Skip to content
Trang chủ » หลักการใช้ Tense ทั้ง 12: คำอธิบายและตัวอย่างการใช้งาน

หลักการใช้ Tense ทั้ง 12: คำอธิบายและตัวอย่างการใช้งาน

12 Tenses ครบในคลิปเดียว! | เรียน Grammar ภาษาอังกฤษฟรี กับครูดิว

หลักการ ใช้ Tense ทั้ง 12

หลักการใช้ Tense ทั้ง 12 ในภาษาไทย

ในภาษาไทยมี Tense ทั้งหมด 12 ประเภทซึ่งใช้ในการแสดงเวลาและลักษณะการกระทำของประโยค แต่ละ Tense จะมีรูปแบบและข้อกำหนดในการใช้งานที่แตกต่างกันไป ในบทความนี้เราจะพูดถึงหลักการใช้และตัวอย่างประโยคของแต่ละ Tense ทั้ง 12 เพื่อช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจและใช้งานได้อย่างถูกต้อง

1. การใช้ Present Simple Tense
Present Simple Tense ใช้เพื่อแสดงการกระทำหรือสถานะที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยใช้กริยาในรูปฐาน หรือรูป Infinitive โดยไม่ต้องเติมเซียมซีต่อท้าย ตัวอย่างประโยค:
– I eat breakfast every morning. (ฉันกินอาหารเช้าทุกวัน)
– She works in a hospital. (เธอทำงานในโรงพยาบาล)

2. การใช้ Present Continuous Tense
Present Continuous Tense ใช้เพื่อแสดงการกระทำที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยใช้กริยา “be” ในช่องประกอบด้วยกริยาช่องสอง (V-ing) ตัวอย่างประโยค:
– They are playing soccer at the park. (พวกเขากำลังเล่นฟุตบอลที่สวนสาธารณะ)

3. การใช้ Present Perfect Tense
Present Perfect Tense ใช้เพื่อแสดงการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีตและยังคงมีผลกระทบในปัจจุบัน โดยใช้กริยา “have” หรือ “has” ในช่องประกอบด้วยกริยาช่องสาม (V3) ตัวอย่างประโยค:
– I have visited Japan. (ฉันเคยไปเยี่ยมชมประเทศญี่ปุ่น)
– She has lived in Bangkok for five years. (เธออาศัยอยู่กรุงเทพมหานครมาเป็นเวลาห้าปีแล้ว)

4. การใช้ Present Perfect Continuous Tense
Present Perfect Continuous Tense ใช้เพื่อแสดงการกระทำที่เริ่มขึ้นในอดีตและยังคงเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน โดยใช้กริยา “have been” หรือ “has been” ในช่องประกอบด้วยกริยาช่องห้า (V-ing) ตัวอย่างประโยค:
– They have been studying English for two hours. (พวกเขาเรียนภาษาอังกฤษมาเป็นเวลาสองชั่วโมงแล้ว)
– I have been waiting for the bus since 6 o’clock. (ฉันรอรถเมล์ตั้งแต่เวลา 6 โมงเช้า)

5. การใช้ Past Simple Tense
Past Simple Tense ใช้เพื่อแสดงการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีตและเสร็จสิ้นแล้ว โดยใช้กริยาในรูปฐาน หรือรูป Infinitive พร้อมเติม “-ed” หรือ “-d” ต่อท้าย ตัวอย่างประโยค:
– He visited his grandparents last weekend. (เขาไปเยี่ยมปู่ย่าของเขาในวันสุดสัปดาห์ที่แล้ว)
– They studied English in school yesterday. (พวกเขาเรียนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนเมื่อวานนี้)

6. การใช้ Past Continuous Tense
Past Continuous Tense ใช้เพื่อแสดงการกระทำที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต โดยใช้กริยา “was” หรือ “were” ในช่องประกอบด้วยกริยาช่องสอง (V-ing) ตัวอย่างประโยค:
– She was reading a book when I called her. (เธอกำลังอ่านหนังสือเมื่อฉันโทรหาเธอ)
– They were playing soccer when it started raining. (พวกเขากำลังเล่นฟุตบอลเมื่อเริ่มต้นฝนตก)

7. การใช้ Past Perfect Tense
Past Perfect Tense ใช้เพื่อแสดงการกระทำที่เกิดขึ้นก่อนการกระทำอื่นในอดีต โดยใช้กริยา “had” ในช่องประกอบด้วยกริยาช่องสาม (V3) ตัวอย่างประโยค:
– I had finished my homework before I went to bed. (ฉันได้ทำการบ้านเสร็จก่อนที่จะไปนอน)
– They had left the party when she arrived. (พวกเขาไปก่อนที่เธอจะมาถึงงานเลี้ยง)

8. การใช้ Past Perfect Continuous Tense
Past Perfect Continuous Tense ใช้เพื่อแสดงการกระทำที่เริ่มต้นและสิ้นสุดในอดีต โดยใช้กริยา “had been” ในช่องประกอบด้วยกริยาช่องห้า (V-ing) ตัวอย่างประโยค:
– We had been waiting for the train for two hours when it finally arrived. (เรารอรถไฟมาเป็นเวลาสองชั่วโมงก่อนที่รถจะมาถึง)
– She had been working on the project for weeks before she submitted it. (เธอทำงานโครงการมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ก่อนที่เธอจะส่งมัน)

FAQs (คำถามที่พบบ่อย)

Q: ใช้ Tense ทั้ง 12 ในประโยคเดียวกันได้ไหม?
A: ใช้ Tense ทั้ง 12 ในประโยคเดียวกันไม่ใช่เรื่องที่แนะนำ เนื่องจากแต่ละ Tense มีการแสดงความหมายและเนื้อหาที่แตกต่างกัน การใช้แบบไม่ถูกต้องอาจจะทำให้ประโยคดูยุ่งเหยิงและเข้าใจยาก

Q: มีไฟล์สรุป Tense ทั้ง 12 เอาไว้ศึกษาเพิ่มเติมหรือไม่?
A: สามารถหาไฟล์สรุป Tense ทั้ง 12 ที่มีตัวอย่างและอธิบายอย่างละเอียดได้ในรูปแบบ PDF หรือ PPT เพื่อช่วยในการศึกษาและทบทวน

Q: ทำไมจำเป็นต้องเรียนรู้ Tense ทั้ง 12?
A: เรียนรู้ Tense ทั้ง 12 เป็นสิ่งสำคัญในการเรียนภาษาอังกฤษ เพราะสามารถใช้ในการแสดงกาลเวลาและสภาพต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ยังช่วยในการเขียนและพูดให้ถูกต้องและคล่องตัวกว่า

Q: มีทรงกาลเวลาอื่น ๆ นอกจาก Tense ทั้ง 12 หรือไม่?
A: ในภาษาอังกฤษยังมีทรงกาลเวลาอื่น ๆ เช่น Future Tense, Future Continuous Tense, Future Perfect Tense, Future Perfect Continuous Tense เป็นต้น ซึ่งจะไม่ถูกนำเสนอในบทความนี้

12 Tenses ครบในคลิปเดียว! | เรียน Grammar ภาษาอังกฤษฟรี กับครูดิว

คำสำคัญที่ผู้ใช้ค้นหา: หลักการ ใช้ tense ทั้ง 12 tense ทั้ง 12 พร้อมตัวอย่าง, tense ทั้ง 12 อย่างละเอียด pdf, tense ตัวอย่างประโยค, สรุป tense เข้าใจง่าย, ไฟล์ สรุป 12 Tense, tense ทั้ง 12 อย่างละเอียด ppt, ตารางสรุป tense pdf, โครงสร้าง Tense ทั้ง 12

รูปภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ หลักการ ใช้ tense ทั้ง 12

12 Tenses ครบในคลิปเดียว! | เรียน Grammar ภาษาอังกฤษฟรี กับครูดิว
12 Tenses ครบในคลิปเดียว! | เรียน Grammar ภาษาอังกฤษฟรี กับครูดิว

หมวดหมู่: Top 10 หลักการ ใช้ Tense ทั้ง 12

12 Verb Tenses มีอะไรบ้าง

12 ประเภทของกริยาในภาษาไทย

การเรียนรู้ระบบกริยาในภาษาไทยเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาทักษะและความคิดเชิงไวยากรณ์ นั่นก็เพราะกริยาเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้คำพูดมีความออกเสียงถูกต้องและสื่อความหมายได้อย่างถูกต้อง ในภาษาไทยมีกลุ่มกริยาที่แบ่งออกเป็น 12 ประเภทหลัก กรุณาอ่านต่อเพื่อรู้จักและเรียนรู้เกี่ยวกับกริยาแต่ละประเภทเพื่อให้เข้าใจและใช้ประโยชน์ในการสื่อสารในชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น.

1. กริยาหลงเหลือ (Present Simple):
กริยาหลงเหลือใช้ในกรรมวิเศษที่กำหนดเวลาที่เกี่ยวข้อง โดยจะใช้รูปของกริยาที่ไม่มี “-อ-” หรือ “-่อ-” ต่อหน้าถ้ากริยาเป็นคำกริยาที่ไม่ลงเหลือ เช่น “ดำเนินการ”, “อยู่”, “บอก”, “ไป”, และอีกมากมาย

ตัวอย่าง: เธอนั่งอ่านหนังสือทุกวัน (She reads a book every day).

2. กริยาอนุมาน (Present Continuous):
กริยาอนุมานใช้ในกรณีที่กำลังมีการกระทำอยู่เมื่อปัจจุบัน โดยใช้รูปของ “กำลัง + กริยา” อย่างไรก็ตาม กริยาในรูปแบบนี้ไม่ควรใช้กับคำกริยาที่ลงเหลือ เช่น “เหนื่อยนั่งอ่าน”, “หลับ”, “เครียด”

ตัวอย่าง: เขากำลังเขียนบทความมากขึ้น (He is writing more articles).

3. กริยาลุ่มปัจจุบัน (Present Continuous for the Future):
กริยากรรมที่ใช้ในอนาคตในปัจจุบันโดยชัดเจน ใช้รูปของกริยาที่มี “กำลัง + กริยา” ต่อหน้า พร้อมกับใส่คำวันที่หรือเวลาที่อยู่ในอนาคต โดยอัตราร้อยละคำนี้จะไม่สัมพันธ์กับกริยาที่ลงเหลือ เช่น “พรุ่งนี้ เราจะกำลังทำงาน”

ตัวอย่าง: พรุ่งนี้ฉันกำลังไปเที่ยว (Tomorrow I am going on a trip).

4. กริยาลุ่มอนาคต (Future Simple):
กริยาลุ่มอนาคตใช้ในกรณีที่มีการกระทำเมื่ออนาคต โดยใช้รูปของกริยาที่มี “จะ + กริยา” กับกริยาเหล่านี้ เช่น “ไป”, “เรียน”, “เขียน”, “ขอ”, “ตอบ” และอีกมากมาย

ตัวอย่าง: พรุ่งนี้เขาจะเดินทางไปกรุงเทพ (Tomorrow he will travel to Bangkok).

5. กริยาเตือน (Imperative):
กริยาเตือนใช้ในกรณีที่ต้องการเรียกผู้อื่นทำบางสิ่งบางอย่าง โดยใช้รูปของกริยาแบบตรงๆ ซึ่งเป็นกริยาที่ไม่ต้องเติมคำว่า “เถอะ” หรือ “นะ” เพื่อในคำสั่ง ตัวอย่างที่เรียกใช้กันบ่อยคือ “นั่งที่นี่”, “เปิดหนังสือ”, “รอสักครู่”

ตัวอย่าง: หยุดนิ่งเดี๋ยวนี้! (Stop right now!)

6. กริยาที่เกิดขึ้นจริงและจะเกิดขึ้น (Present Simple & Future Simple):
กริยาโอกาสนี้นั้นใช้เมื่อเราต้องการถกเถียงเท็จจริงว่าการกระทำบางอย่างเกิดมาแล้วหรือจะเกิดขึ้นในอนาคต ในรูปแบบนี้ เราจะใช้รูปของกริยาที่มี “ประโยคส่วนไม่ซ้ำ” ของกริยาเหล่านั้น

ตัวอย่าง: เขาไม่ประกาศสหภาพ (He does not declare solidarity).

7. กริยาผสมเสียงสระ diphthong อ่อ (diphthong Verbs):
กริยาผสมเสียงสระ diphthong ต้องเว้นช่องว่างก่อนเสียง “่อ” ของกริยา เช่น “ถ่าย”, “ถ้อย”, “ค่อย” เป็นต้น

ตัวอย่าง: พี่ต้องการถอดอาวุธนี้ออก (Brother wants to disarm this weapon).

8. กริยาผสมเสียงสระ diphthong เปอ (diphthong Verbs):
กริยาผสมเสียงสระ diphthong เปอ ต้องเว้นช่องว่างหรือใส่เสียง “้ว”, “ว” หรือ “โว” แทน “เปย์” เหมือนกริยาที่ทำเสียง ‘เฮียน’ เช่น “เปย์”, “ตี้ว”, “รบิว”

ตัวอย่าง: จะเอาของฉันไปส่งอ่ะ (I will take my belongings).

9. กริยาควบคู่ (Auxiliary Verbs):
กริยาควบคู่ใช้เพื่อเพิ่มความหมายให้คำกริยาหลัก ส่วนกลุ่มหลักของกริยาควบคู่ได้แก่ “เอ่ย”, “ได้”, “อาจ” และ “ควร” ซึ่งมักเป็นไปในกรรมวิธี

ตัวอย่าง: คุณอาจต้องชิงให้ได้ (You may have to compete to get it).

10. กริยาความสมบูรณ์ (Perfect Verbs):
กริยาความสมบูรณ์ใช้เพื่อแสดงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอายุหรือเวลาที่แสดงบนกริยาหลักจากเวลาบนหรือใกล้ๆกริยาหลัก กลุ่มหลักของกริยาความสมบูรณ์รวมถึง “เคย”, “เกิด”, “เคยทำ”, “เข้ามา” และ “ออกมา”

ตัวอย่าง: เขาเคยไปแวะในเมืองนี้ (He used to stop by this town).

11. กริยารูปใดก็ได้ (Can do anything Verbs):
กริยารูปใดก็ได้ใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในการสื่อสาร ไม่จำเป็นต้องใส่คำถามเฉพาะ หลายคำกริยาเหล่านี้อาจใช้กับกริยาสมการ เช่น “주เกับ”, “ใจจ่อใจจู่”, “ใส่หู”, “รดน้ำ”

ตัวอย่าง: ช่วยเล่าเรื่องที่นี่อีกทีหน่อยได้ไหม (Could you tell the story here again?)

12. กริยาสตรองค์ปิดที่อนุรักษ์อยู่ (Closed-stem Verbs):
เป็นกริยาที่ลงตัวกริยาหลักพบได้ถ้ามีคำถามเป็นประโยชน์ ในหน่วยที่พบว่ารู้ กลุ่มกริยาพลเมืองนับเป็นลูกผสมของกริยาสตรองค์ปิดเนื่องจากมีความสมมาตรกัน

ตัวอย่าง: พลเมืองนี้ดอกไม้นี่อายุมากแล้ว (This citizen has been living here for a long time).

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ 12 กริยาในภาษาไทย

คำถาม 1: มีประเภทของกริยาในภาษาไทยทั้งหมดกี่ประเภท?
คำตอบ: มี 12 ประเภทหลักของกริยาในภาษาไทย

คำถาม 2: กริยาหลงเหลือใช้เมื่อใด?
คำตอบ: กริยาหลงเหลือใช้เมื่อกำหนดเวลาที่เกี่ยวข้องกับกรรมวิเศษ

คำถาม 3: กริยาลุ่มปัจจุบันสำหรับอนาคตใช้ในกรณีใด?
คำตอบ: กริยาลุ่มปัจจุบันสำหรับอนาคตใช้เมื่อมีการกระทำในอนาคตโดยชัดเจน

คำถาม 4: กริยาเตือนใช้ในกรณีไหน?
คำตอบ: กริยาเตือนใช้เพื่อร้องเรียกผู้อื่นทำบางสิ่งบางอย่าง

คำถาม 5: กริยาผสมเสียงสระ diphthong เปอใช้ในกรณีใด?
คำตอบ: กริยาผสมเสียงสระ diphthong เปอใช้เมื่อต้องการกันพลาดหรือเลี้ยงดูกริยา

คำถาม 6: กริยาความสมบูรณ์ใช้เมื่อใด?
คำตอบ: กริยาความสมบูรณ์ใช้เพื่อแสดงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอายุหรือเวลาที่แสดงบนกริยาหลัก

คำถาม 7: กริยารูปใดก็ได้ใช้เมื่อใด?
คำตอบ: กริยารูปใดก็ได้ใช้เพื่อถกเถียงคำสั่งต่างๆ

คำถาม 8: กริยาสตรองค์ปิดใช้อย่างไร?
คำตอบ: กริยาสตรองค์ปิดใช้ในกรณีที่ว่าคำไหนครอบคลุมหลายประโยค

คำถาม 9: กริยาไหนที่ใช้เพื่อเรียกให้เกิดขึ้นใหม่?
คำตอบ: กริยาเคาท์อยู่ในกลุ่มที่ใช้ทำให้เกิดเป็นของใหม่ล้วนๆ.

คำถาม 10: กริยาใดที่มีความสมมาตรกัน?
คำตอบ: มีกลุ่มคำกริยาให้เห็นการอนุรักษ์ทางภาคไวยากรณ์

4 Tense มีอะไรบ้าง

4 Tenses มีอะไรบ้าง: A Comprehensive Guide

In the Thai language, tenses play a crucial role in conveying the time at which an action occurs. Understanding and correctly using tenses is essential for effective communication. Thai language learners often encounter challenges when dealing with tenses due to their complexity. In this article, we will explore the four main tenses in Thai – present, past, future, and present continuous – and provide examples to enhance your understanding. Additionally, we will address frequently asked questions to clear any uncertainties you may have.

Present Tense (ปัจจุบัน)
The present tense, also known as ปัจจุบัน in Thai, is used to describe actions that are happening currently or describe general truths. In this tense, verbs remain in their base form. Let’s take a look at some examples:

1. เรากินข้าวตอนเย็น (rao gin khao dton yen) – We eat dinner.
2. ฉันฝึกภาษาไทยทุกวัน (chan feuk pha-sa Thai took wan) – I practice Thai language every day.
3. พรุ่งนี้เขาไปParis (phrung nee kao bpai Paris) – Tomorrow, he is going to Paris.

Past Tense (อดีต)
The past tense, called อดีต in Thai, is used to describe actions that occurred in the past. To convey the past tense, Thai verbs are modified by adding the word “เคย” (khoey) before the verb. Let’s explore some examples:

1. เมื่อวานนี้ฉันเหนื่อยมาก (meuan wan nee chan neuay maak) – Yesterday, I was very tired.
2. เราเคยอยู่ที่นี้ (rao khoey yuu tee nee) – We used to be here.
3. เธอเคยเป็นนักศึกษาดี (ter khoey pen nak sueksa dee) – She used to be a good student.

Future Tense (อนาคต)
The Thai future tense, known as อนาคต, expresses actions that will occur in the future. To form the future tense, the word “จะ” (ja) is placed before the verb. Here are some examples:

1. พรุ่งนี้ฉันจะไปเที่ยวทะเล (phrung nee chan ja bpai tiao talay) – Tomorrow, I will go to the beach.
2. เราจะเจอกันที่ห้องสมุด (rao ja juh gan tee hawng sa-moot) – We will meet at the library.
3. เขาจะย้ายบ้านในไม่ช้า (kao ja yai baan nai mai cha) – He will move house soon.

Present Continuous Tense (ปัจจุบันกำลังทำ)
The present continuous tense in Thai is used to describe actions that are currently happening or are in progress. By adding the word “กำลัง” (gamlang) before the verb, this tense can be formed. Observe these examples:

1. ฉันกำลังอ่านหนังสือ (chan gamlang arn nang seu) – I am reading a book.
2. เขากำลังเขียนอีเมลล์ (kao gamlang kian e-mae) – He is writing an email.
3. เรากำลังเล่นกีฬา (rao gamlang len ki-la) – We are playing sports.

FAQs

Q: Are there any irregular verbs in Thai tenses?
A: No, there are no irregular verbs in Thai tenses. Therefore, you can apply the same rules to all verbs regardless of their form.

Q: How do I change a verb from present to past tense?
A: To convert a verb from present to past tense, add the word “เคย” (khoey) before the base verb.

Q: Can future tense be formed without using “จะ” (ja)?
A: While “จะ” (ja) is commonly used to indicate future tense, it is not mandatory. In informal conversations or when context clarifies the timing, omitting “จะ” (ja) is acceptable.

Q: Are there any exceptions to the present continuous tense?
A: Yes, there is an exception to the present continuous tense in Thai. Some verbs indicating physical or emotional states, like “รู้” (roo; to know), “เชื่อ” (cheu; to believe), or “รัก” (rak; to love), are not used in present continuous tense.

Q: How can I ask questions using different tenses?
A: In Thai, you can form questions by simply adding a question word, such as “ไหม” (mai) at the end of the sentence, regardless of the tense. For example, “คุณกินข้าวหรือเปล่า” (kun gin khao reu bplao) – Are you eating rice?

In conclusion, understanding and mastering the four tenses in Thai is vital for effective communication. By familiarizing yourself with the present, past, future, and present continuous tenses, you will be able to express actions accurately in various time frames. Remember to practice using these tenses in conversation and refer back to this article as a comprehensive guide whenever needed. Happy learning!

ดูเพิ่มเติมที่นี่: lasbeautyvn.com

Tense ทั้ง 12 พร้อมตัวอย่าง

การใช้รูปแบบกริยา (Tense) เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในภาษาไทย โดยที่วิธีการใช้รูปแบบกริยาจะช่วยให้เราสามารถเล่าเรื่องราวหรือสถานการณ์ต่างๆ ให้คนอื่นเข้าใจได้อย่างถูกต้องและระเบียบเรียบร้อย ในภาษาไทยนั้น มีทั้งหมด 12 รูปแบบกริยาหรือ Tense ซึ่งแต่ละรูปแบบจะเกี่ยวข้องกับเวลา (Time) ที่กำหนดไว้ ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาพูดถึง tense ทั้ง 12 พร้อมตัวอย่างการใช้งานเบื้องต้นในแต่ละรูปแบบ

1. Present Simple Tense (การกระทำที่เกิดขึ้นบ่อยๆ)
Present Simple Tense ใช้เพื่ออธิบายการกระทำที่เกิดขึ้นบ่อยๆ หรือสภาวะที่เป็นความจริง เช่น
– คุณเดินไปทางโรงเรียนทุกวัน (You go to school every day)
– เขาอยู่ที่ไทยตลอดเวลา (He lives in Thailand all the time)

2. Present Continuous Tense (การกระทำที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน)
Present Continuous Tense ใช้เพื่ออธิบายการกระทำที่กำลังเกิดขึ้นไปในขณะนี้ เช่น
– ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ (I am reading a book)
– เขากำลังทำงาน (She is working)

3. Present Perfect Tense (การกระทำที่เกิดขึ้นแล้วหรือเสร็จสิ้นแต่ยังมีผลต่อปัจจุบัน)
Present Perfect Tense ใช้เพื่ออธิบายการกระทำที่เกิดขึ้นแล้วหรือเสร็จสิ้น แต่มีผลต่อปัจจุบันเช่น
– ฉันได้ดูหนังเรื่องนี้ไปแล้ว (I have watched this movie)
– เขาได้ลองไปแล้ว (He has tried it)

4. Present Perfect Continuous Tense (การกระทำที่เริ่มต้นในอดีตและยังคงดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน)
Present Perfect Continuous Tense ใช้เพื่ออธิบายการกระทำที่เริ่มต้นในอดีตและยังคงดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน เช่น
– เขาได้ทำงานนี้มาเป็นเวลา 3 ชั่วโมงแล้ว (He has been working on this project for 3 hours)
– ทั้งคู่กำลังพูดคุย (They have been talking)

5. Past Simple Tense (การกระทำที่เกิดขึ้นในอดีต)
Past Simple Tense ใช้เพื่ออธิบายการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีตและเสร็จสิ้นไปแล้ว เช่น
– เมื่อวานนี้ฉันเดินไปทางสวนสาธารณะ (Yesterday, I went to the park)
– เขาดูหนังเมื่อวาน (He watched a movie yesterday)

6. Past Continuous Tense (การกระทำที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต)
Past Continuous Tense ใช้เพื่ออธิบายการกระทำที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต เช่น
– เมื่อวานนี้ฉันกำลังเรียน (Yesterday, I was studying)
– เธอกำลังอ่านหนังสือ (She was reading a book)

7. Past Perfect Tense (การกระทำที่เกิดขึ้นก่อนเวลาใดเวลาหนึ่งในอดีต)
Past Perfect Tense ใช้เพื่ออธิบายการกระทำที่เกิดขึ้นก่อนเวลาใดเวลาหนึ่งในอดีต เช่น
– เมื่อฉันมาถึง เขาได้ทำงานเสร็จแล้ว (When I arrived, he had finished his work)
– ฉันไม่ได้รับข่าวเรื่องนี้ก่อนหน้านี้ (I hadn’t heard this news before)

8. Past Perfect Continuous Tense (การกระทำที่เกิดขึ้นต่อเนื่องจากจุดใดจุดหนึ่งในอดีต)
Past Perfect Continuous Tense ใช้เพื่ออธิบายการกระทำที่เกิดขึ้นต่อเนื่องจากจุดใดจุดหนึ่งในอดีต เช่น
– เธอได้เรียนวาทยากรนี้มานานเกือบหนึ่งชั่วโมงเมื่อฉันได้พบเธอ (She had been studying with this speaker for nearly an hour when I met her)
– เมื่อนักศึกษาเข้าห้องเรียน เครื่องปรับอากาศกำลังทำงานมาเป็นเวลา 2 ชั่วโมงแล้ว (The air conditioner had been running for 2 hours when the students entered the classroom)

9. Future Simple Tense (การกระทำที่จะเกิดขึ้นในอนาคต)
Future Simple Tense ใช้เพื่ออธิบายการกระทำที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น
– พรุ่งนี้ฉันจะไปเที่ยวทะเล (Tomorrow, I will go to the beach)
– เขาจะเข้ามหาวิทยาลัย (He will go to university)

10. Future Continuous Tense (การกระทำที่กำลังจะเกิดในอนาคต)
Future Continuous Tense ใช้เพื่ออธิบายการกระทำที่จะกำลังเกิดในอนาคต เช่น
– พรุ่งนี้ที่นั่งกินข้าว คุณจะกำลังกินอะไรอยู่ (Tomorrow at this time, what will you be eating?)
– พรุ่งนี้ตอนเช้า เขาจะกำลังเขียนบทความใหม่ (Tomorrow morning, she will be writing a new article)

11. Future Perfect Tense (การกระทำที่จะเกิดเสร็จในอนาคต)
Future Perfect Tense ใช้เพื่ออธิบายการกระทำที่จะเกิดและเสร็จสิ้นในอนาคต เช่น
– เมื่อเขามาเยี่ยม เราจะเรียนจบ (When he comes to visit, we will have finished the lesson)
– พรุ่งนี้ตอนเที่ยง เขาจะทำงานมาเป็นเวลา 8 ชั่วโมง (Tomorrow at noon, she will have been working for 8 hours)

12. Future Perfect Continuous Tense (การกระทำที่จะเริ่มต้นในปัจจุบันหรือในอดีตและดำเนินการต่อไปจนถึงเวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคต)
Future Perfect Continuous Tense ใช้เพื่ออธิบายการกระทำที่จะเริ่มต้นในปัจจุบันหรือในอดีตและดำเนินการต่อไปจนถึงเวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคต เช่น
– ในเดือนหน้า เราจะมีบรรยากาศแห่งความเป็นเอกลักษณ์สมบูรณ์ไปมากเนื่องจากเรามีคาบเคมีในเวลานี้ในระยะเวลาอย่างยาวนาน (Next month, we will have been having chemistry lessons during this time for a long time, so the atmosphere will be very distinctive)

FAQs (คำถามที่พบบ่อย)
1. ทำไมการใช้รูปแบบกริยาในภาษาไทยถึงสำคัญอย่างมาก?
การใช้รูปแบบกริยาในภาษาไทยสำคัญอย่างมาก เพราะเราสามารถสื่อสารเรื่องราวและสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างละเอียดถูกต้อง และเข้าใจได้เหมือนเรากำลังเกิดขึ้นในภาพนิ่ง การใช้รูปแบบกริยาที่ถูกต้องจะช่วยให้คนอื่นเข้าใจเรื่องราวและสถานการณ์ของเราได้อย่างถูกต้อง

2. รูปแบบกริยาเหล่านี้มีความซับซ้อนหรือยากในการเรียนรู้บ้างหรือไม่?
รูปแบบกริยาเหล่านี้อาจจะดูซับซ้อนเมื่อเรามองในทางด้านตัวเลขหรือรายละเอียดของแต่ละรูปแบบ แต่จริงๆ แล้วเมื่อได้เรียนรู้และปฏิบัติตามตัวอย่างการใช้งาน จะพบว่าการใช้รูปแบบกริยาในภาษาไทยนั้นง่ายและมีความเป็นรูปธรรม ควรฝึกทำแบบฝึกหัดอย่างต่อเนื่องเพื่อเข้าใจและปฏิบัติตามตัวอย่างเพิ่มเติม

3. ควรเรียนรู้รูปแบบกริยาแบบไหนก่อนอย่างไร?
การเรียนรู้รูปแบบกริยาแบบใดก่อนควรขึ้นอยู่กับการเรียนรู้และการทำฝึกปฏิบัติของแต่ละบุคคล แต่ส่วนใหญ่แล้ว การเริ่มต้นเรียนรู้รูปแบบกริยาที่ดูเป็นรูปแบบธรรมดา หรือ Present Simple Tense เป็นที่นิยม เนื่องจากภาษาอังกฤษใช้กริยาเสมอกันทุกเวลาและหัวเรื่องรูปแบบอื่น ๆ จะเชื่อมต่อกับภาษาอังกฤษได้โดยตรง หากสนใจเรียนรู้วิธีการใช้และตัวอย่างกริยาแต่ละรูปแบบ ควรเริ่มต้นด้วยการอ่านเนื้อหาหรือเรียนในแหล่งข้อมูลที่เข้าใจง่ายและมีตัวอย่างการใช้งานเพื่อประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

การใช้รูปแบบกริยาในภาษาไทยนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะเราจะสามารถสื่อสารและเล่าเรื่องราวให้คนอื่นเข้าใจได้อย่างถูกต้องและกระชับ ความเข้าใจและการปฏิบัติตามตัวอย่างการใช้กริยาในแต่ละรูปแบบจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้เราสามารถใช้รูปแบบกริยาที่ถูกต้องในเหตุการณ์และขณะที่ต้องการสื่อสาร

Tense ทั้ง 12 อย่างละเอียด Pdf

รูปแบบการใช้รูปของคำกริยา (tense) เป็นเรื่องที่สำคัญในภาษาอังกฤษ เนื่องจากมีบทบาทในการแสดงความเป็นเวลาและสถานะของเหตุการณ์ นอกจากนี้ยังมีผลต่อความหมายและความน่าเชื่อถือในการสื่อสาร ในบทความนี้จะกล่าวถึงประเภทของ tense และลักษณะการใช้ในประโยคทั้ง 12 อย่าง พร้อมทั้งใบงานพร้อมช่วยเขียนและคำถามที่พบบ่อย

ประเภทของรูปการกาหนดเวลา (tense)

ในภาษาอังกฤษมีรูปการกำหนดเวลาที่แตกต่างกันอยู่ทั้งหมด 12 ประเภท ดังนี้

1. Present Simple Tense
ใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่เป็นนิสัยธรรมดา ประกอบไปด้วยคำกริยาอดีตช่วย (do, does หรือdid) เมื่อใช้กับกริยาที่เป็นคำกริยาช่วย (auxiliary verb) จะเป็นปัจจุบันกำลังทำอยู่หรือไม่กำลังทำอยู่

2. Present Continuous Tense
ใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นบนปัจจุบันหรือหลังจากนี้ ประกอบไปด้วยกริยาช่วยอย่าง “am, is, are” และกริยาเติม -ing หรือผันกริยาตามกฎ.

3. Present Perfect Tense
ใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตแต่ทำให้มีผลต่อปัจจุบัน

4. Present Perfect Continuous Tense
ใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและยังคงเกิดขึ้นและมีผลต่อปัจจุบัน เป็นต้นไป

5. Past Simple Tense
ใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงในอดีต ประกอบไปด้วยกริยาช่วยอย่าง “did” และกริยาหลักที่ไม่ผัน (base form)

6. Past Continuous Tense
ใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต ประกอบไปด้วยกริยาช่วยอย่าง “was, were” และกริยาเติม -ing หรือผันกริยาตามกฎ.

7. Past Perfect Tense
ใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตก่อนหน้าเหตุการณ์อื่นๆ ประกอบไปด้วยกริยาช่วยอย่าง “had” และกริยาหลักที่ไม่ผัน (base form)

8. Past Perfect Continuous Tense
ใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตก่อนหน้าเหตุการณ์อื่นๆ โดยเน้นเรื่องเวลาและความยากลำบากในการใช้คำต่างๆ ในประโยค

9. Future Simple Tense
ใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ประกอบไปด้วยคำกริยาหลักที่ไม่ผัน (base form) หรือกริยาช่วยเช่น “will, shall”

10. Future Continuous Tense
ใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์หรือกิจกรรมที่จะกำลังเกิดขึ้นในอนาคตหรือช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ประกอบไปด้วยกริยาช่วยอย่าง “will be” และกริยาเติม -ing หรือผันกริยาตามกฎ.

11. Future Perfect Tense
ใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์หรือกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นก่อนการเกิดเหตุการณ์อื่น ประกอบไปด้วยคำกริยาช่วยอย่าง “will have” และกริยาหลักที่ไม่ผัน (base form)

12. Future Perfect Continuous Tense
ใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์หรือกิจกรรมที่เกิดขึ้นและยังคงเกิดขึ้นก่อนการเกิดเหตุการณ์อื่น ๆ ในอนาคต

FAQs ในการใช้รูปการกำหนดเวลา (tense)

Q1: มีกี่ประเภทของ tense ในภาษาอังกฤษ?
A1: มีทั้งหมด 12 ประเภทของรูปการกำหนดเวลา

Q2: Present Simple Tense ใช้ในกรณีใดๆ?
A2: Present Simple Tense ใช้ในกรณีที่ต้องการอธิบายเหตุการณ์ที่เป็นนิสัยธรรมดาและเป็นประจำ

Q3: Past Simple Tense ใช้ในกรณีใดๆ?
A3: Past Simple Tense ใช้ในกรณีที่ต้องการอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงในอดีต

Q4: วิธีใช้ Present Perfect Tense เป็นอย่างไร?
A4: Present Perfect Tense ใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตแต่ทำให้มีผลต่อปัจจุบัน

Q5: Past Continuous Tense มีความหมายเป็นอย่างไร?
A5: Past Continuous Tense ใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต

Q6: วิธีใช้ Future Perfect Tense เป็นอย่างไร?
A6: Future Perfect Tense ใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์หรือกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นก่อนการเกิดเหตุการณ์อื่น

Q7: Future Perfect Continuous Tense ใช้เมื่อไร?
A7: Future Perfect Continuous Tense ใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์หรือกิจกรรมที่เกิดขึ้นและยังคงเกิดขึ้นก่อนการเกิดเหตุการณ์อื่น

สรุป

การใช้รูปการกำหนดเวลา (tense) เป็นสิ่งสำคัญในการสื่อสารภาษาอังกฤษ มีทั้งหมด 12 ประเภทขึ้นอยู่กับจำนวนเหตุการณ์และเวลาที่ต้องการแสดงผล การเรียนรู้เกี่ยวกับ tense จะช่วยให้คุณสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้องและน่าเชื่อถือ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจและสามารถใช้งาน tense ได้อย่างง่ายดาย

มี 8 ภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ หลักการ ใช้ tense ทั้ง 12.

12 Tense ในภาษาอังกฤษ: โครงสร้าง หลักการใช้ และสัญญาณการรับรู้
12 Tense ในภาษาอังกฤษ: โครงสร้าง หลักการใช้ และสัญญาณการรับรู้
ใบความรู้ตารางสรุป 12 Tenses (Pdf)
ใบความรู้ตารางสรุป 12 Tenses (Pdf)
สรุป Tense ภาษาอังกฤษ ทั้ง 12 แบบ จำง่าย สไตล์ครูดิว! | Opendurian เตรียมสอ  บ Toeic Ielts Tcas ก.พ. | บทเรียนคณิตศาสตร์, วิธีการสอน, การเรียนภาษาอังกฤษ
สรุป Tense ภาษาอังกฤษ ทั้ง 12 แบบ จำง่าย สไตล์ครูดิว! | Opendurian เตรียมสอ บ Toeic Ielts Tcas ก.พ. | บทเรียนคณิตศาสตร์, วิธีการสอน, การเรียนภาษาอังกฤษ
สรุปการใช้ Tense ทั้ง 12 Tenses อย่างละเอียด ครอบคลุม เข้าใจง่าย -  ภาษาอังกฤษออนไลน์
สรุปการใช้ Tense ทั้ง 12 Tenses อย่างละเอียด ครอบคลุม เข้าใจง่าย – ภาษาอังกฤษออนไลน์
สรุปรวมโครงสร้างและหลักการใช้ 12 Tense: สรุปโครงสร้างและหลักการใช้ 12 Tense
สรุปรวมโครงสร้างและหลักการใช้ 12 Tense: สรุปโครงสร้างและหลักการใช้ 12 Tense
สูตร Tense 12 ชิ ว ชิ ว : สรุปโครงสร้าง 12 Tense ฉบับรวบรัดสั้นๆ -  ภาษาอังกฤษออนไลน์
สูตร Tense 12 ชิ ว ชิ ว : สรุปโครงสร้าง 12 Tense ฉบับรวบรัดสั้นๆ – ภาษาอังกฤษออนไลน์
เรียนมา 12 ปีไม่เคยจำได้!! มาดูวิธีจำ 12 Tense แป๊บเดียวก็ได้ง่ายจัง
เรียนมา 12 ปีไม่เคยจำได้!! มาดูวิธีจำ 12 Tense แป๊บเดียวก็ได้ง่ายจัง
รวมหลักการใช้ 12 Tense แบบละเอียด ครบ จบ ในที่เดียว
รวมหลักการใช้ 12 Tense แบบละเอียด ครบ จบ ในที่เดียว
Jj Style'S] 09/07/64 🟡Blog 17/100 ⏰11:45-12:01 📚วันนี้จะมาอธิบาย 1  Concept ในเรื่อง “ 12 Tense ” 📍จากวิชา 001211 English Listening And  Speaking For Communication ( การฟังและการพูกภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสา
Jj Style’S] 09/07/64 🟡Blog 17/100 ⏰11:45-12:01 📚วันนี้จะมาอธิบาย 1 Concept ในเรื่อง “ 12 Tense ” 📍จากวิชา 001211 English Listening And Speaking For Communication ( การฟังและการพูกภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสา
มาทำความรู้จักกับ Tense | Learning 4 Live
มาทำความรู้จักกับ Tense | Learning 4 Live
รวมหลักการใช้ 12 Tense แบบละเอียด ครบ จบ ในที่เดียว
รวมหลักการใช้ 12 Tense แบบละเอียด ครบ จบ ในที่เดียว
12 Tense มีอะไรบ้าง และโครงสร้างประโยคเป็นอย่างไร
12 Tense มีอะไรบ้าง และโครงสร้างประโยคเป็นอย่างไร
สรุป 12 Tense ภาษาอังกฤษ ใช้ยังไง การใช้ ตัวอย่างประโยค – Bestkru
สรุป 12 Tense ภาษาอังกฤษ ใช้ยังไง การใช้ ตัวอย่างประโยค – Bestkru
รวมหลักการใช้ 12 Tense แบบละเอียด ครบ จบ ในที่เดียว
รวมหลักการใช้ 12 Tense แบบละเอียด ครบ จบ ในที่เดียว
เทคนิคการใช้ Tense ทั้ง 12 แบบ เข้าใจง่าย ถูกตามหลักการใช้เป๊ะ
เทคนิคการใช้ Tense ทั้ง 12 แบบ เข้าใจง่าย ถูกตามหลักการใช้เป๊ะ
12 Tense มีอะไรบ้าง และโครงสร้างประโยคเป็นอย่างไร
12 Tense มีอะไรบ้าง และโครงสร้างประโยคเป็นอย่างไร
Tense | โครงสร้างไวยากรณ์ (Grammar)
Tense | โครงสร้างไวยากรณ์ (Grammar)
5 Tenses ในภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน - Camphub
5 Tenses ในภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน – Camphub
การ์ดจับกลุ่ม ชื่อ โครงสร้าง และตัวอย่างประโยคของ 12 Tenses
การ์ดจับกลุ่ม ชื่อ โครงสร้าง และตัวอย่างประโยคของ 12 Tenses
มัดรวมการใช้ Tense 12 แบบ จำง่าย หายงง!
มัดรวมการใช้ Tense 12 แบบ จำง่าย หายงง!
คุณมีวิธีจำหรือเข้าใจ 12 Tense ในภาษาอังกฤษยังงัยกันบ้าง มาแชร์กันหน่อย -  Pantip
คุณมีวิธีจำหรือเข้าใจ 12 Tense ในภาษาอังกฤษยังงัยกันบ้าง มาแชร์กันหน่อย – Pantip
สรุปการใช้ รวมหลักการใช้ 12 Tense – Tuemaster เรียนออนไลน์ ม.ปลาย
สรุปการใช้ รวมหลักการใช้ 12 Tense – Tuemaster เรียนออนไลน์ ม.ปลาย
12Tenses
12Tenses
12 Tense ราคาถูก ซื้อออนไลน์ที่ - ก.ค. 2023 | Lazada.Co.Th
12 Tense ราคาถูก ซื้อออนไลน์ที่ – ก.ค. 2023 | Lazada.Co.Th
เทคนิคจำ 12 Tenses ใน 10 นาที - Youtube
เทคนิคจำ 12 Tenses ใน 10 นาที – Youtube
โน้ตของ สรุป 12 Tenses ชั้น - Clear | การเรียนภาษาอังกฤษ, คำศัพท์ภาษาอัง  กฤษ, เรียนภาษาอังกฤษ
โน้ตของ สรุป 12 Tenses ชั้น – Clear | การเรียนภาษาอังกฤษ, คำศัพท์ภาษาอัง กฤษ, เรียนภาษาอังกฤษ
Present Continuous : กำลังทำอยู่ : หลักการใช้ - English Down-Under
Present Continuous : กำลังทำอยู่ : หลักการใช้ – English Down-Under
Tense In English - แกรมม่าต้องรู้ก่อนสอบ Toeic Memmoread
Tense In English – แกรมม่าต้องรู้ก่อนสอบ Toeic Memmoread
หลักการใช้ Tense ทั้ง 12
หลักการใช้ Tense ทั้ง 12
Tense 12 - อัลิปรียา เครื่องรัมย์ - หน้าหนังสือ 1 - 18 | พลิก Pdf ออนไลน์ |  Pubhtml5
Tense 12 – อัลิปรียา เครื่องรัมย์ – หน้าหนังสือ 1 – 18 | พลิก Pdf ออนไลน์ | Pubhtml5
การใช้ Tense – หนังสือแนะนำ
การใช้ Tense – หนังสือแนะนำ
เรียนมา 12 ปีไม่เคยจำได้!! มาดูวิธีจำ 12 Tense แป๊บเดียวก็ได้ง่ายจัง
เรียนมา 12 ปีไม่เคยจำได้!! มาดูวิธีจำ 12 Tense แป๊บเดียวก็ได้ง่ายจัง
หลักการใช้ Present Perfect Tense ใช้ใน 2 เหตุการณ์จงจำให้แม่น -  ภาษาอังกฤษออนไลน์
หลักการใช้ Present Perfect Tense ใช้ใน 2 เหตุการณ์จงจำให้แม่น – ภาษาอังกฤษออนไลน์
สรุป 12 Tense - ดาวน์โหลดหนังสือ | 1-26 หน้า | Pubhtml5
สรุป 12 Tense – ดาวน์โหลดหนังสือ | 1-26 หน้า | Pubhtml5
7 วัน พิชิต Tense ฉบับสมบูรณ์ เรียนรู้การใช้ Tense ภาษาอังกฤษ ทั้ง 12  รูปแบบ ด้วยตัวเองง่ายๆ ใน 7 วัน  อธิบายครบถ้วนตั้งแต่พื้นฐานเรื่องประโยคไปจนถึง Tense ต่างๆ  มีตัวอย่างและคำอธิบายอย่างละเอียด | Lazada.Co.Th
7 วัน พิชิต Tense ฉบับสมบูรณ์ เรียนรู้การใช้ Tense ภาษาอังกฤษ ทั้ง 12 รูปแบบ ด้วยตัวเองง่ายๆ ใน 7 วัน อธิบายครบถ้วนตั้งแต่พื้นฐานเรื่องประโยคไปจนถึง Tense ต่างๆ มีตัวอย่างและคำอธิบายอย่างละเอียด | Lazada.Co.Th
Eng Insite: หลักการจำโครงสร้าง 12 Tense แบบง่ายๆ
Eng Insite: หลักการจำโครงสร้าง 12 Tense แบบง่ายๆ
Past Simple Tense คืออะไร : สรุป เข้าใจง่าย - English Down-Under
Past Simple Tense คืออะไร : สรุป เข้าใจง่าย – English Down-Under
12 Tense ในภาษาอังกฤษ: โครงสร้าง หลักการใช้ และสัญญาณการรับรู้
12 Tense ในภาษาอังกฤษ: โครงสร้าง หลักการใช้ และสัญญาณการรับรู้
4 วิธีจำโครงสร้าง Tense ทั้ง 12 และหลักการใช้ง่ายๆใน 3 นาที
4 วิธีจำโครงสร้าง Tense ทั้ง 12 และหลักการใช้ง่ายๆใน 3 นาที
Khunkrunat] #ภาษาอังกฤษวันละหลายคำกับครูนัท  ♦️ภาษาอังกฤษวันละหลายคำกับครูนัท วันนี้ครูนัทขอเสนอการใช้ Tenses ทั้ง12  Tenses
Khunkrunat] #ภาษาอังกฤษวันละหลายคำกับครูนัท ♦️ภาษาอังกฤษวันละหลายคำกับครูนัท วันนี้ครูนัทขอเสนอการใช้ Tenses ทั้ง12 Tenses
12 Tense – Jirakriengkrai
12 Tense – Jirakriengkrai
สรุป ! ทั้ง 12 Tense อย่างละเอียด มาดูกัน - Tuenong
สรุป ! ทั้ง 12 Tense อย่างละเอียด มาดูกัน – Tuenong
วิชามารภาษาอังกฤษ] วิธีจำ Tense ทั้ง 24 อย่างรวดเร็ว - Pantip
วิชามารภาษาอังกฤษ] วิธีจำ Tense ทั้ง 24 อย่างรวดเร็ว – Pantip
Present Simple Tense คืออะไร มีหลักการใช้งาน และวิธีการสร้างประโยคอย่างไร
Present Simple Tense คืออะไร มีหลักการใช้งาน และวิธีการสร้างประโยคอย่างไร
ทำความเข้าใจ 12 Tenses ด้วย Concept ง่ายๆ แค่ 10 นาที รู้เรื่อง | Dek-D.Com
ทำความเข้าใจ 12 Tenses ด้วย Concept ง่ายๆ แค่ 10 นาที รู้เรื่อง | Dek-D.Com
กริยา 3 ช่อง และ 12 Tense ระดับป.1-ป.6 | ร้านหนังสือนายอินทร์
กริยา 3 ช่อง และ 12 Tense ระดับป.1-ป.6 | ร้านหนังสือนายอินทร์
English So Easy : Tenses คืออะไร..? หลักการใช้ 12 Tenses จำง่าย เข้าใจง่าย  ไม่สับสน..
English So Easy : Tenses คืออะไร..? หลักการใช้ 12 Tenses จำง่าย เข้าใจง่าย ไม่สับสน..
Grammar: จัดไป! รวมโครงสร้างประโยคคำถามของทั้ง 12 Tenses
Grammar: จัดไป! รวมโครงสร้างประโยคคำถามของทั้ง 12 Tenses
หลักการใช้ Tense – Let'S Join English!
หลักการใช้ Tense – Let’S Join English!
รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษ 2
รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษ 2

ลิงค์บทความ: หลักการ ใช้ tense ทั้ง 12.

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโพสต์หัวข้อนี้ หลักการ ใช้ tense ทั้ง 12.

ดูเพิ่มเติม: lasbeautyvn.com/category/digital-studios

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *