หลักการใช้ Present Simple: การใช้งานและกฎเบื้องต้น

หลักการใช้ Present Simple ในภาษาไทย

1. คำนิยามของ Present Simple
Present Simple เป็นองค์ประกอบหนึ่งของการใช้ภาษาที่ใช้ในการพูดถึงเรื่องที่เป็นความจริง เหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำ โดย Present Simple จะใช้รูปกริยาผันหนึ่งของคำกริยาที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากการผันพยางค์ เช่น work, play, eat หรือสรรพนามบุคคลที่สาม

2. การใช้ Present Simple ในประโยคบอกความจริง
Present Simple สามารถใช้เพื่อบอกความจริงหรือสิ่งที่เป็นความเป็นจริง เช่น “Water boils at 100 degrees Celsius” (น้ำเดือดที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส) หรือ “The sun rises in the east” (ดวงอาทิตย์ขึ้นที่ทิศตะวันออก)

3. การใช้ Present Simple เพื่อแสดงความถี่หรือกิจกรรมทั่วไป
Present Simple สามารถใช้ในการแสดงความถี่หรือกิจกรรมที่เกิดขึ้นเป็นประจำ เช่น “I go to the gym every day” (ฉันไปฟิตเนสทุกวัน) หรือ “She reads a book before bed” (เธออ่านหนังสือก่อนนอน)

4. การใช้ Present Simple เพื่อแสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ
Present Simple สามารถใช้เพื่อแสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ หรือกิตติกรรมที่เป็นประจำ เช่น “The train arrives at 8:00 every morning” (รถไฟมาถึงเวลา 8:00 ทุกวันเช้า)

5. การใช้ Present Simple เพื่อแสดงตารางเวลา
Present Simple สามารถใช้เพื่อแสดงตารางเวลาวันหรือเหตุการณ์ที่เป็นความเป็นจริงเช่น “Breakfast is served from 7:00 to 9:00” (อาหารเช้าจะเสริฟตั้งแต่เวลา 7:00 ถึง 9:00)

6. คำกริยาพิเศษใน Present Simple
ใน Present Simple มีบางคำกริยาที่มีรูปพิเศษในการใช้ เช่น do, have, be เป็นต้น และมีการใช้คำกริยาช่วยเพื่อเปลี่ยนรูปพิเศษ เช่น “He does not play football” (เขาไม่เล่นฟุตบอล)

7. การใช้ Present Simple เพื่อพูดถึงการเกิดขึ้นในอนาคต
Present Simple สามารถใช้เพื่อพูดถึงเหตุการณ์หรือการเกิดขึ้นในอนาคตที่เป็นความเป็นจริง เช่น “The plane arrives at 10:00 tomorrow” (เครื่องบินมาถึงเวลา 10:00 พรุ่งนี้)

8. การใช้ Present Simple กับคำคติเช่น “I think,” “I believe”
Present Simple สามารถใช้กับคำคติหรือความเชื่อ เช่น “I think the concert starts at 8:00” (ฉันคิดว่าคอนเสิร์ตเริ่มเวลา 8:00)

9. คำแนะนำในการใช้ Present Simple อย่างถูกต้องและคล่องตัว
เพื่อให้ใช้ Present Simple อย่างถูกต้องและคล่องตัว เราควรพิจารณาบางข้อดังนี้:
– ใช้กริยาช่วย do, does หรือ doesn’t ในประโยคปฏิเสธและคำถาม เช่น “She doesn’t like coffee” (เธอไม่ชอบกาแฟ) หรือ “Do you play tennis?” (คุณเล่นเทนนิสมั้ย)
– ใช้กริยาช่วย does เพื่อให้รู้ว่ากริยาเป็นชื่อเพียงตัวเดียว เช่น “He does his homework every day” (เขาทำการบ้านทุกวัน)
– ใช้กริยาช่วย do เพื่อสร้างประโยคคำถามและประโยคปฏิเสธ เช่น “Do they like ice cream?” (พวกเขาชอบไอศกรีมมั้ย) หรือ “I don’t eat meat” (ฉันไม่กินเนื้อสัตว์)
– ใช้สรรพนามบุคคลที่สามใน Present Simple เช่น “He goes to school every day” (เขาไปโรงเรียนทุกวัน)

สรุป Present Simple
Present Simple เป็นองค์ประกอบหนึ่งของการใช้ภาษาที่ใช้ในการพูดถึงเรื่องที่เป็นความจริง หรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำ และสามารถใช้สร้างประโยคบอกความจริง แสดงความถี่หรือกิจกรรมทั่วไป เพื่อแสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ หรือกิตติกรรมที่เป็นประจำ แสดงตารางเวลาหรือเหตุการณ์ที่เป็นความเป็นจริง มีคำกริยาพิเศษ เช่น do, have, be เพื่อเปลี่ยนรูปพิเศษ สามารถใช้เพื่อพูดถึงการเกิดขึ้นในอนาคต หรือใช้กับคำคติเช่น “I think,” “I believe”

โครงสร้างประโยค Present Simple
โครงสร้างประโยค Present Simple ประกอบด้วย Subject + Verb (กริยา) ในรูป Present Simple + Object (กรรม) (ถ้ามี) โดยการใช้กริยาช่วย do, does เพื่อสร้างประโยคปฏิเสธหรือคำถาม

Present Simple คืออะไร?
Present Simple คือการใช้ภาษาที่ใช้ในการพูดถึงเรื่องที่เป็นความจริง หรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำ โดยใช้กริยาในรูป Present Simple ซึ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากการผันพยางค์ เช่น work, play, eat หรือกรรมหลักที่สาม

Present Continuous
Present Continuous คืออีกหนึ่งรูปแบบของเวลาในการใช้ present tense โดยใช้กริยา “to be” (am, is, are) ร่วมกับกริยา +ing เพื่อแสดงกิจกรรมที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยมักใช้เมื่อกำลังเกิดขึ้นอยู่ในช่วงนี้หรือเป็นเวลาที่เกี่ยวข้องกับปัจจุบัน

สรุป Present Simple Tense
– Present Simple เป็นองค์ประกอบหนึ่งของการใช้ภาษาที่ใช้ในการพูดถึงเรื่องที่เป็นความจริง หรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำ
– มีโครงสร้างประโยคที่ประกอบด้วย Subject + Verb (กริยา) ในรูป Present Simple + Object (กรรม) (ถ้ามี)
– สามารถใช้ในการแสดงความถี่หรือกิจกรรมทั่วไป เพื่อแสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ แสดงตารางเวลาหรือเหตุการณ์ที่เป็นความเป็นจริง มีคำกริยาพิเศษ เช่น do, has, be เพื่อเปลี่ยนรูปพิเศษ
– สามารถใช้เพื่อพูดถึงการเกิดขึ้นในอนาคต หรือใช้กับคำคติเช่น “I think,” “I believe”

Present Simple ประโยคปฏิเสธ
หากต้องการที่จะปฏิเสธประโยค Present Simple เราสามารถใช้กริยาช่วย “do not” หรือ “does not” ร่วมกับกริยาในรูป Present Simple เพื่อสร้างประโยคปฏิเสธ เช่น “I do not like coffee” (ฉันไม่ชอบกาแฟ) หรือ “He does not play football” (เขาไม่เล่นฟุตบอล)

ตัวอย่างประโยค Present Simple Tense 50 ประโยค
1. I live in Bangkok.
2. She speaks English fluently.
3. They work in a hospital.
4. We play tennis every Sunday.
5. He doesn’t like tomatoes.
6. Do you like ice cream?
7. The train leaves at 8:00.
8. The sun sets in the west.
9. Cats love to play with balls of yarn.
10. Dogs bark.
11. Birds fly in the sky.
12. The restaurant opens at 7:00.
13. It rains a lot in the rainy season.
14. We do our homework every day.
15. She doesn’t eat meat.
16. My father doesn’t smoke.
17. Elephants are big animals.
18. The earth revolves around the sun.
19. The store closes at 9:00.
20. We go to the beach on weekends.
21. I don’t watch TV in the morning.
22. Do you like to swim?
23. Cats hate water.
24. He loves to read books.
25. The movie starts at 7:30.
26. They don’t speak French.
27. The school bus arrives at 7:15.
28. My mother cooks delicious food.
29. She often visits her grandmother.
30. The museum opens at 9:00.
31. We ride bicycles to school

สรุป present simple คือ เอกพจน์ที่ใช้ในการแสดงถึงเหตุการณ์หรือสถานะที่เกิดขึ้นสม่ำเสมอ หรือเป็นความจริง เช่น ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นเป็นปัจจุบันในปีนี้ สรุปเช่นนี้ง่ายที่สุด การใช้ present simple ในภาษาไทยค่อนข้างเหมือนกับการใช้ในภาษาอังกฤษ ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับ สรุป present simple ในภาษาไทย

มาแรก เราจะพูดถึงการสร้างประโยคในรูปที่บอกถึงการกระทำในปัจจุบันเป็นประจำ ตัวอย่างเช่น “ฉันกินอาหาร” ในภาษาไทยเราจะใช้รูปบอกความสมัครใจอย่างต่อเนื่อง (เราเรียกมันว่า รูป “สรุป” ในภาษาไทย) เช่น “ฉันกินข้าว” หรือ “เขาวิ่ง” ซึ่งแปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า “I eat rice” หรือ “He runs” ดังนั้นตัวผมสรุปในภาษาไทยคือส่วนของประโยคที่อยู่หลังกริยาเช่น กิน, วิ่ง เป็นต้นโดยไม่ต้องใช้อักษรedหรือ-ings เพื่อระบุรูปภาษาอังกฤษ

อีกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับ สรุป present simple คือการใช้กับบุคคลที่ 3 ในบุคคลทั่วไป ดังนั้นเมื่อเราพูดถึงบุคคลที่สามที่ไม่ใช่เราหรือคุณ ในภาษาไทยเราจะใช้คำขยาย ซึ่งหมายความว่าเราต้องใส่คำเติม และใช้ verb ในรูปพจน์ธรรมดา เช่น “เขาเดิน” หรือ “เขานอน” ในภาษาอังกฤษจะแปลเป็น “He walks” หรือ “He sleeps” โดยเติม “s” หรือ “es” หลังจาก verb นั้น

ที่สำคัญที่สุดหลังจากนี้เราจะมาพูดถึงการใช้ present simple ในประธานที่เป็นบุคคลที่ 3 ในลักษณะ “Something happens” ซึ่งในภาษาไทยจะใช้รูปที่ไม่มี concept “he/she/it” เช่น “นกบิน” แปลเป็นภาษาอังกฤษจะไม่ต้องเติม “s” หรือ “es” อีกต่อไป

ต่อมาเราจะตอบคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสรุป present simple:

Q1: สรุป present simple ใช้กับเหตุการณ์ของอดีตได้หรือไม่?
A1: สรุป present simple ใช้เฉพาะเหตุการณ์หรือสถานะที่เกิดขึ้นเป็นปัจจุบันหรือสม่ำเสมอเท่านั้น ถ้าเราต้องการพูดถึงเหตุการณ์ในอดีต เราควรใช้ present perfect แทน

Q2: สรุป present simple ใช้กับการเอาเป็นคำแนะนำได้หรือไม่?
A2: ใช่ สรุป present simple สามารถใช้ในการเอาเป็นคำแนะนำหรือคำบอกกล่าวในกรณีที่เป็นความจริงๆ เช่น “วิ่งออกกำลังกายทุกวัน” แฟนเสนอให้ผมวิ่งเป็นประจำ” เป็นต้น

Q3: สรุป present simple สามารถใช้กับกริยากรรมบุคคลทั่วไปได้หรือไม่?
A3: ใช่ สรุป present simple สามารถใช้กับกริยากรรมบุคคลทั่วไปได้ เช่น “ฉันชอบวาดรูป” แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า “I like drawing” แต่ถ้าเป็นกริยากรรมบุคคลเฉพาะ เราจะต้องเติม “s” หรือ “es” ตามนิยามของบุคคลนั้น เช่น “She likes swimming”

Q4: สรุป present simple ใช้กับความเป็นไปของเราได้หรือไม่?
A4: ใช่ สรุป present simple สามารถใช้ในการพูดถึงความเป็นไปของตนเองได้ โดยใส่คำยกรูปภาษาไทย ดังเช่น “ผมชอบชา” แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า “I like tea”

Q5: สรุป present simple สามารถใช้เหตุการณ์อนาเขตได้หรือไม่?
A5: ใช่ สรุป present simple สามารถใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดอยู่ในปัจจุบันหรือสม่ำเสมออย่างไม่สิ้นสุดได้ เช่น “วันจันทร์มีเล่มใหม่ของนิตยสารออก” แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า “New issues of the magazine come out on Mondays”

ในบทความนี้ เราได้พูดถึงสรุป present simple ในภาษาไทยอย่างละเอียด เราได้พูดถึงวิธีการสร้างประโยคในภาษาไทยและวิธีการใช้กับเหตุการณ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีส่วนสำหรับคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสรุป present simple เพื่อเพิ่มความเข้าใจในการใช้งานในชีวิตประจำวัน

โครงสร้างประโยคแบบปัจจุบันในภาษาไทย (Present Simple Tense in Thai)

การใช้รูปปัจจุบันในภาษาไทย (Present Simple Tense) เป็นส่วนสำคัญของการสื่อสารที่ถูกใช้ในชีวิตประจำวัน โดยการนำมาพูดถึงเรื่องที่ผ่านมาหรือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเราเองในปัจจุบัน เราจะมาลงรายละเอียดเกี่ยวกับโครงสร้างประโยคแบบปัจจุบันในภาษาไทยเพื่อให้คุณเข้าใจและใช้งานได้อย่างถูกต้อง

โครงสร้างของประโยคแบบปัจจุบันในภาษาไทยทำด้วยองค์ประกอบส่วนสำคัญ 2 อย่าง ได้แก่ กริยาในรูปที่ 1 (Present Simple Form) และเฉพาะกริยาทั่วไปหลังกริยาเอามานิยาม (Verb of Perception)

1. กริยาในรูปที่ 1 (Present Simple Form)
ในการใช้งานปัจจุบันแบบง่าย กริยาจะถูกเติม S หรือ ES เพียงแค่ได้ ดังนั้น โครงสร้างประโยคก็อาจจะมีความเปลี่ยนแปลงขึ้น ดังนี้
– กริยาช่องที่ 1 + S/ES + ส่วนอื่น ๆ
เช่น “I speak English fluently.” (ฉันพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว)
– กริยาช่องที่ 1 + does + not + V1 + ส่วนอื่น ๆ
เช่น “He does not like spicy food.” (เขาไม่ชอบอาหารเผ็ด)
– does + not + กริยาช่องที่ 1 + ส่วนอื่น ๆ
เช่น “Does she not eat meat?” (เธอกินเนื้อหรือไม่?)
– กริยาช่องที่ 1 + ส่วนอื่น ๆ + ?
เช่น “Does he like pizza?” (เขาชอบพิซซ่าหรือไม่?)

ในกรณีที่กริยาเป็นส่วนขยายของประโยค โครงสร้างจะมีความท้าทายเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะต้องวางเครื่องหมายท้าทายถามหรือเครื่องหมายท้าทายประเภทอื่น ๆ ที่เหมาะสม

2. เฉพาะกริยาทั่วไปหลังกริยาเอามานิยาม (Verb of Perception)
เพื่อเสริมแนวความคิด เราสามารถใช้หลักการเพื่อเปรียบเทียบบางอย่างในปัจจุบัน ด้วยการสื่อสารทางภาษาไทยลักษณะการใช้คำกริยาในประโยคแทรกคำกริยาทั่วไปหลังคำกริยานิยาม เช่น
– กริยานิยาม + จับคู่กับ/ชอบ/รู้สึกกับ/บอกกับ + กริยาทั่วไป
เช่น “I see him every day.” (ฉันเห็นเขาทุกวัน)
– กริยานิยาม + มองเห็น/ได้ยิน/รู้สึกกับ + that + กริยาทั่วไป
เช่น “I know that she likes chocolate.” (ฉันรู้ว่าเธอชอบช็อคโกแลต)

คำถามที่พบบ่อย (Frequently Asked Questions)

1. ประโยคปัจจุบันในภาษาไทยแตกต่างจากการใช้ภาษาอังกฤษอย่างไร?
ในภาษาไทย โครงสร้างประโยคแบบปัจจุบันมีการเปลี่ยนรูปกริยาน้อยกว่า ภาษาอังกฤษที่มีการติด S/ES หรือการใช้ Do/Does และคำกริยาทั่วไปหลังคำกริยานิยาม

2. อะไรคือบทบาทของไวยากรณ์ปัจจุบันในการสื่อสาร?
รูปปัจจุบันในภาษาไทยใช้สำหรับเล่าเรื่องที่มีเนื้อหาอยู่ในปัจจุบัน การบอกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นประจำวัน เช่น อาจบอกถึงการทำงาน การเล่นกีฬา หรือการท่องเที่ยว

3. การใช้ประโยคปัจจุบันลักษณะของภาษาไทยมีข้อจำกัดอย่างไร?
ในการใช้ประโยคปัจจุบันในภาษาไทย คำพูดจะขาดการระบุเวลาโดยตรง เพราะภาษาไทยมักใช้คำวิเศษณ์เพื่อจัดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

4. ทำไมในภาษาไทยจะไม่ต้องใช้กริยาช่องที่ 3 ในประโยคปัจจุบัน?
ภาษาไทยไม่ต้องการคำช่องที่ 3 ในประโยคปัจจุบันเนื่องจากภาษาไทยไม่มีการเปลี่ยนรูปของกริยาตามเธมอร์แองกลิซ (Thermor Angles) คือ กริยาในตำแหน่งประธานเป็นกริยาช่องที่ 1 และกริยาที่เป็นกริยาที่ว่าการกายภาพและจริยธรรมยกเว้นในกรณีที่การใช้กริยาเป็นชื่อเอกพจน์

ใช้งานประโยคปัจจุบันในภาษาไทยเป็นส่วนสำคัญในการสื่อสารประจำวัน ความรู้และความเข้าใจในโครงสร้างประโยคแบบปัจจุบันในภาษาไทยจะช่วยให้เราสื่อสารอย่างถูกต้องและมีความเข้าใจต่อกันได้เป็นอย่างดี

Present simple คืออะไร? บทความสั้นนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจและเรียนรู้เกี่ยวกับ Present simple ในภาษาอังกฤษในลักษณะที่ลึกซึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมาใช้ภาษาไทย

Present simple เป็นหนึ่งในรูปเวลาในภาษาอังกฤษ ซึ่งใช้ในกรณีที่เราต้องการอธิบายสถานะที่เป็นจริงในปัจจุบัน การใช้ Present simple เรามักจะนำมาใช้เมื่อเราพูดถึงเรื่องที่เป็นจริงเสมอ หรือเรื่องที่เกิดขึ้นประจำ หรือที่เป็นธรรมดาว่ามาแล้วจนตอนนี้ ไปเรามาดูประโยคตัวอย่างของ Present simple กันบ้าง

1. I live in Bangkok.
2. She works at a hospital.
3. The sun rises in the east.
4. They study English every day.

จากตัวอย่างข้างต้น คุณเห็นได้ว่าเลข 1 และ 2 คือประโยคที่พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเสมอหรือเป็นรูปเกิดขึ้นในปัจจุบัน ในขณะที่เลข 3 และ 4 เป็นเรื่องสถานการณ์ที่มักเกิดขึ้นเสมอหรือธรรมดา อย่างไรก็ตาม Present simple ยังสามารถใช้เพื่อพูดถึงรับประทานอาหาร ประที่ทำงาน และกิจวัตรประจำวันอื่นๆ ได้เช่นกัน

เราสามารถวางแผนได้ว่าจะใช้ Present simple ในหลายๆ กรณี เช่น การเล่าเรื่องราวของบุคคลอื่นๆ หรือการอธิบายเหตุการณ์ในสถานที่ และเวลาต่างๆ ในการพูดคุณต้องจำชื่อคำกริยาในรูปแสดงชนิดการกระทำให้เป็น ขากริยาช่อง 3 หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า การกระทำที่เกิดขึ้นเสมอ

นอกจากนี้ Present simple ยังมีความสำคัญในการอธิบายการสำรองหลังการจองตั๋ว เช่น “I reserved the ticket for tomorrow’s concert.” หรือการโต้ตอบเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง “What kind of books do you read?” ก็สามารถใช้ Present simple เพื่อระบุจริงเสมอในแต่ละคำตอบ

ข้อเสียของ Present simple คือประโยคอาจเกี่ยวข้องกับแนวทางเวลา ซึ่งอาจทำให้เกิดความสับสนในบางกรณี เนื่องจากหากต้องการพูดถึงเรื่องในอนาคต ใช้รูปนี้ไม่ได้ จึงต้องเลือกรูปอื่นๆ เช่น Present continuous หรือ Future tense แทน

FAQs:
1. Present simple คืออะไร?
– Present simple เป็นรูปเวลาในภาษาอังกฤษที่ใช้เพื่ออธิบายสถานะที่เป็นจริงในปัจจุบัน หรือเรื่องที่เกิดขึ้นเสมอ โดยเฉพาะเมื่อใช้ภาษาไทย

2. Present simple ใช้ได้ในกรณีใดบ้าง?
– Present simple ใช้เมื่อเราต้องการพูดถึงเรื่องที่เป็นจริงเสมอ หรือเรื่องที่เกิดขึ้นประจำ หรือที่เป็นธรรมดาว่ามาแล้วจนตอนนี้

3. Present simple ใช้กับคำกริยาอย่างไร?
– ประโยค Present simple ใช้ช่อง 3 ของคำกริยา เช่น live, works, rises, study

4. มีข้อเสียของ Present simple หรือไม่?
– ความสับสนอาจเกิดขึ้นเมื่อต้องการพูดถึงเหตุการณ์ในอนาคต เนื่องจากว่ารูปนี้ใช้ไม่ได้ จึงต้องเลือกรูปอื่นๆ เช่น Present continuous หรือ Future tense แทน

5. ตัวอย่างประโยค Present simple?
– I live in Bangkok.
– She works at a hospital.
– The sun rises in the east.
– They study English every day.

6. Present simple สามารถใช้อธิบายเหตุการณ์ในอนาคตได้หรือไม่?
– Present simple ใช้ได้เฉพาะการเล่าเรื่องที่สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ปัจจุบันหรือเกิดขึ้นเสมอ หากต้องการพูดถึงเหตุการณ์ในอนาคต ควรใช้รูปอื่นเช่น Present continuous หรือ Future tense

ในสรุป, ข้อความด้านบนได้ระบุถึงความหมายและการใช้งานของ Present simple ในภาษาอังกฤษ วิธีการใช้ Present simple เรียบง่าย และมีความสำคัญอย่างมากในการใช้คำถาม และโครงสร้างประโยคของภาษาอังกฤษทั้งนี้คุณสามารถรู้และใช้ Present simple ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ดังนั้น อย่ากลัวที่จะใช้ประโยคภาษาอังกฤษแบบ Present simple และเริ่มฝึกฝนใช้ในประโยคของคุณแต่ละท่านไปเรื่อยๆ

มี 8 ภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ หลักการใช้present simple.