆ อาจจะเหมาะกว่าที่จะใช้ประโยคอื่นๆ ที่แสดงถึงเลือกทางเลือกที่ดีกว่า หรือวิธีการที่มีความชำนาญมากกว่า ที่นี่เป็นตัวอย่างของประโยคที่ใช้ “ยังไง” ได้โดยเหตุผล
1. “คุณกำลังตั้งใจเริ่มต้นลงมือทำอะไรบางอย่าง ไม่จำเป็นต้องทำยังไงไป?”
2. “ถ้าหากคุณรู้วิธีทำได้ดีแล้ว เป็นเรื่องในกระแสที่ได้ผล ไม่จำเป็นต้องลุ้นคุณน่าจะรู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร”
3. “ไม่จำเป็นต้องพูดหรือลงมือทำอะไรๆ ให้ได้ ยังไงเหรอ?”
หากคุณต้องการดึงคำพูดเกี่ยวกับ “ยังไง” ไปสู่ระดับอาเซียน หรือเพื่อเป็นเครื่องมือในการเรียกร้องความคิดเห็น การใช้ “ยังไง” ให้เป็นลักษณะของการบ่มเพาะเรื่องใหญ่และสร้างความดึงดูด
ยกตัวอย่างของประโยคที่ใช้คำว่า “ยังไง” ในเชิงบทสนทนาที่ดี:
A: สวัสดีครับ ฉันกำลังมีความสงสัยเกี่ยวกับวิธีการใช้เว็บไซต์นี้ เพื่อออกแบบหน้าเว็บ
B: ยินดีครับ สามารถทำได้อย่างง่ายดาย ที่สุดแนะนำให้คุณลองใช้เครื่องมือตัวนี้ ไม่จำเป็นต้อง ใช้ยังไงนัก
A: ฉันกำลังจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่จำเป็นต้อง ใช้ยังไงเพื่อให้ฉันเริ่มต้น?
B: คุณสามารถเริ่มต้นโดยการจัดแบ่งงานออกเป็นส่วนย่อย และกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนในแต่ละส่วน เพื่อให้คุณมีแนวทางการดำเนินงานที่ชัดเจน จากนั้นก็ติดตามผลลัพธ์ที่ได้เทียบกับเป้าหมายที่กำหนดไว้
A: ฉันทำงานมาตั้งแต่ตอนเช้าจนยาวไปถึงตอนเย็น แต่ก็ทำไมสิ่งที่ฉันต้องการไม่ชนะใจเลย? ไม่จำเป็นต้อง ใช้ยังไง?
B: การทำงานอย่างยาวนานไม่ได้หมายความว่าจะได้ผลการงานที่ดี เราควรใช้เวลาไปกับงานที่สำคัญและความสุขด้วย บริหารเวลาของคุณให้มีความสมดุลอย่างถูกต้องและแบ่งเวลาให้กับงานและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกัน
นอกจากนี้ยังมีคำถามที่เกี่ยวกับ “ไม่จำเป็นต้อง ใช้ยังไง?” ที่พบบ่อยเช่นเคย ดังนี้
คำถามที่ 1: “ในการเรียนภาษาต่างประเทศ ไม่จำเป็นต้อง ใช้ยังไง? มีวิธีการที่ดีในการเรียนภาษาอะไรบ้าง?”
คำตอบ: การเรียนภาษาต่างประเทศไม่จำเป็นต้องอาศัยเพียงกำลังใจเท่านั้น คุณสามารถใช้เทคนิคการเรียนภาษาที่มีประสิทธิภาพเพื่อเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว เช่น การฟังเพลงภาษาต่างประเทศ เรียนออนไลน์ หรือ ฝึกการสนทนากับคนที่พูดภาษาเป้าหมายอยู่เสมอ
คำถามที่ 2: “ไม่จำเป็นต้อง ใช้ยังไง? หากต้องการเปลี่ยนการสื่อสารในครอบครัวที่มืออาชีพ”
คำตอบ: ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีจะยังคงดึงดูดให้คุณรู้สึกถูกต้องอยู่โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับครอบครัว แม้กระทั่งหากว่าคุณรู้วิธีการสื่อสารอย่างใกล้ชิดกับญาติหรือเพื่อนสนิท การสื่อสารที่มีเหตุผลและเป็นกิจวัตรจะช่วยให้เกิดการเข้าใจระหว่างญาติและเพื่อนร่วมชีวิตได้ดียิ่งขึ้น
คำถามที่ 3: “ไม่จำเป็นต้อง ใช้ยังไง? เมื่อต้องเปลี่ยนงานหรือสายอาชีพ?”
คำตอบ: เมื่อคุณมีความคิดอันแน่นอนที่ต้องการเปลี่ยนงานหรือสายอาชีพ ควรที่จะคำนึงถึงความสามารถและสิ่งที่คุณมีความชำนาญมาก่อน นอกจากนี้คุณยังสามารถเข้าร่วมการอบรมและเห็นโอกาสในการเปลี่ยนงานหรือสายอาชีพด้วยการลงนามเข้ามาศึกษาต่อ
การใช้คำว่า “ยังไง” ให้ถูกต้องและเหมาะสมเป็นหนึ่งในทักษะการสื่อสารที่สำคัญที่จะเรียนรู้ในชีวิตประจำวัน ให้ความสำคัญกับการขอความช่วยเหลือหรือแนวทาง เพื่อให้คุณสามารถเติมเต็มความรู้และศักยภาพของคุณได้อย่างผลิตภัณฑ์ที่ดี
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ “ยังไง”:
คำถาม 1: การใช้ “ยังไง” ต้องใช้ถูกต้องในบทสนทนาหรือไม่?
คำตอบ: การใช้ “ยังไง” ในการสนทนาเกิดขึ้นในความเป็นจริง และไม่มีผลกระทบต่อความเข้าใจหรือความสันติสุขในการสื่อสาร แต่ในบางกรณีการเปลี่ยนคำพูดเพื่อความชัดเจนสามารถช่วยให้คุณสื่อสารได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น
คำถาม 2: การใช้ “ยังไง” เกือบทั้งหมดในการสนทนาถือว่าเลวร้ายหรือไม่?
คำตอบ: การใช้ “ยังไง” เกือบทั้งหมดไม่ได้ถือว่าเลวร้าย แต่การใช้คำว่าอื่นๆ ที่แสดงถึงเสน่ห์เฉพาะตัวที่มีความรับผิดชอบและความสกปรกอาจช่วยให้การสื่อสารของคุณดูมีคุณค่าและมีส่วนสำคัญกว่า
คำถาม 3: การใช้ “ยังไง” เหมาะสมในการคอนเฟิร์มกับตนเองหรือไม่?
คำตอบ: การใช้ “ยังไง” ในการคอนเฟิร์มกับตนเองไม่ได้เป็นทางการ แต่คุณสามารถใช้คำอื่นๆ เพื่อช่วยให้คมและชัดเจนมากยิ่งขึ้น เช่น “ฉันจะทำยังไงให้ดียิ่งขึ้น?”, “ต้องมีอะไรบ้างที่ฉันจะยังไงไปได้?”, “วิธีที่ดี
Must Be การใช้
Meaning and Significance of ‘การใช้’
In Thai, ‘การใช้’ is an inseparable combination of two words, ‘การ’ (pronounced: gaan) meaning ‘the act of’ or ‘the process of doing,’ and ‘ใช้’ (pronounced: chai) meaning ‘to use’ or ‘to utilize.’ The resulting compound, ‘การใช้,’ signifies the concept of utilizing or employing something. However, it is important to note that ‘การใช้’ is not a verb itself; rather, it is a noun or a gerund that is commonly used as a prefix to other verbs.
Grammatical Functions of ‘การใช้’
One of the primary grammatical functions of ‘การใช้’ is to transform a verb into a noun form. For example, the verb ‘เรียน’ (pronounced: rian), meaning ‘to study,’ can be transformed into the noun ‘การเรียน’ (pronounced: gaan rian), which translates to ‘the act of studying’ or ‘the process of learning.’ This transformation allows Thai speakers to convey actions as abstract concepts.
Additionally, ‘การใช้’ can also serve as a gerund, indicating an ongoing action. For instance, ‘กำลังใช้’ (pronounced: gamlang chai) translates to ‘using’ or ‘currently utilizing.’ This form is commonly used to describe actions that are taking place in the present.
Common Phrases and Expressions with ‘การใช้’
‘การใช้’ is frequently employed in various everyday phrases and expressions in Thai. Let’s explore some of these commonly encountered examples:
1. การใช้เวลา (pronounced: gaan chai wayla): This phrase translates to ‘time management’ and refers to the effective utilization of time.
2. การใช้คำ (pronounced: gaan chai kam): It means ‘word usage’ and denotes the proper selection and utilization of words in communication.
3. การใช้สมอง (pronounced: gaan chai sa-mong): This phrase signifies ‘using one’s brain,’ highlighting the importance of using one’s intelligence or critical thinking skills.
4. การใช้ประโยชน์ (pronounced: gaan chai bprayoht): It translates to ‘beneficial use’ and emphasizes the concept of utilizing something to gain advantages or benefits.
5. การใช้แรงงาน (pronounced: gaan chai raeng-ngan): This phrase refers to ‘labor utilization’ and implies the efficient management of human resources.
Frequently Asked Questions
1. Can ‘การใช้’ be used with any verb?
Yes, ‘การใช้’ can be used with most verbs in Thai. However, it is important to note that not all verbs can be transformed into nouns using ‘การใช้.’ Some verbs may require other noun-forming prefixes.
2. Is ‘การใช้’ used only in formal language?
While ‘การใช้’ is commonly used in formal and academic contexts, it can also be observed in informal conversations. Its usage varies depending on the situation and level of formality.
3. Can ‘การใช้’ be used independently as a noun?
No, ‘การใช้’ cannot be used independently as a noun. It must be accompanied by a verb to convey a complete thought or idea.
4. Are there any other similar constructs in Thai?
Yes, apart from ‘การใช้,’ there are other noun-forming constructs in Thai, such as ‘การทำ’ (pronounced: gaan tam), which transforms a verb into a noun form in a similar manner.
In conclusion, ‘การใช้’ plays a crucial role in the Thai language, allowing speakers to express actions as abstract concepts. By transforming verbs into noun forms, it strengthens the versatility and depth of communication. The various phrases and expressions with ‘การใช้’ further illustrate its significance in everyday language.
มี 36 ภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ การใช้ have to.
ลิงค์บทความ: การใช้ have to.
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโพสต์หัวข้อนี้ การใช้ have to.
- Grammar: หลักการใช้ Must – Have to และ Mustn’t – Don’t have to
- วิธีใช้ Must กับ Have to ใช้ยังไงให้ถูกต้อง?
- การใช้ Must, Have to และ Should ต่างกันอย่างไร – Much English
- หลักการใช้ must กับ have to ใช้ต่างกันอย่างไร
- Must กับ Have to ต่างกันยังไง หายงงในโพสต์เดียว
- การใช้ must และ have to ต่างกันอย่างไร ใช้อย่างไร ตัวอย่างประโยค …
- Must VS Have to “ต้อง” เหมือนกันแต่ใช้ต่างกัน
- การใช้ have to
- หลักการใช้ have to และ need to | บล็อกภาษาอังกฤษอิงกู
ดูเพิ่มเติม: lasbeautyvn.com/category/digital-studios