แต่งประโยคคำกริยาภาษาอังกฤษ: เรียนรู้วิธีใช้และดีอย่างไร

แต่งประโยคคำกริยาภาษาอังกฤษ

แต่งประโยคคำกริยาภาษาอังกฤษเป็นหนึ่งในทักษะทางภาษาที่สำคัญมากในการเรียนรู้และใช้ภาษาอังกฤษ คำกริยาเป็นส่วนสำคัญในการแสดงออกถึงการกระทำ และสถานะของเราทั้งในปัจจุบัน อดีต และอนาคต องค์ประกอบประโยคที่ถูกต้องเหมาะสมและกริยาที่ถูกต้องเลือกใช้จะช่วยสื่อถึงความรู้สึก ความคิด และลักษณะต่าง ๆ ของเราได้ดียิ่งขึ้น

แนวคิดและหลักปฏิบัติในการแต่งประโยคภาษาอังกฤษ

1. ใช้กริยาในรูปที่เหมาะสมกับบุคคลหรือการกระทำที่ถูกกำหนดในประโยค เช่น I eat, you eat, he/she/it eats, we eat, they eat

2. ประกอบคำกริยากับกรรม เช่น I eat an apple, he reads a book

3. ใช้กริยาที่ถูกต้องจาก Tense (กาล), Aspect (ลักษณะ), Mood (ความคิดเห็น), และ Voice (สถานะเสียง) เพื่อให้ประโยคมีความเข้าใจและถูกต้อง เช่น I have been studying English for 3 years (Present Perfect Continuous Tense)

4. ประกอบกริยากับคำกริยาช่วยเพื่อกำหนดเวลา เช่น I am going to the cinema tomorrow (Future)

5. ปรับเปลี่ยนรูปเสียงของกริยาตามกฎเกณฑ์ที่กำหนด เช่น play (เป็นกริยาในรูปธรรมดา), played (กริยาผ่าน), playing (กริยาปัจจุบัน), plays (กริยาในรูปพหูพจน์)

6. คำกริยาอาจมีคำอื่นที่อยู่ประกอบ เช่น break up, put off, get up

ประเภทของคำกริยาในภาษาอังกฤษ

1. กริยาหลัก (Main Verbs) – คำกริยาหลักที่ใช้เพื่อแสดงการกระทำหรือสถานะ เช่น run, eat, sleep

2. กริยาวิเศษณ์ (Modal Verbs) – คำกริยาที่ใช้เพื่อแสดงความเป็นไปได้เช่น can, could, may, might

3. กริยาโมดัล (Modal Auxiliary Verbs) – คำกริยาที่ใช้เพื่อช่วยกริยาหลักเพื่อเปลี่ยนความหมายเช่น I must eat (การแนะนำ)

รูปแบบและข้อกำหนดในการใช้คำกริยาในประโยคภาษาอังกฤษ

1. ใช้กริยาหลักและกริยาวิเศษณ์ตามประธาน ยกเว้นกริยาโมดัลที่ใช้เองมีหน้าที่พูดถึงประธานเสมอ เช่น I eat an apple. (กริยาหลัก), You can eat an apple. (กริยาโมดัล)

2. กริยากรรม (Object) จะอยู่หลังกริยาหลักหรือหลังกริยาโมดัล ยกเว้นกริยาโมดัล “be” จะตามอยู่หลังกริยาหลัก เช่น I read a book. (กริยาหลัก), I can read a book. (กริยาโมดัล)

3. ใช้กริยาที่ถูกต้องในประโยคตาม Tense, Aspect, Mood, และ Voice เพื่อให้ประโยคมีความหมายเข้าใจและถูกต้อง เช่น I am studying English. (Present Continuous Tense)

ความหมายและโครงสร้างของกริยาในประโยคภาษาอังกฤษ

1. กริยาหลัก (Main Verbs) – ใช้เพื่อแสดงการกระทำหรือสถานะ เช่น I eat an apple. (การกระทำ), It is hot. (สถานะ)

2. กริยาวิเศษณ์ (Modal Verbs) – ใช้เพื่อแสดงความเป็นไปได้ เช่น I can swim. (การกระทำที่มีความสามารถ)

3. กริยาโมดัล (Modal Auxiliary Verbs) – ใช้เพื่อช่วยกริยาหลักเพื่อเปลี่ยนความหมาย เช่น I should eat. (การแนะนำ)

การกระทำของกริยาและการช่วยกริยาภาษาอังกฤษ

1. การกระทำของกริยา – กริยาในรูปที่ถูกต้องจะช่วยให้เราเข้าใจว่าเรากำลังทำอะไร เช่น I study English. (กริยาที่กำลังเริ่มทำ)

2. การช่วยกริยาภาษาอังกฤษ – กริยาช่วยอาจจะใช้เพื่อเปลี่ยนเวลาหรือการกระทำ เช่น I am studying English. (กริยาช่วย “am” เปลี่ยนเวลาเป็นปัจจุบัน)

เคล็ดลับในการเลือกใช้คำกริยาที่ถูกต้องและเหมาะสมในประโยคภาษาอังกฤษ

1. เข้าใจเนื้อหาและประเด็นหลักของประโยค และเลือกใช้กริยาที่ถูกต้องสอดคล้องกับคำนามหรือประธาน

2. ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์สำหรับการใช้ Tense, Aspect, Mood, และ Voice เพื่อให้ประโยคมีความเข้าใจและถูกต้อง

3. ใช้กริยาวิเศษณ์หรือกริยาโมดัลเพื่อแสดงความเป็นไปได้หรือการเสนอแนะ

4. ใช้คำกริยาที่สอดคล้องกับบุคคลหรือการกระทำที่ปรากฏในประโยค

5. อ่านและส่งต่อบทเรียนในการใช้คำกริยาเพื่อพัฒนาความเข้าใจและทักษะในการแต่งประโยค

คำกริยาเป็นส่วนสำคํญของประโยคในภาษาอังกฤษ เพื่อให้ประโยคมีความหมายเข้าใจได้อย่างชัดเจนและถูกต้อง แนวคิดและหลักปฏิบัติที่ถูกต้องในการแต่งประโยคคำกริยาในภาษาอังกฤษที่เราควรจะรู้จัก เป็นให้ว่าเราสามารถเรียนรู้และฝึกฝนทักษะในการใช้คำกริยาเพื่อให้ประโยคในภาษาอังกฤษของเรากลมกลืนและเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น

FAQs:

1. แต่งประโยคคำกริยาภาษาอังกฤษแตกต่างจากการแต่งประโยคคำกริยาภาษาไทยอย่างไร?
การแต่งประโยคคำกริยาในภาษาอังกฤษและภาษาไทยแตกต่างกันตรงที่ยุคมรณกรรมในภาษาอังกฤษจะมีความสั้นและกระชับกว่า โดยไม่ทราบถึงเวลารณกรรมหรือสาเหตุจากช่วงเวลา อีกทั้งคำกริยาไฟฟ้าในภาษาอังกฤษยังมีข้อบังคับเกี่ยวกับการใช้ในการแสดงการกระทำที่มีการหยุดเวลาเสมอ

2. คำกริยาอังกฤษมีกี่รูปแบบ?
นักศึกษาภาษาอังกฤษต้องเรียนรู้กันว่ามีกริยาอังกฤษทั้งหมด 3 รูปแบบ

แต่งประโยคภาษาอังกฤษ กริยา 3 ช่อง: แนะนำและประยุกต์ใช้

ในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ การเข้าใจและการนำไปประยุกต์ใช้กริยาในประโยคเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อให้เราสื่อสารได้ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ เมื่อเราพูดหรือเขียนภาษาอังกฤษอีกทั้งยังรับรู้ได้ว่าการใช้กริยา 3 ช่องมีความซับซ้อนน้อยกว่าส่วนมากของกริยาธรรมดา

กริยา 3 ช่องหมายถึงกริยาที่สามารถเปลี่ยนรูปได้ ณ เวลาที่แตกต่างกัน เช่น กริยา tell (เล่า) จะมีรูปของ กริยาช่องที่ 1 tell, กริยาช่องที่ 2 told และกริยาช่องที่ 3 told อย่างเป็นทางการ ในบทความนี้ เราจะศึกษาและประยุกต์ใช้กริยา 3 ช่องให้เข้าใจอย่างละเอียด

กริยาช่องที่ 1 (Base Form)

กริยาช่องที่ 1 หรือ Base Form จะเป็นรูปในสภาพต้นแบบที่ไม่เปลี่ยนแปลง เช่น go (ไป), come (มา), eat (กิน) เป็นต้น กริยาช่องที่ 1 นี้ใช้กับกระทำศักดิ์สิทธิ์ (subject) เป็นบุคคลสถานะที่ 1 (I, we), บุคคลสถานะที่ 2 (you), และบุคคลสถานะที่ 3 (he, she, it, they) เช่น

– I always go to the park on Sundays. (ฉันมักจะไปที่สวนสนุกเสาวภาในวันอาทิตย์เสมอ)
– She eats a lot of vegetables. (เธอกินผักมาก)

กริยาช่องที่ 2 (Past Simple)

กริยาช่องที่ 2 หรือ Past Simple เป็นรูปที่ใช้เมื่อกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต เช่น went (ไป), came (มา), ate (กิน) เป็นต้น รูปกริยาช่องที่ 2 นี้ใช้กับกระทำศักดิ์สิทธิ์ที่มีบุคคลสถานะที่ 1 (I, we) เป็น subject เท่านั้น เช่น

– We went to the beach last weekend. (เราไปทะเลที่สุดสัปดาห์ที่แล้ว)
– I came here yesterday. (ฉันมาที่นี่เมื่อวานนี้)

กริยาช่องที่ 3 (Past Participle)

กริยาช่องที่ 3 หรือ Past Participle เป็นรูปที่ใช้กับกริยาช่องที่ 3 ซึ่งมักใช้หลังกริยาช่องที่ 2 ใน interrogative (คำถาม), negative (ปฏิเสธ), หรือ perfect tenses (กาลเวลาเสริม) เช่น gone (ไป), come (มา), eaten (กิน) เป็นต้น กริยาช่องที่ 3 นี้ใช้กับกระทำศักดิ์สิทธิ์ที่มีบุคคลสถานะที่ 1 (I, we), และบุคคลสถานะที่ 3 (he, she, it, they) เป็น subject เท่านั้น เช่น

– Has he gone to the library yet? (เขาไปที่ห้องสมุดแล้วหรือยัง)
– They have eaten all the pizza. (พวกเขากินพิซซ่าหมดแล้ว)

คำถามที่พบบ่อย

1. จำต้องกล่าวกริยาช่องที่ 3 หลังกริยาช่องที่ 2 เสมอหรือไม่?
– ไม่จำเป็นต้องกล่าวกริยาช่องที่ 3 หลังกริยาช่องที่ 2 เสมอ โดยอาจใช้กริยาช่องที่ 2 เลยก็ได้

2. กริยาช่องที่ 3 ใช้กับกระทำศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นบุคคลสถานะที่เท่าไหร่?
– กริยาช่องที่ 3 ใช้กับกระทำศักดิ์สิทธิ์ที่มีบุคคลสถานะที่ 1 (I, we) และบุคคลสถานะที่ 3 (he, she, it, they)

3. จะรู้ได้อย่างไรว่าเราควรใช้กริยาช่องที่ 2 หรือ กริยาช่องที่ 3?
– การใช้กริยาช่องที่ 2 หรือ กริยาช่องที่ 3 ขึ้นอยู่กับรูปแบบประโยค และเส้นทางเนื้อหาของประโยคนั้น อาจต้องศึกษาเพิ่มเติมว่ากำลังพูดถึงเหตุการณ์ในอดีตหรือไม่

ในการใช้ภาษาอังกฤษอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ การเรียนรู้และปฏิบัติทักษะในกริยา 3 ช่องเป็นสิ่งสำคัญ แม้ว่ารูปแบบการเกิดรูทีเซียนกับกริยาช่องที่ 2 และช่องที่ 3 อาจเป็นซับซ้อนน้อยกว่าโครงสร้างคำสั่งทั่วไป การใช้กริยา 3 ช่องให้ถูกต้องไม่เพียงแต่จะช่วยสร้างประโยคที่ผ่านพวกกริยาธรรมดา แต่ยังช่วยให้ประโยคสื่อสารได้อย่างถูกต้องและละเอียดถี่ถ้วน

คำกริยา 1000 คำในภาษาอังกฤษ (1000 Most Common English Verbs) เป็นรายการที่สำคัญและสามารถช่วยให้ผู้เรียนภาษาอังกฤษประโยคชัดเจนและนำไปใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือว่าการรู้คำกริยาภาษาอังกฤษหนึ่งพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับคนที่ต้องการพัฒนาทักษะการเขียนและการสื่อสารเป็นอย่างมาก ในบทความนี้เราจะพาท่านสำรวจรายละเอียดเกี่ยวกับคำกริยา 1000 คำ และเสนอคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเรื่องนี้

คำกริยา 1000 คำ ถูกสรุปเมื่อค้นคำกริยาในภาษาอังกฤษทั้งหมด ซึ่งเหตุผลที่ 1000 คำเลือกได้เพราะมีความสำคัญและถูกใช้บ่อยครั้งในแบบภาษาอังกฤษตามแบบฉบับต้นฉบับ เรียนรู้คำกริยาเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถสร้างประโยคในภาษาอังกฤษได้อย่างรวดเร็วและทำให้เราสื่อสารได้อย่างชัดเจน เราสามารถใช้คำกริยาเหล่านี้ในรูปที่แปรผันได้ตามความต้องการของประโยคเพื่อให้คำศัพท์ของเราหลากหลายและน่าสนใจมากขึ้น

การใช้คำกริยาในประโยคในภาษาอังกฤษมีหลายรูปแบบ เช่น กริยาช่วย (auxiliary verbs) เช่น be, do, have ใช้เมื่อต้องการสร้างประโยคในอดีต (past tense), ปัจจุบัน (present tense), หรืออนาคต (future tense) คำกริยาเหล่านี้มักจะเป็นประกอบอยู่ในประโยคอธิบายหรือประโยคบอกเล่า

นอกจากนี้ ยังมีคำกริยาที่มีหน้าที่เป็นกริยาหลัก (main verbs) เช่น go, eat, sleep ซึ่งใช้เป็นคำกริยาหลักในประโยคเพื่อแสดงความหมายหรือเรื่องราวส่วนใหญ่ การใช้ในประโยคสามารถเติมคำกริยาช่วยตามด้วย เช่น I am going, She should eat

คำกริยาในภาษาอังกฤษนั้นมีลักษณะการแปรผันที่ค่อนข้างมาก เรียกว่า “ตารางเวลาของกริยา” (tenses of verbs) โดยมีหลักการแปรผันเบื้องต้นได้แก่ อดีต (past), ปัจจุบัน (present), อนาคต (future) พร้อมทั้งยังมีรูปแบบการแปรผันในการไปมาระหว่างคน (person) เช่น คำกริยาช่วย be ยังมีรูปแบบเผ่าพันธุ์กริยาเหล่านี้ เช่น is, am, are

คำถามเกี่ยวกับคำกริยา 1000 คำในภาษาอังกฤษที่พบบ่อย:

1. คำกริยาแต่ละตัวมีความหมายอย่างไร?
คำกริยาต่างๆ จะมีความหมายและการใช้งานที่แตกต่างกันไป การศึกษาและการทดลองใช้ประโยคจะช่วยให้เราเข้าใจความหมายและวิธีการใช้งานของแต่ละคำได้ง่ายขึ้น

2. คำกริยาเหล่านี้มีการเปลี่ยนรูปอย่างไร?
คำกริยาในภาษาอังกฤษมีรูปแบบการแปรผันที่หลากหลาย เช่น คำกริยาช่วย be จะมีรูปแบบไปตามเฉลยตารางเวลา เช่น am, is, are, was, were, been และคำอื่นๆ ก็มีรูปแบบที่แตกต่างกันไปตามเฉลยหนึ่งที่เติม s, -ed หรือ -ing

3. ผู้ใช้งานควรจดคำกริยา 1000 คำเหล่านี้ลงในคำพูดหรือคำเขียนทั้งหมดหรือไม่?
ไม่จำเป็นต้องจำทั้งหมด เนื่องจากรายการนี้เป็นรายการฐานที่สำคัญและคำสร้อย (หรือคำอย่างตรงไปตรงมา) เพียงพอที่จะต้องการในการสนทนาประจำวัน อย่างไรก็ตามการศึกษาคำกริยาเหล่านี้จะช่วยให้คุณมีความรู้พื้นฐานที่ดีและสามารถสร้างประโยคให้ชัดเจนได้

4. อะไรคือวิธีการเรียนรู้คำกริยาในภาษาอังกฤษที่มีประสิทธิภาพ?
มีหลายทางที่คุณสามารถเรียนรู้คำกริยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างแรกคือให้คุณทำความเข้าใจความหมายของแต่ละคำกริยาและการใช้งานของแต่ละรูปแบบ การมีประสบการณ์ในการอ่านและการฟังในภาษาอังกฤษจะช่วยให้คุณค้นพบคำกริยาในบริบทที่แท้จริง นอกจากนี้ ใช้เทคนิคการจดจำคือการเขียนคำกริยาและการสร้างประโยคใหม่ๆ เพื่อเข้าใจและจดจำได้ดีเพื่อนำไปใช้ในประโยคสื่อสารได้อย่างถูกต้อง

5. มีแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมไหมที่ให้คำศัพท์สร้างประโยคอื่นๆ เกี่ยวกับคำกริยาในภาษาอังกฤษ?
นอกจากคำกริยา 1000 คำนี้ ยังมีหนังสือและวิดีโอที่สามารถใช้ในการเน้นคำกริยาเพิ่มเติมได้ หรือการฟังบทสนทนาจริงที่มีคำกริยาและประโยคเฉพาะโดยได้ นอกจากนี้ยังมีแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ออนไลน์ที่มีการฝึกฝนด้านคำกริยาและการสร้างประโยคด้วย

ย่อมาถึงการเรียนรู้คำกริยา 1000 คำในภาษาอังกฤษ คำกริยาที่สำคัญและถูกใช้งานบ่อยอาจเพิ่มระดับความรู้สูงของคุณเสมอ เรียนรู้และฝึกปฏิบัติคำกริยาเหล่านี้ในบทสนทนาจริงจะช่วยให้การสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษของคุณดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสนทนากับคนอื่นๆ จากทุกมุมโลกหรือใช้ในการเขียนเอกสาร คำกริยา 1000 คำเป็นโครงสร้างฐานที่สำคัญสำหรับการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของคุณ

แต่งประโยคคำกริยาภาษาไทย

ในภาษาไทยการแต่งประโยคคำกริยาเป็นส่วนสำคัญที่ทุกคนควรรู้เพราะมีบทบาทสำคัญในการสื่อสารและเข้าใจความหมายของประโยค ในบทความนี้เราจะมาสำรวจคำกริยาในภาษาไทย รวมถึงวิธีแต่งประโยคคำกริยาที่ถูกต้องและน่าสนใจ นอกจากนี้ ยังมีส่วน FAQ (คำถามที่พบบ่อย) ที่จะได้รับการตอบกลับเป็นคำแนะนำเพื่อช่วยให้คุณใช้คำกริยาได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพในการสื่อสารภาษาไทย

คำกริยาเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญในประโยค เป็นประโยคที่บอกถึงการกระทำ สภาวะ การเปลี่ยนแปลง หรือสภาวะที่เกิดขึ้นกับเรื่องนั้น คำกริยาในภาษาไทยสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น การกริยาที่ใช้ต่อเนื่องกัน เช่น “เรากำลังทํางาน” หรือ “เด็กกำลังเล่น” การกริยาที่ไม่ต้องใช้สรรพากร เช่น “จองรถ” หรือ “ซื้อของ” และ การกริยาที่ใช้ร่วมกับโทนหรือคำคุณศัพท์ เช่น “แสงสว่าง” หรือ “ปาใจ” เป็นต้น

การแต่งประโยคคำกริยาในภาษาไทยมีกฎเบื้องต้นที่ควรจะทราบ โดยเฉพาะถ้าเราต้องการให้ประโยคชัดเจนและความหมายถูกต้อง เราควรนำการแต่งประโยคตามลำดับดังนี้:

1. กริยา+กรรม: เป็นประโยคที่มีกริยาอยู่ท้ายประโยค กริยาจะเป็นต้นทางของคำอื่นๆในประโยค เช่น “ฉันรักเธอ” หรือ “เขาเชิญคุณ”

2. กรSubject+กริยา+กรรม: เป็นการใช้กริยาแบบมีกรรมโดยมี Subject คือบุคคลหรือสถานะที่กระทำกริยาในประโยค เช่น “เธอช่วยฉัน” หรือ “พ่อกำลังเข็นรถ”

3. กริยา+กรรม+กรรมช่องที่สอง: เป็นการใช้กริยาสองตัวขึ้นไปในกรรมเดียวกัน โดยแต่ละกรรมมีบทบาทห้ามเปลี่ยน ตัวอย่างเช่น “ฉันให้เพื่อนของฉันหนังสือ” หรือ “ผู้ชายขโมยเงินคนอื่น”

การใช้คำกริยาในภาษาไทยยังมีข้อควรระวังบางประการ ที่มักจะสร้างความสับสนหรือเข้าใจผิดว่าเสียงที่ออกมาคือคำกริยาหรือคำวิเศษณ์ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น สามารถใช้คำวิเศษณ์นำไปใช้กับคำกริยา เช่น “อย่างรักษาอยู่” หรือ “อย่างช้า” แต่ควรจะใช้ต่อเพียงคำกริยาเท่านั้น

FAQs (คำถามที่พบบ่อย)

คำถาม: มีกี่ประเภทของคำกริยาในภาษาไทย?
คำตอบ: ในภาษาไทยมีประเภทของคำกริยาหลายประเภทเช่น กริยาที่ใช้ต่อเนื่อง, กริยาที่ไม่ต้องใช้สรรพากร, และ กริยาที่ใช้ร่วมกับคำคุณศัพท์หรือโทนอื่นๆ

คำถาม: ด้วยการใช้สรรพากร มีกฎอะไรบ้างที่เราควรจะนำมาใช้ในการแต่งประโยคคำกริยาในภาษาไทย?
คำตอบ: การใช้คำกริยาผ่านสรรพากรแบ่งออกเป็นสามประเภท คือ การใช้ ‘ได้’ ท่ามกลางช่วงคำกริยา, การใช้ ‘สรรพากรแทน’, และการใช้คำกริยาตามด้วยคำหรือคำคุณศัพท์ที่สรรพากรแสดงความหมาย

คำถาม: เราควรจะใช้คำกริยาเสริมอย่างไรให้ถูกต้อง?
คำตอบ: เมื่อใช้คำกริยาเสริม เราควรต้องนำคำกริยาหลักมาติดต่อคำกริยาเสริม เช่น “เรากำลังทำงาน” หรือ “เขามาเยือนเรา”

คำถาม: มีข้อควรระวังในการใช้คำกริยาในภาษาไทยอย่างไร?
คำตอบ: ควรระวังการใช้คำกริยาในรูปแบบที่สามารถสับสนกันได้ เช่น คำกริยาที่กลายเป็นคำวิเศษณ์หรือคำนาม เพื่อป้องกันความสับสนในการสื่อสารและเข้าใจผิดว่าสิ่งที่เราต้องการประเด็นออกมาถูกต้อง

ในภาษาไทยคำกริยาเป็นส่วนสำคัญที่ไม่ควรถูกละเลย เพราะมีบทบาทสำคัญในการสื่อสารและเข้าใจความหมายของประโยค การใช้คำกริยาในภาษาไทยต้องปฏิบัติตามกฎและหลักเบื้องต้นเพื่อให้คำต่างๆอยู่ในที่ที่ถูกต้องและสื่อความหมายได้อย่างชัดเจน หวังว่าบทความนี้จะช่วยเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจในการใช้คำกริยาในภาษาไทยอย่างถูกต้อง

พบ 19 ภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ แต่ง ประโยค คํา กริยา ภาษา อังกฤษ.