หลักการใช้ Future Perfect Tense: เรียนรู้วิธีการใช้งานและตัวอย่างการประยุกต์ในชีวิตประจำวัน

หลักการใช้ Future Perfect Tense ในภาษาไทย

หนึ่ง. ความหมายและลักษณะของ Future Perfect Tense

Future Perfect Tense เป็น tense ที่ใช้ในการอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคตก่อนเหตุการณ์อื่น ๆ เกิดขึ้น หรือเกิดก่อนเวลาที่กำหนดไว้ ลักษณะที่แตกต่างจาก Tense อื่น ๆ คือมีการใช้เวลาของอนาคตมาเป็นกองสองคำคือ “will have” ที่เล่าถึงการเกิดเหตุการณ์ในอนาคตมาก่อนหน้าระยะเวลาที่กำหนด และเสมอมากะกับ perfect participle ของคำกริยา เช่น spoken, eaten, written เป็นต้น

ตัวอย่างประโยค:

– By the time I finish my degree, I will have studied for 4 years.
(จนกว่าผมจะจบปีที่ 4 ของการศึกษาของฉันผมจะได้เรียนมาแล้ว)

– They will have left the country by the time you arrive.
(พวกเขาจะได้ออกจากประเทศนี้ไปแล้วจนกว่าคุณจะมาถึง)

สอง. การสร้าง Future Perfect Tense

ในภาษาไทย เราสร้าง Future Perfect Tense โดยเติม “จะ” และ “ได้” ข้างหน้าคำกริยา แล้วตามด้วย perfect participle ของคำกริยานั้น ๆ เช่น “จะได้เห็น”, “จะได้ทำ”, “จะได้อ่าน” เป็นต้น

ตัวอย่างประโยค:

– พุทธังค์จะได้เรียนมาแล้ว 5 ปี เมื่อเขาสำเร็จการศึกษา
– ฉันจะได้มีโอกาสพบและหายดีกับครอบครัวคุณหมอ

สาม. การใช้ Future Perfect Tense เพื่อเล่าเรื่องอนาคตสมมุติ

Future Perfect Tense ใช้เพื่อเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในอนาคตแบบสมมุติ ซึ่งเราใช้ Conditional Mood เพื่อแสดงถึงสภาวะที่เป็นไปได้ในอนาคต

ตัวอย่างประโยค:

– If I win the lottery, I will have traveled to all the countries in the world.
(ถ้าฉันถูกรางวัลล็อตเตอรี ฉันจะได้เดินทางไปทุกประเทศในโลก)

– If it doesn’t rain, we will have a barbecue in the garden.
(ถ้าไม่มีฝนตก เราจะมีบาร์บีคิวในสวน)

สี่. การใช้ Future Perfect Tense เพื่อเล่าเรื่องในอนาคต

Future Perfect Tense ใช้ในการเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน เพื่อให้คำพูดมีเสมือนโอกาสแน่นอนเมื่อเทียบกับ future tense ธรรมดา

ตัวอย่างประโยค:

– I will have finished my report by tomorrow morning.
(ฉันจะเสร็จสิ้นรายงานของฉันไปภายในเช้าพรุ่งนี้)

– They will have arrived at the airport by the time their flight lands.
(พวกเขาจะได้ถึงสนามบินก่อนเวลารถบินของพวกเขาลง)

ห้า. การใช้ Future Perfect Tense เพื่อเล่าเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

Future Perfect Tense ใช้ในการเล่าเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งเราไม่รู้ว่าเหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นหรือไม่ แต่ถ้ามันเกิดขึ้น เราจะสามารถเสนอตัวเองในสภาวะที่ “จะได้” ทำบางสิ่ง ๆ ก่อน

ตัวอย่างประโยค:

– If I pass the exam, I will have earned a scholarship.
(ถ้าฉันสอบผ่าน ฉันจะได้รับทุนการศึกษา)

– If they complete the project on time, they will have impressed their boss.
(ถ้าพวกเขาทำโครงการเสร็จตามเวลา พวกเขาจะได้ประทับใจหัวหน้างานของพวกเขา)

หก. การใช้ Future Perfect Tense เพื่อเปรียบเทียบกระแสเวลาในอนาคต

Future Perfect Tense ใช้เพื่อเปรียบเทียบเหตุการณ์ที่เกิดในอนาคตก่อนหน้าเหตุการณ์อื่น ๆ ที่กำหนดไว้ และใช้เสมอกับคำเปรียบเทียบที่ใหญ่กว่า เช่น “ขณะที่”, “ก่อนที่” เป็นต้น

ตัวอย่างประโยค:

– By the time he arrives at the party, everyone will have left.
(ในขณะที่เขามาถึงงานเลี้ยง ทุกคนจะได้ออกจากนั้นไปแล้ว)

– Before she wakes up, we will have prepared breakfast.
(ก่อนที่เธอจะตื่น เราจะได้จัดเตรียมอาหารเช้าไว้แล้ว)

FAQs

1. หลักการใช้ Future Perfect Continuous Tense คืออะไร?

Future Perfect Continuous Tense ใช้ในการเล่าเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นและยังคงเกิดต่อไปในอนาคตก่อนเหตุการณ์เนื่องมาจากคราวนี้ เพื่อเน้นความยาวนานและต่อเนื่องของเหตุการณ์นั้น ๆ

ตัวอย่างประโยค Future Perfect Continuous:

– By the time she finishes the marathon, she will have been running for 4 hours.
(จนกว่าเธอจะมาจบการแข่งวิ่งมาราธอน เธอจะมีการวิ่งมาราบทเป็นเวลา 4 ชั่วโมง)

– By the time they land in London, they will have been traveling for 10 hours.
(จนกว่าพวกเขาจะลงที่ลอนดอน พวกเขาจะมีการเดินทางมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 10 ชั่วโมง)

2. ตัวอย่างประโยคบอกเล่าใน Future Perfect Tense

– By this time next year, I will have saved enough money to buy a new car.
(ในช่วงเวลาเดือนเดือนหรือปีถัดไป ฉันจะมีเงินออมพอสำหรับการซื้อรถใหม่)

– When she arrives, they will have already started the meeting.
(เมื่อเธอมาถึง พวกเขาจะเริ่มการประชุมไปแล้ว)

3. ตัวอย่างประโยคปฏิเสธใน Future Perfect Tense

– He will not have finished his work by the time the deadline arrives.
(เขาจะไม่ได้เสร็จงานของเขาภายในเวลาที่กำหนด)

– They will not have left the office by the time I get there.
(พวกเขาจะไม่ได้ออกจากสำนักงานตอนที่ฉันถึง)

4. ตัวอย่างประโยคคำถามใน Future Perfect Tense

– Will you have finished your homework by the time the teacher arrives?
(คุณจะมีการเสร็จสิ้นการบ้านของคุณภายในเวลาที่ครูมาถึงหรือไม่)

– Will they have arrived by the time the concert starts?
(พวกเขาจะได้ถึงที่หรือไม่ก่อนที่คอนเสิร์ตจะเริ่ม)

5. ตัวอย่างประโยค Future Perfect Continuous Tense 20 ประโยค

– By the time I finish my shift, I will have been working for 12 hours.
(จนกว่าฉันจะจบงาน ฉันจะมีการทำงานอย่างต่อเนื่องมาถึง 12 ชั่วโมง)

– By the end of this month, she will have been studying French for 2 years.
(เมื่อถึงสิ้นเดือนนี้ เธอจะเรียนภาษาฝรั่งเศสมาถึง 2 ปี)

6. Future Perfect Continuous คืออะไร?

Future Perfect Continuous Tense เป็น tense ที่ใช้ในการอธิบายเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นและยังคงเกิดต่อไปในอนาคตโดยให้ความสำคัญกับกิจกรรมที่เป็นต้นเหตุ คำวิเศษณ์ “will have been” ที่ใช้กับ perfect participle ของคำกริยาเรียกว่า “คำกริยาถากถาง” เช่น been studying, been working เป็นต้น

ตัวอย่างประโยค:

– By the time he arrives, we will have been waiting for an hour.
(ในขณะที่เขามาถึง พวกเราจะยังคงรอมาถึง 1 ชั่วโมง)

– When she finishes her shift, she will have been working for 10 hours straight.
(เมื่อเธอเสร็จสิ้นงานของเธอ เธอจะได้ทำงานติดต่อกันมาถึง 10 ชั่วโมง)

7. Future Continuous Tense คืออะไร?

Future Continuous Tense เป็น tense ที่ใช้ในการอธิบายเหตุการณ์ที่จะกำลังเกิดขึ้นในอนาคตโดยให้ความสำคัญกับการกระทำที่กำลังจะเริ่มขึ้นเป็นหลัก ใช้ “will be” ที่เรียกว่า “กริยาช่วย” กับ present participle ขอ

หลักการใช้ Future Perfect Continuous Tense เป็นหนึ่งในรูปเวลาในภาษาอังกฤษที่มีการใช้บ่อยครั้งอย่างมาก ภาษาไทยก็มีรูปแบบเวลาที่คล้ายกันอยู่ แต่ในบทความนี้เราจะมาเน้นการใช้งานในภาษาอังกฤษ และเน้นไปที่ Future Perfect Continuous Tense เป็นหลัก ให้เห็นความแตกต่างกับรูปอื่นๆในอนาคตเช่น Future Simple, Future Continuous, และ Future Perfect เพื่อให้เห็นความแตกต่างภายในทุกองค์ประกอบของ Future Perfect Continuous Tense

ประโยชน์ของ Future Perfect Continuous Tense คือการใช้ในการอธิบายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตตลอดระยะเวลาที่กำหนดไว้ เนื่องจากความยาวของรูปอังกฤษนี้ การใช้งานจะมีเงื่อนไขในการอธิบายที่ชัดเจนและละเอียดอ่อนขึ้น โดยรูป Future Perfect Continuous Tense จะถูกสร้างขึ้นโดยการใช้ auxiliary verb “will have been” ตามด้วยรูป base verb และ suffix “-ing”. แต่รูปนี้มีความซับซ้อนกว่ารูปอื่นๆในอนาคต ดังนั้นเราควรทราบเงื่อนไขการใช้งานเพื่อถ่ายทอดความหมายที่ถูกต้องให้แม่นยำ

การใช้ Future Perfect Continuous Tense ที่สำคัญต้องมีเงื่อนไขสมบูรณ์ คือเราต้องกำหนดเหตุการณ์หรือโจทย์ที่เกี่ยวข้องของอนาคตเพื่อจับคู่กับเหตุการณ์ในอนาคตภายหลัง. ตัวอย่างเช่น “By the time I finish my studies, I will have been learning English for 5 years.” ในประโยคนี้ เรากำหนดเหตุการณ์หลักว่า “By the time I finish my studies” แสดงถึงเหตุการณ์ในอนาคตที่เกิดขึ้นในช่วงการศึกษาของตนเอง. และในรูป Future Perfect Continuous Tense เรากำหนดว่า “I will have been learning English for 5 years” แสดงถึงระยะเวลาที่เราจะมีประสบการณ์ในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ. จึงทำให้หลักการใช้นี้เป็นเครื่องมือที่ดีในการอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคตสิ้นเชิง

เพื่อให้เข้าใจดีขึ้นเรามาดูตัวอย่างอื่นๆกันนะคะ:

1. “He will have been studying all night when we wake up.”
– เรากำหนด “when we wake up” เป็นเหตุการณ์ในอนาคตที่เกิดขึ้น
– เราใช้ “will have been studying” เพื่อให้เห็นในวิตที่เขาใช้เวลาประมาณหนึ่งคืนในการเรียนรู้

2. “By the time the party starts, they will have been cooking for hours.”
– เรากำหนด “the party starts” เป็นเหตุการณ์ในอนาคตที่เกิดขึ้น
– เราใช้ “will have been cooking” เพื่อให้เห็นว่าพวกเขาใช้เวลานานในการทำอาหารก่อนที่คนอื่นจะมาถึง

FAQs:

1. อะไรคือความแตกต่างระหว่าง Future Perfect Continuous Tense กับ Future Simple Tense?
– Future Perfect Continuous Tense ใช้ในการแสดงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและยาวนาน ในขณะที่ Future Simple Tense ใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคต แต่ไม่ค่อยยาวนานเท่านั้น

2. เมื่อใช้ Future Perfect Continuous Tense ควรจะใช้ auxiliary verb อะไรบ้าง?
– เมื่อใช้ Future Perfect Continuous Tense จะใช้ auxiliary verb “will have been” ตามด้วยรูป base verb และ suffix “-ing” เพื่อสร้างรูปของ Future Perfect Continuous Tense

3. ใช้ Future Perfect Continuous Tense ในบทสนทนาประเภทไหนบ้าง?
– Future Perfect Continuous Tense สามารถใช้ในการสร้างบทสนทนาประเภทกำลังเกิดขึ้นในอนาคต โดยการใช้คำถามหรือประโยคที่อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ในอนาคตของคนหรือสถานการณ์ต่างๆ

4. เราสามารถใช้ Future Perfect Continuous Tense ในประโยคต่างๆได้อย่างไร?
– เราสามารถใช้ Future Perfect Continuous Tense ในประโยคแบบต่างๆ เช่น positive, negative และ interrogative sentences โดยต้องประกอบด้วย auxiliary verb “will have been” และรูป base verb โดยการเพิ่ม suffix “-ing” นำหน้า

สรุปผลกันนะคะ หลักการใช้ Future Perfect Continuous Tense เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในภาษาอังกฤษ การใช้งานควรคำนึงถึงเงื่อนไขการใช้ที่ใช้ในการอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคตและยาวนาน. อย่าลืมปฏิบัติตามหลักการที่กล่าวมาเพื่อที่จะถูกต้องและมีความหมายที่เข้าใจได้อย่างถูกต้องนะคะ.

ตัวอย่างประโยคบอกเล่าเป็นช่วงเวลาในอนาคต (Future Perfect Tense) ในภาษาไทย

ประโยคบอกเล่าในอนาคตถูกใช้ในการกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ในอนาคตและก่อนเหตุการณ์ที่กำหนด คุณสมบัติของประโยคบอกเล่าในอนาคตคือการใช้คำกริยา “will have” นำหน้าคำกริยาหลัก

ตัวอย่างประโยคบอกเล่าในอนาคต:

1. เมื่อสามเดือนข้างหน้ามาถึง เขาคงจะเรียนจบได้แล้ว
2. อีกสองปีข้างหน้า พวกเขาจะได้กลับมาเที่ยวอีกครั้ง
3. เมื่อฉันได้รับผลิตภัณฑ์สัปดาห์หน้าแล้ว ฉันจะแจ้งให้คุณทราบ

ประโยคที่ 1 แสดงถึงการเรียนของเลือดฝนในอนาคตว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นหลังจากสามเดือนที่ผ่านมาและก่อนจบการเรียน
ประโยคที่2 แสดงถึงการมีโอกาสเที่ยวอีกครั้งของพวกเขาในอนาคตที่จะเกิดขึ้นในอีกสองปี
ประโยคที่ 3 เป็นตัวอย่างการใช้ประโยคบอกเล่าในกรณีที่ดูแลเรื่องผลิตภัณฑ์ที่สั่งซื้อทางอินเทอร์เน็ตและจะทราบได้หลังจากได้รับสินค้า

ข้อสังเกตที่สำคัญในการใช้ประโยคบอกเล่าในอนาคตคือมันมีประโยชน์ในการจัดเวลาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคตและคุณสมบัติของประโยคในการเล่าในอนาคต เพื่อให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านทราบว่าเหตุการณ์เหล่านั้นเป็นหลัก และเกิดขึ้นก่อนหรือหลังจากเหตุการณ์ที่กำหนดไว้

FAQs:

1. ประโยคบอกเล่าในอนาคตนั้นคืออะไร?
ประโยคบอกเล่าในอนาคตเป็นประโยคที่เราใช้เพื่อกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ในอนาคตและก่อนเหตุการณ์ที่กำหนดในอนาคต มันช่วยให้เราสามารถมองเห็นว่าเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นก่อนหรือหลังเหตุการณ์อื่นได้

2. ทำไมเราจึงต้องใช้ประโยคบอกเล่าในอนาคต?
การใช้ประโยคบอกเล่าในอนาคตช่วยให้เราสามารถกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อให้ฟังเหมือนผู้ฟังสามารถรู้ว่าเหตุการณ์เหล่านั้นเป็นหลักและเกิดขึ้นก่อนหรือหลังเหตุการณ์ที่กำหนดไว้ในอนาคต

3. บอกเล่าในอนาคตและประโยคบอกเล่าปกติมีความแตกต่างกันอย่างไร?
ประโยคบอกเล่าในอนาคตและประโยคบอกเล่าปกติมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ประโยคบอกเล่าในอนาคตเน้นให้เหตุการณ์นั้นเป็นหลักและเกิดขึ้นก่อนหรือหลังเหตุการณ์ที่กำหนดไว้ ในขณะที่ประโยคบอกเล่าปกติมีแต่การเล่าเรื่องผ่านเวลาทั้งสองฝ่ายโดยไม่ได้จัดเวลาในการเกิดเหตุการณ์

4. ต้องการใช้ประโยคบอกเล่าในอนาคตจะต้องปรับปรุงคำสรรพนามหรือหากคำกริยาอยู่ในอดีตธรรมดาและปรากฏตามลำดับครั้งหน้าถัดไปจะต้องต่อเนื่องกันไหม?
ในประโยคบอกเล่าในอนาคต เราต้องคำนึงถึงความสอดคล้องในลำดับคำกริยาที่เกี่ยวข้อง หากเราใช้กริยาอดีตธรรมดา จากนั้นคำกริยาในข้อความสุดท้ายจะต้องเป็นกริยา in the past participle (V3) และตั้งต่อกันตลอดเวลา

5. ทำไมเราต้องใช้ประโยคใน Future Perfect Tense ต่อเนื่องกัน?
การใช้ประโยคใน Future Perfect Tense ต่อเนื่องกันจำเป็นเพื่อให้เราสามารถกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคตอย่างชัดเจน และเพื่อให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านเข้าใจและเข้าใจได้ว่าเหตุการณ์เหล่านั้นเป็นหลักและเกิดขึ้นก่อนหรือหลังเหตุการณ์ที่กำหนดไว้ในอนาคต

เมื่อเราพูดถึงการใช้ Future Perfect Tense ในภาษาอังกฤษ เพิ่งผ่านมาไม่นานหลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่าแท้จริงแล้ว Future Perfect Tense คืออะไร และใช้อย่างไรในประโยค ในบทความนี้เราจะสอนคุณทุกอย่างเกี่ยวกับ Future Perfect Tense ตัวอย่างประโยคปฏิเสธในภาษาไทย โดยครอบคลุมเนื้อหาทุกประเด็นอย่างละเอียดเป็นรายละเอียด

Future Perfect Tense คือการใช้ภาษาในการอธิบายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก่อนกำหนดเวลาอี่น ๆ หรือเหตุการณ์อื่น ๆ เราใช้ Future Perfect Tense เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตในช่วงเวลาที่ขาดไม่ได้ก่อนเวลาหรือเหตุการณ์อื่น ๆ ที่กำหนดไว้ โดยใช้กริยาเสริม “will have” ร่วมกับกริยาหลักแบบฟอร์มประกอบตามด้วยรูปฟอร์มที่สาม (past participle) ของกริยาหลักดังนั้น Future Perfect Tense จึงถูกใช้อย่างแพร่หลายในประโยคของภาษาอังกฤษ

ตัวอย่างประโยคปฏิเสธในภาษาไทยของ Future Perfect Tense มีดังนี้:

1. เขาจะไม่เสร็จการบ้านก่อนสอบในวันพรุ่งนี้
2. เราจะไม่ได้ชมภาพยนตร์ใหม่โปรดก่อนมันหมดโรง
3. พ่อคงไม่แก่พร้อมใช้งานรถใหม่ก่อนลูกสอบใจครบ
4. แม่ยังไม่ได้ทำขนมอร่อยๆ ให้กับเราก่อนเข้าเรียนใหม่

หากเราต้องการปฏิเสธ Future Perfect Tense เรายังสามารถใช้คำสรรพนามช่วย เช่น “not” เพื่อแสดงถึงความไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้

ตัวอย่างประโยคปฏิเสธของ Future Perfect Tense ในภาษาไทยเพิ่มเติม:

1. เขาจะไม่เคียงครั้งนี้ก่อนเดินทางไปต่างประเทศ
2. เมื่อเสร็จเข้าด้านหลังเราจะไม่ได้พบว่ามีที่เหลือให้เลือก
3. พวกเขาจะไม่กำลังจะได้แก่ที่ต้องการก่อนโลกจบสิ้น
4. จำเป็นต้องใช้สุภาพในทางกระบวนการเรียนการสอนเพื่อไม่ให้ไม่สำเร็จก่อนวันสอบ

อย่างไรก็ตาม อาจจะมีคำถามหลายข้อที่ผู้คนสามารถมีอยู่ในเรื่องนี้ ดังนั้นเราจะมาตอบคำถามบางส่วนที่พบบ่อยในส่วน FAQ ดังนี้:

คำถามที่ 1: Future Perfect Tense คืออะไร?
คำตอบ: Future Perfect Tense เป็นการใช้กฎไวยากรณ์ในภาษาอังกฤษที่ใช้ในการอธิบายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก่อนกำหนดเวลาหรือเหตุการณ์อื่น ๆ

คำถามที่ 2: ต้องใช้กริยาในรูปอะไรบ้างใน Future Perfect Tense?
คำตอบ: เราใช้กริยา “will have” ร่วมกับกริยาหลักแบบฟอร์มประกอบ

คำถามที่ 3: ประโยคปฏิเสธของ Future Perfect Tense มีลักษณะอย่างไร?
คำตอบ: เราสามารถใช้คำสรรพนามช่วย เช่น “ไม่” เพื่อปฏิเสธ Future Perfect Tense

คำถามที่ 4: Future Perfect Tense ใช้ในกรณีใดบ้าง?
คำตอบ: เราใช้ Future Perfect Tense เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตในช่วงเวลาที่ขาดไม่ได้ก่อนเวลาหรือเหตุการณ์อื่น ๆ ที่กำหนดไว้

คำถามที่ 5: เราสามารถใช้คำสรรพนามช่วย Future Perfect Tense แล้วสังเกตความแตกต่างอย่างไร?
คำตอบ: เมื่อเราใช้คำสรรพนามช่วย Future Perfect Tense คำสรรพนามจะต้องอยู่ก่อนกริยาหลักและหลัง “will not have” ดังเช่น “I will not have finished my homework”, “He will not have arrived yet”

สุดท้ายนี้ Future Perfect Tense เป็นช่วงเวลาที่สำคัญในภาษาอังกฤษและเป็นสิ่งที่คุณควรทราบในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ โดยใช้ตัวอย่างประโยคปฏิเสธในภาษาไทยเพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและใช้ Future Perfect Tense ได้อย่างถูกต้อง

มี 19 ภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ หลักการใช้ future perfect tense.